พระพุทธเจ้าไม่ใช่เดียรถีย์!! และไม่มีพระอริยะสาวกท่านใดเรียกพระองค์ว่าเป็นเดียรถีย์

เฮ้อ ผมพลาดไปจริงๆ ปล่อยไก่ไปเสียหมดเล้า
จริงๆปล่อยให้บักง่าวฤทธีหรือจ้าวนครเมฆขาวตื่นเต้นดีใจไปบ้างผมก็ดีใจด้วย
แต่ปล่อยไว้นานคงไม่ไหว
ผมเองก็สับสนไปเสียนาน มัวแต่งงกับรากศัพท์บาลี
ไปเข้าใจเอาว่าคำไหนก็ตามที่รากศัพท์เดียวกันต้องให้ความหมายเหมือนกันเสมอ


คำว่าเดียรถีย์ ตรงตัวคือ "ติตฺถิย"
คำอื่นๆก็คำอื่นๆ เขียนเหมือน แต่ใช่ว่าจะเป็นคำที่ให้ความหมายเดียวกัน
ถามว่า เจ้าของท่า กับ ท่า มีความหมายเหมือนกันหรือ
ยกตัวอย่างคำว่าเ-หี้-ย hereหมายถึงสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง
แต่คำว่าไอ้เ-หี้-ย "i-here"กลับกลายเป็นคำด่าไปเสียฉิบ

ดังนั้นการใช้คำที่เพิ่มลดตัวอักษรเข้าไปย่อมให้ความหมายที่ต่างกันอยู่แล้ว
จะมาบอกว่า"ติตฺถ" "ติตฺถวาโส" "ติตฺถญฺจ" "ติตถกโร" มีความหมายเดียวกับ "ติตฺถิย" ที่หมายถึงเดียรถีย์ไม่ได้




แม้ในพระไตรปิฏกมีการให้ความหมายพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าท่า
แต่ผมก็ไม่เคยพบว่ามีพหูสูตหรือพระอริยสาวกเรียกพระพุทธเจ้าว่า เดียรถีย์ "ติตฺถิย"
คือบุคคลผู้พอใจ ชอบใจทิฏฐิ ๖๒ เหล่านั้น เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ที่จขกทยกมา ล้วนแต่เป็นคำอาจจะมาจากรากศัพท์เดียวกัน
แต่ไม่ได้ให้ความหมายว่าเดียรถีย์เลยดังนั้นที่ยกมาทั้งหมดเป็นการตอบไม่ตรงประเด็นทั้งสิ้น

อย่าลืมนะครับ เราถกกันที่ประเด็นว่าเดียรถีย์เงื่อมเรียกพระพุทธเจ้าว่าเดียรถีย์
เราไม่ได้ถกว่าเรียกพระองค์ว่า "ติตฺถ" "ติตฺถวาโส" "ติตฺถญฺจ" "ติตถกโร" หรืออื่นๆ
เราว่ากันที่ คำว่าเดียรถีย์ "ติตฺถิย" อันนี้ผมกล่าวชัดเจนนะครับ

ชัดเจนนะครับเรื่องเดียรถีย์
ยกตัวอย่างเช่น
ติตฺถิยสาวโก สาวกเดียรถีย์
ติตฺถิยปกฺกนฺโต ภิกฺขเว      กุลบุตรที่ชื่อว่าเข้ารีตเดียรถีย์..
ติตฺถิยา ได้แก่ นักบวชนอกพระพุทธศาสนา ซึ่งมีความเห็นผิด
นานาติตฺถิยสาวกา ความว่า เทพบุตรสาวกของเดียรถีย์ต่างๆ
ข้อว่า เอวมฺปิ ภิกฺขเว อญฺญติตฺถิยปุพฺโพ อนาราธโก โหติ มีความว่า กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์
ติตฺถิเย ติตฺถิยสญฺญี มีความว่า มารดาก็ดี บิดาก็ดี (ของภิกษุ) บวชในหมู่เดียรถีย์
อญฺญติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกานํ อธิคโม ความว่า การบรรลุคุณทั้งหมดของพาหิรกชน


  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสในวาระว่าด้วยทำให้แจ้งความเป็นผู้ทุรพลนี้ ด้วยอาการคือ การบอกลา. (หมายถึงลาสิกขา=สึก..cantona_z)
               ๘ บทเหล่านี้ คือ :-
                   ...
                   ติตฺถิโย      "      ข้าพเจ้าพึงเป็นเดียรถีย์
                   ติตฺถิยสาวโก  "      ข้าพเจ้าพึงเป็นสาวกเดียรถีย์

                   

จะเห็นชัดเจนว่าความหมายของคำว่า เดียรถีย์ "ติตฺถิย" กับความหมายของคำอื่นๆที่นายจ้าวนครเมฆขาวพยายามยกมาบิดเบือนนั้น
มีความหมายและนัยยะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เพราะเดียรถีย์ในความหมายของพุทธศาสนาหมายถึง  บุคคลผู้พอใจ ชอบใจทิฏฐิ ๖๒ ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐินั่นเอง

          http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=501
                                                        ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเดียรถีย์              
            ...
               บุคคลผู้พอใจ ชอบใจทิฏฐิ ๖๒ เหล่านั้น ชื่อว่าเดียรถีย์
               บุคคลผู้ถวายปัจจัยแก่เดียรถีย์เหล่านั้น ชื่อว่าสาวกของเดียรถีย์



ชัดเจนนะครับ

ส่วนนายจ้าวนครเมฆขาวและบรรดาผู้ร่วมถูกใจ ที่ในกระทู้ที่เรียกพระพุทธเจ้าและพระพุทธโฆสะเป็นเดียรถีย์นั้น
รับกรรมกันเองแล้วกัน
ผมไม่เกี่ยว

และพร้อมกันนี้ ที่ผมเข้าใจผิดไปว่า เดียรถีย์แปลได้ว่าพหูสูตร ตามที่ผมยกย่องเดียรถีย์เงื่อมไปนั้น ก็ยกเลิกไปโดยปริยาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่