KMC ล้างไพ่เก่า รื้อชื่อบริษัท สร้างแบรนด์ใหม่ ดึง“ยงยุทธ” เจ้าของอควาเรียสฯ นั่งแท่น CEO เผยสิ้นปีผุดเพิ่ม 3 โครงการ
จากความเก๋าในแวดวงอสังหาฯมานานกว่า 30 ปี ของบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC ก็ถึงเวลาที่ต้องปรับทัพกันรอบใหญ่ ด้วยการล้างไพ่เก่าแบบหมดหน้าตัก และคว้ากุนซือด้านอสังหาฯ อย่างคุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เจ้าของบริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ที่เรียกว่าเก่งด้านการบริหารการขายเข้ามาเสริมทัพ โดยล่าสุด KMC ก็ได้ซื้อหุ้นในบริษัทอควาเรียสฯ และให้คุณยงยุทธ นั่งแท่นซีอีโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเปลี่ยนชื่อบริษัท จากบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) เป็น “เอคิว เอสเตท (AQ ESTATE)” ภายใต้การดำเนินงานของผู้ถือหุ้นรายใหม่ทั้งหมด ซึ่งใช้ทีมงานจากอควาเรียสฯ และเคเอ็มซีทำงานร่วมกัน
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) เผยว่า ขณะนี้ได้เข้ามาบริหารงานที่ KMC อย่างเต็มตัว ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงและเติบโต โดยเฉพาะเมื่อ KMC เข้ามาถือหุ้นสามัญของ บ. อควาเรียสฯ ทำให้เป็นการร่วมมือที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะติด top 10 บริษัทอสังหาฯ แถวหน้าของไทย ในอีก 3ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้บรรลุผลคือ ระบบไอที และการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ
สำหรับการเปลี่ยนชื่อบริษัทและปรับแบรนด์ใหม่เป็น “บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) (AQ ESTATE)” ขณะนี้จะนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย. ปี 57 เพื่อสร้างการรับรู้อย่างชัดเจนต่อไป
ส่วนการบริหารงานโดยรวมต่อจากนี้ไป คุณยงยุทธกล่าวว่า จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งคือ ไม่เน้นพัฒนาบ้านสวยเพียงอย่างเดียวแต่จะเน้นที่ลูกค้าสามารถลงทุนและต่อยอดทำกำไรจากสินค้าที่ซื้อได้ด้วย โดยมองว่าหากจะพัฒนาโครงการใน กทม. มองว่า คอนโดฯ คือการตอบโจทย์คนเมืองมากที่สุด ซึ่งทางบริษัทสามารถพัฒนาได้ในระดับราคาตั้งแต่ 40,000 – 300,000 บาทต่อตร.ม. ส่วนบ้านเดี่ยวก็ยังเติบโตได้เช่นกันแต่ดูที่ความต้องการของลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ซึ่งมองว่าบ้านเดี่ยวระดับราคา 15ลบ. เป็นกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการทั้งหมด 17 โครงการ แบ่งเป็นแนวสูง 6 โครงการ และแนวราบ 11 โครงการ มูลค่ารวม 41,000 ลบ. ซึ่งสัดส่วนการบริหารรายได้จากสินค้าแบ่งสัดส่วนออกเป็น
89% พัฒนาโครงการ (คอนโดฯ 60% บ้าน 40% )
2% รับจ้างบริหารพัฒนาโครงการ (Fee Base) ซึ่งปัจจุบันบริหารอยู่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 7,260 ลบ.
1% ร่วมทุนพัฒนาโครงการ
8% โรงแรมและอื่นๆ
ทั้งนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวม 3 โครงการในไตรมาส 4 ของปี 56 ประกอบด้วย
1.บ้านเดี่ยวเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มูลค่า 330 ลบ.
2.คอนโดมิเนียมย่านรัตนาธิเบศร์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ มูลค่า 1,200 ลบ.
3.บ้านเดี่ยวเลี่ยงเมืองชลบุรี มูลค่า 930 ลบ.
