อนาคตของ AQ (2) .......

กระทู้คำถาม
"ความไม่แน่นอน คือ ความแน่นอน " ที่ถูกกำหนดวางแผนมาเรียบร้อยโดยคนบางคน

บริษัท KMC ทำอสังหามานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่บริหารก็ยังเหมือนเดิม จึงต้องมีคนมาวางแผนเสียใหม่ให้ดีขึ้น.....

แผนสำหรับคนบางคนกำหนดมาให้เหมือนหมากกระดาน ที่มีการวางแผนล่วงหน้า

1. เริ่มจาก ให้กรรมการผู้จัดการ (นาย วิรัตน์ เอี้ยวอักษร) เข้ามาเคลียร์ หนี้เก่า ของ บริษัท KMC (ชื่อเดิม) เพื่อให้มีความพร้อมในอนาคต
2. ให้ KMC ซื้อหุ้นใน บริษัท อควาเรียส  และ ดึง คุณ ยงยุทธ นั่งแท่นซีอีโอ (CEO)  
3. เปลี่ยนชื่อบริษัท จากบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)  เป็น “เอคิว เอสเตท (AQ ESTATE)”
4. หา ผู้ถือหุ้นใหญ่ เข้ามาถือหุ้น มากขึ้น ปัจจุบันยังไม่มีใครถือถึง 30%  (เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือในการเข้ามาลงทุน)


แน่นอนสำหรับแผนการที่คิดไว้ จะต้องคิดถึงขั้นตอนประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคต
ก่อนจะทำให้คนเชื่อถือบริษัท ซึ่งทำได้ยาก หากประวัตินั้นไม่ค่อยดีนัก  จึงต้องหาผลลัพธ์ที่เป็น "รูปธรรม"

1. บริษัท AQ เริ่มกระบวนการล้างขาดทุนเก่าได้หมด โดยดำเนินการลดพาร์จาก 20 บาท ลงมาเหลือ 0.50 สตางค์
    (เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 1,200 ล้านบาท)
2. ล้างขาดทุนได้แล้ว บริษัทเริ่มมีเงินทุน จากผู้ที่มาเพิ่มทุน
3. บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น
4. มีผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทจะได้รับประโยชน์ส่วนนี้เหมือนมีเงินทุนเพิ่มขึ้น จาก ข้อ 1-3  (ไม่นับผู้ถือหุ้นรายย่อ เฉพาะเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง)
5. ผลลัพธ์ จะออกมาทาง งบไตรมาส แล้วรายย่อยจะเข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้นเองในเวลานั้น


การขายหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงที่บริษัทจะได้รับประโยชน์ (สำคัญมาก)

1. เพื่อสร้างความชัดเจนและความมั่นใจให้แก่สถาบันการเงิน เกี่ยวกับโครงสร้างสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่
2. เพื่อจะได้มีเงินทุนสำหรับอนาคต
3. เพื่อลดพาร์ จาก 20 บาท เหลือ 0.5 สตางค์ ล้างขาดทุนสะสมเก่า 1,200 ล้านบาท

ปัญหา ตอนนี้ล่ะ ?

- หุ้นรายใหญ่ต่อรายมีสัดส่วนไม่เกิน 5% ทำให้ขาดเจ้าภาพหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ


อนาคตของ AQ ตอนนี้รอเพียงคนมา take over แบบ Backdoor listing  

รอ "คนที่มีเงินมากพอ" + "มีประวัติที่น่าเชื่อถือ" + "มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน" + "มีชื่อเสียงพอที่จะทำให้คนสนใจเข้ามาลงทุน"
เข้ามาถือหุ้น โดยซื้อเพิ่มทุน แบบเฉพาะเจาะจง (PP)