ตลอดจนเตรียมพร้อมซื้อที่ดินแปลงใหม่อีก 1 แปลง ใช้เงินลงทุนมูลค่าประมาณ 200 ลบ. เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการแนวสูงต่อไป ด้านผลประกอบการในปี 56 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 2,460 ลบ. ส่วนในปี 57 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ลบ.
ปัจจุบัน aq มีส่วนต่ำมูค่าหุ้นอยู่136,727ล้านบาทและขาดทุนสะสมอยู่อีก1,250ล้านบาท รวมแล้วเท่ากับ137,977 ล้านบาทที่จะต้องล้างขาดทุนสะสม
จำนวนหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดขณะนี้มีจำนวน 7,135,304,819หุ้น เมื่อนำมาลดพาร์จาก20.- เหลือพาร์0.50 จะได้ส่วนของทุนที่จะนำมาล้างขาดทุนสะสมเป็นจำนวนเงิน7,135,304,819 คูณด้วย19.50 เท่ากับ 139,138.44ล้านบาท ลบด้วยยอดขาดทุนสะสมและส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 137,977ล้านบาท นั่นคือจะมีกำไรจากการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสมจำนวนเงิน 1,161.44ล้านบาท โดยการลดพาร์จาก20.- เหลือพาร์0.50 เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ ไม่มีผลกระทบต่อหุ้นที่ผถห.เดิมถืออยู่แต่อย่างไร ผถห.เดิมยังคงมีจำนวนหุ้นเท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
นั่นคือหลังจากaq ลดพาร์จาก20.- เหลือพาร์0.50 เพื่อล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยงแล้ว aqจะยังมีกำไรจากการลดพาร์ที่จะเกิดขึ้นอีก1,161.44ล้านบาท และaq จะสามารถเริ่มจ่ายเงินปันผลได้ทันที่ ที่aqมีผลประกอบการมีกำไรจากการดำเนินงาน คาดว่าaqน่าจะเริ่มจ่ายปันผลได้ในปีหน้า ดังนั้น จึงมองว่า aq น่าจะเป็นหุ้นที่จะสามารถturnaroundได้ในอีกไม่นานข้างหน้า
credit 1517086
AQ ชื่อเดิมKMC เคาะยอดขายปี 57แตะ2.6พันล.เล็งบุกตลาดคอนโดดแนวรถไฟฟ้า MRT-BTS จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้ ROที่ 2 พันล้านหุ้น อัตรา7:2 หุ้นละ 0.32บ.เปิดจอง21ก.ค.-25ก.ค.นี้-ลดมูลค่าหุ้นจากที่ตราไว้20บาทเหลือ 0.50 บาท เพื่อลดส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและลดขาดทุนสะสม ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ทันที เงินที่ได้มาจากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ลงทุนในหลายโครงการซื้อที่ดินโครงการ Bypass จังหวัดชลบุรี และโครงการภูรีศาลา จังหวัดภูเก็ตโครงการคริสการ์เดน พระราม 9 AQ-W3อัตราใช้สิทธิ (หลักทรัพย์:หลักทรัพย์อ้างอิง):1 : 1ราคาใช้สิทธิ:0.60 บาทวันหมดอายุ:19/05/2559 จ่ายเงินเพิ่มทุน7ต่อ2 ราคาจองซื้อหุ้นละ 0.32 บาท 21-24/7/57 credit แม่หมอ
"เอคิว เอสเตท" เผยไตรมาส 1/57 มีรายได้ 723 ล้าน เดินหน้าเปิดตัวคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้า ควบคู่ผุดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ย่านรังสิต-พหลโยนธิน
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ (AQ) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 1/2557 มียอดขายรวม 723.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 239.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 202.12% แนวโน้มไตรมาส 2 มีแผนทำรายได้ 1,000 ล้านบาท
สำหรับแผนดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง โดยโครงการแนวสูงจะเน้นที่โลเคชั่นแนวรถไฟฟ้าทั้ง MRTและ BTS ส่วนในโครงการแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์จะยังโฟกัสอยู่บริเวณ รังสิต-พหลโยธิน ส่วนยอดขายตั้งเป้า 3,000-3,200 ล้านบาท จากปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 30%
เป็นหุ้นที่จะ turn arround ใน 2 ปี ข้างหน้า เพื่อติดอันดับกลุ่มอสังหา 10 อันดับในไทย
AQ หุ้น VI ที่ถูกมองข้าม
จากความเก๋าในแวดวงอสังหาฯมานานกว่า 30 ปี ของบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC ก็ถึงเวลาที่ต้องปรับทัพกันรอบใหญ่ ด้วยการล้างไพ่เก่าแบบหมดหน้าตัก และคว้ากุนซือด้านอสังหาฯ อย่างคุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เจ้าของบริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ที่เรียกว่าเก่งด้านการบริหารการขายเข้ามาเสริมทัพ โดยล่าสุด KMC ก็ได้ซื้อหุ้นในบริษัทอควาเรียสฯ และให้คุณยงยุทธ นั่งแท่นซีอีโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเปลี่ยนชื่อบริษัท จากบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) เป็น “เอคิว เอสเตท (AQ ESTATE)” ภายใต้การดำเนินงานของผู้ถือหุ้นรายใหม่ทั้งหมด ซึ่งใช้ทีมงานจากอควาเรียสฯ และเคเอ็มซีทำงานร่วมกัน
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) เผยว่า ขณะนี้ได้เข้ามาบริหารงานที่ KMC อย่างเต็มตัว ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงและเติบโต โดยเฉพาะเมื่อ KMC เข้ามาถือหุ้นสามัญของ บ. อควาเรียสฯ ทำให้เป็นการร่วมมือที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะติด top 10 บริษัทอสังหาฯ แถวหน้าของไทย ในอีก 3ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้บรรลุผลคือ ระบบไอที และการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ
สำหรับการเปลี่ยนชื่อบริษัทและปรับแบรนด์ใหม่เป็น “บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) (AQ ESTATE)” ขณะนี้จะนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย. ปี 57 เพื่อสร้างการรับรู้อย่างชัดเจนต่อไป
ส่วนการบริหารงานโดยรวมต่อจากนี้ไป คุณยงยุทธกล่าวว่า จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งคือ ไม่เน้นพัฒนาบ้านสวยเพียงอย่างเดียวแต่จะเน้นที่ลูกค้าสามารถลงทุนและต่อยอดทำกำไรจากสินค้าที่ซื้อได้ด้วย โดยมองว่าหากจะพัฒนาโครงการใน กทม. มองว่า คอนโดฯ คือการตอบโจทย์คนเมืองมากที่สุด ซึ่งทางบริษัทสามารถพัฒนาได้ในระดับราคาตั้งแต่ 40,000 – 300,000 บาทต่อตร.ม. ส่วนบ้านเดี่ยวก็ยังเติบโตได้เช่นกันแต่ดูที่ความต้องการของลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ซึ่งมองว่าบ้านเดี่ยวระดับราคา 15ลบ. เป็นกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการทั้งหมด 17 โครงการ แบ่งเป็นแนวสูง 6 โครงการ และแนวราบ 11 โครงการ มูลค่ารวม 41,000 ลบ. ซึ่งสัดส่วนการบริหารรายได้จากสินค้าแบ่งสัดส่วนออกเป็น
89% พัฒนาโครงการ (คอนโดฯ 60% บ้าน 40% )
2% รับจ้างบริหารพัฒนาโครงการ (Fee Base) ซึ่งปัจจุบันบริหารอยู่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 7,260 ลบ.
1% ร่วมทุนพัฒนาโครงการ
8% โรงแรมและอื่นๆ
ทั้งนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวม 3 โครงการในไตรมาส 4 ของปี 56 ประกอบด้วย
1.บ้านเดี่ยวเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มูลค่า 330 ลบ.
2.คอนโดมิเนียมย่านรัตนาธิเบศร์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ มูลค่า 1,200 ลบ.
3.บ้านเดี่ยวเลี่ยงเมืองชลบุรี มูลค่า 930 ลบ.
ตลอดจนเตรียมพร้อมซื้อที่ดินแปลงใหม่อีก 1 แปลง ใช้เงินลงทุนมูลค่าประมาณ 200 ลบ. เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการแนวสูงต่อไป ด้านผลประกอบการในปี 56 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 2,460 ลบ. ส่วนในปี 57 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ลบ.