กรรมการบริษัท AQ ตอนนี้

นาย ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์        ประธานคณะกรรมการบริษัท  + ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  (*****)
นาย วิรัตน์ เอี้ยวอักษร                   กรรมการผู้จัดการ
นาย สุทธิศักดิ์ วจีปิยนันทานนท์       กรรมการ
นาย ภพ เพชรสุวรรณ                    กรรมการ
นาย ฉวิวัชร์ พีชผล                       กรรมการอิสระ + กรรมการตรวจสอบ
นาย จตุรพล ภูมิวสนะ                    กรรมการอิสระ + กรรมการตรวจสอบ
นาย ชัยวัฒน์ อัศวินทรางกูร             กรรมการอิสระ + กรรมการตรวจสอบ
นาย อภิวุฒิ ทองคำ                      ประธานกรรมการตรวจสอบ


ผู้ที่ถือหุ้นของ AQ ตอนนี้

บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด            411,251,07             35.76%
นาย ปิยวัฒน์ ยงสวัสดิ์วาณิชย์          168,000,000             2.35%
นาง สุมาลี อ่องจริต                       130,882,788             1.83%
นาย ชวลิต พูนเพิ่มสุวรรณ               112,430,500             1.58%
นาย เกียรติ ศรีจอมขวัญ                  106,403,525             1.49%
นาย ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์          90,000,000               1.26%      (******)
นาง ขันทอง อุดมมหันติสุข              79,000,000               1.11%
นาย พิชัย วิจักขณ์พันธ์                   70,980,200               0.99%
นาย สุสิชณ์ทักษ์ อัจฉริยะสมบัติ        70,095,296               0.98%
นาย นันทพันธ์ มหัทธนธัญ               68,368,000               0.96%
นาย ภัทรณัฏฐ์ ญาณกรธนาพันธุ์        65,553,800               0.92%
นาง สุภาพร จันทร์เสรีวิทยา              42,000,000               0.59%
นาง สุดใจ วุฒิศักดิ์ศิลป์                   41,900,000               0.59%
นาย สุรชัย ศรีสันติสุข                     38,000,000                0.53%


ผมจะให้มองไปที่ผม ดอกจันไว้ข้างหลังนะ  (******)

นาย ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์  ตอนนี้เป็นประธานคณะกรรมการบริษัท + ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
หรือ พูดง่ายๆ คือ เป็น เจ้าของบริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด
ถือหุ้นอยุ่ 1.26 % ทั้งหมด 90,000,000 หุ้น ที่ราคา 0.45 บาท/หุ้น ซึ่ง ประเด็นสำคัญคือ
หากผู้บริหารคนนี้ ถือหุ้นมากกว่า บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ซึ่งตอนนี้ถืออยุ่ 35.76% จำนวณ  411,251,07  ล้านหุ้น
ก็จะเปรียบเหมือนการตั้งฐานสำคัญให้คนเข้ามาลงทุน เพราะความน่าเชื่อถือจะมากขึ้นนั่นเอง


ปัจจุบัน AQ ยังไม่มีใครถือหุ้นเกิน 200 ล้านหุ้นเลย (ไม่นับ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด)

1. อย่างนี้ใครเข้ามาถือหุ้นเกินกว่านี้เปรียบเหมือนเป็นการเข้ามายึดอำนาจการบริหาร AQ ทันที ?

- ถูกแล้ว บางทีคณะกรรมการบริหารของ AQ นี่แหละ ที่เป็นผู้ที่ยินยอม ให้คนเข้ามา take โดยการเพิ่มทุนแบบ PP
  อย่างสมยอม แบบ Backdoor listing  โดยการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว จะเป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
  บริษัท ก็ดีขึ้น ล้างขาดทุน - มีเงินทุน - มีกำไร และ "มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น"


2. แล้วเมื่อไร ผู้บริหารคนนี้จะถือหุ้นเพิ่มขึ้นล่ะ ?
- แน่นอนไม่มีใครรุ้นอกจากตัวเขาเอง บางทีเค้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยอมเสียตังเพื่อถือหุ้นเพิ่มขึ้นเพื่อให้รายย่อยสนใจ
แต่ใช้วิธีการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง PP โดยหากใครสนใจเข้ามาถือหุ้น ก็เปรียบเหมือนยึดอำนาจบริหารทันที เพราะจะถือหุ้นมากสุดนั่นเอง