ปัจจุบัน aq มีส่วนต่ำมูค่าหุ้นอยู่136,727ล้านบาทและขาดทุนสะสมอยู่อีก1,250ล้านบาท รวมแล้วเท่ากับ137,977 ล้านบาทที่จะต้องล้างขาดทุนสะสม
จำนวนหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดขณะนี้มีจำนวน 7,135,304,819หุ้น เมื่อนำมาลดพาร์จาก20.- เหลือพาร์0.50 จะได้ส่วนของทุนที่จะนำมาล้างขาดทุนสะสมเป็นจำนวนเงิน7,135,304,819 คูณด้วย19.50 เท่ากับ 139,138.44ล้านบาท ลบด้วยยอดขาดทุนสะสมและส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 137,977ล้านบาท นั่นคือจะมีกำไรจากการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสมจำนวนเงิน 1,161.44ล้านบาท โดยการลดพาร์จาก20.- เหลือพาร์0.50 เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ ไม่มีผลกระทบต่อหุ้นที่ผถห.เดิมถืออยู่แต่อย่างไร ผถห.เดิมยังคงมีจำนวนหุ้นเท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
นั่นคือหลังจากaq ลดพาร์จาก20.- เหลือพาร์0.50 เพื่อล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยงแล้ว aqจะยังมีกำไรจากการลดพาร์ที่จะเกิดขึ้นอีก1,161.44ล้านบาท และaq จะสามารถเริ่มจ่ายเงินปันผลได้ทันที่ ที่aqมีผลประกอบการมีกำไรจากการดำเนินงาน คาดว่าaqน่าจะเริ่มจ่ายปันผลได้ในปีหน้า ดังนั้น จึงมองว่า aq น่าจะเป็นหุ้นที่จะสามารถturnaroundได้ในอีกไม่นานข้างหน้า
credit 1517086
AQ ชื่อเดิมKMC เคาะยอดขายปี 57แตะ2.6พันล.เล็งบุกตลาดคอนโดดแนวรถไฟฟ้า MRT-BTS จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้ ROที่ 2 พันล้านหุ้น อัตรา7:2 หุ้นละ 0.32บ.เปิดจอง21ก.ค.-25ก.ค.นี้-ลดมูลค่าหุ้นจากที่ตราไว้20บาทเหลือ 0.50 บาท เพื่อลดส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและลดขาดทุนสะสม ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ทันที เงินที่ได้มาจากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ลงทุนในหลายโครงการซื้อที่ดินโครงการ Bypass จังหวัดชลบุรี และโครงการภูรีศาลา จังหวัดภูเก็ตโครงการคริสการ์เดน พระราม 9 AQ-W3อัตราใช้สิทธิ (หลักทรัพย์:หลักทรัพย์อ้างอิง):1 : 1ราคาใช้สิทธิ:0.60 บาทวันหมดอายุ:19/05/2559 จ่ายเงินเพิ่มทุน7ต่อ2 ราคาจองซื้อหุ้นละ 0.32 บาท 21-24/7/57 credit แม่หมอ
"เอคิว เอสเตท" เผยไตรมาส 1/57 มีรายได้ 723 ล้าน เดินหน้าเปิดตัวคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้า ควบคู่ผุดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ย่านรังสิต-พหลโยนธิน
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ (AQ) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 1/2557 มียอดขายรวม 723.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 239.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 202.12% แนวโน้มไตรมาส 2 มีแผนทำรายได้ 1,000 ล้านบาท
สำหรับแผนดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง โดยโครงการแนวสูงจะเน้นที่โลเคชั่นแนวรถไฟฟ้าทั้ง MRTและ BTS ส่วนในโครงการแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์จะยังโฟกัสอยู่บริเวณ รังสิต-พหลโยธิน ส่วนยอดขายตั้งเป้า 3,000-3,200 ล้านบาท จากปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 30%
เป็นหุ้นที่จะ turn arround ใน 2 ปี ข้างหน้า เพื่อติดอันดับกลุ่มอสังหา 10 อันดับในไทย