3. แล้วใครล่ะที่จะมาเพิ่มทุนแบบ PP ?
- ตอนนี้มีนักลงทุนที่เสนอจะเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง 2 ราย ตอนนี้ยังไม่จ่ายตัง (จ่ายตัง ภายใน 31 ตุลาคม 2557)
1. นายนิรันดร์ เหตระกูล จำนวนหุ้น 1,000,000,000 หุ้น ราคา 0.342 ต่อหุ้น จำนวนเงิน 342 ล้านบาท
2. พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จำนวนหุ้น 2,500,000,0000 หุ้น ราคาต่อหุ้น 0.342 บาท จำนวนเงิน 855 ล้านบาท


4. แล้วรายย่อยที่เพิ่มทุน ในอัตราส่วน 7 : 2 ราคา 0.32 บาท/หุ้นล่ะ ไม่เพียงพอหรอ?
- ตอนนี้บริษัทต้องการความชัดเจนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และ บริษัทกำลังขาดเงินทุน จึงจำเป็นต้องนำเงินส่วนนึงจากรายย่อย
มาเข้าสู่กระบวนการล้างขาดทุนเช่นกัน ซึ่งอาจจ่ายไม่ครบ และเพื่อความแน่นอนชัดเจน จึงต้องมีรายใหญ่เข้ามาเพิ่มทุน

5. AQ เพิ่มทุนมากี่ครั้งแล้ว ทำไมไม่พอ ?
-ก็เพราะเพิ่มทุนแต่ละครั้ง ไม่เคยหมด จึงต้องเพิ่ม แล้วเพิ่มอีก แต่บริษัทจำเป็นต้องมีเงินทุน
ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาเรื่องเงินทุนอย่างมาก ที่ดินของบริษัท KMC เก่า เริ่มหมด จำเป็นต้องหาเงินทุนเพิ่มขึ้นสำหรับแผนโครงการในอนาคต

6. แล้วผู้ถือหุ้นรายย่อยจะได้ประโยชน์อะไร ?
- หากกระบวนการวางแผนสำเร็จ (ล้างขาดทุนสะสมเก่า) บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น จะประกาศภายหลังทุกอย่างเสร็จ


ซึ่งเมื่อดูแล้วหาก 2 คนที่ว่าเข้ามาเพิ่มทุน จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบ 30 % ซึ่งจำนวณหุ้นมากกว่า บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด
พอถึงตอนนั้น (จ่ายตังเพิ่มทุนเสร็จ) บริษัท AQ จะมีผู้เข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้นอีกเยอะ  จากความเชื่อมั่นในผู้บริหารชุดใหม่ ว่าจะล้างขาดทุนเก่าได้จริง
แถมมีเงินทุน มีกำไร เพิ่มขึ้น (เปรียบเหมือนธรรมาภิบาลของบริษัท)


สรุปขั้นตอนในอนาคตของ AQ ต่อจากวันนี้

1. ผู้ลงทุนที่จะซื้อหุ้นเฉพาะเจาะจง 2 ราย คือ นายนิรันดร์ เหตระกูล และ  พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
     ชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2557
2. ดำเนินการลดพาร์จาก 20 บาทลงมาเหลือ 0.50 สตางค์ เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 1,200 ล้านบาท
3. บริษัท เอคิวฯ จะปลอดจากขาดทุนสะสมและตัวเลขทางบัญชีจะดีขึ้น
4. เงินทุนที่ได้จะนำไปลงทุนเพื่อขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง
5. แถลงแผนธุรกิจในอนาคต


ผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่จะมาเพิ่มทุน หากจ่ายตังแล้ว จะเป็นการปรากฏตัวของผู้ถือหุ้นครั้งใหม่  และ จะส่งตัวแทนเข้ามายึดอำนาจการบริหาร AQ
เข้ามา take over แล้วจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของบริษัท  ทำให้บริษัทมีความชัดเจน ทำได้จริง

อนาคตคงเป็นเรื่องของกาลเวลา  แต่การวางแผนในอนาคตเป็นเรื่องสำคัญสำหรับปัจจุบัน ....

ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่