ปรึกษาครับ วิตามิน pycnogenol กับ lycopene อันไหนดีกว่ากันครับ

ถ้าเทียบกัน pycnogenol กับ lycopene
มันทำงานเหมือนกันไหม แล้วกินอันไหนดีกว่ากันครับ : )
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
แนะนำ Pycnogenol ของ viva นะ กล่องสีเขียวๆ ถ้ามีปัญหาเรื่องของพวกฝา อันนี เราคอนเฟิร์ม
http://siampill.com/th/Pycnogenol-c97.html
ความคิดเห็นที่ 1
pycnogenol
สารที่ออกฤทธิ์ในสารสกัดจากเปลือกสน มีชื่อว่าโปรแอนโธโซยานิดินส์ (Proanthocyanidins)
เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) ที่มีโครงสร้างแบบโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Free Radical)
หรือที่เรียกว่าเป็นสารในการแอนตี้ออกซิเดนท์ ได้ดีกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และดีกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า ยังมีกรดอินทรีย์ซึ่งจะร่วมกันทำงานอย่างลงตัว ทำให้มีการออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารประกอบเดี่ยวๆตัวใดตัวหนึ่ง
คุณสมบัติ
1. ป้องกันการเกิดฝ้าและจุดด่างดำ ที่เกิดจากเม็ดสีใต้ชั้นหนังทำงานผิดปกติ และจากการถูกแสงแดดบ่อย
2. ช่วยในการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน ที่เป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง จึงช่วยให้ผิวหนังมีความแข็งแรง และมีความยืดหนุ่น กระชับ ชะลอการเหี่ยวย่นตามวัยได้
3. ช่วยให้ผิวพรรณดูมีสุขภาพหรือมีเลือดฝาดย่อยเกิดจากการที่เลือดไหลเวียนดี ซึ่งสารสกัดจากเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง และเลือดไหลเวียนดี จึงช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพที่ดีเปล่งปลั่ง และชะลอการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี

lycopene
ไลโคปีน (Lycopene) คือ สารสีแดงพบมากในมะเขือเทศ เป็นสารสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีฤทธิ์ที่ดีกว่าแบต้าแคโรทีน และแอลฟาโทโคฟีรอล ถึง 2 และ 10 เท่า ตามลำดับ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุด และเป็นสารที่ละลายในน้ำมัน และจะถูกดูดซึมได้ดีในรูปของน้ำมัน ให้ประโยชน์สูงกับอวัยวะที่มีเซลล์ไขมันเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก เช่น ต่อมลูกหมาก และผิวหนัง จากผลวิจัยที่ผ่านมาในอดีต Lycopeneเป็น เม็ดสีที่ช่วยให้ผักและผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แตงโม ส้มโอมีสีชมพูและแดง และที่สำคัญ ไลโคปีน จะปรากฎขึ้นเพื่อแสดงความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้รับนอกเหนือจากการป้องกันและสามารถลดอัตราการเสี่ยง ของการเกิดโรคมะเร็งดังกล่าว

ประโยชน์ของไลโคปีน
1.) ลดอัตตราการเกิดสิว
2.) ช่วยให้ผิวแข็งแรงทนต่อการทำลายของแสงแดดได้มากขึ้น 3 เท่า จึงลดความรุนแรงของการเผาไหม้ของผิวหนังจากแสง สามารถต่อต้านมะเร็งผิวหนัง และชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
3.) ช่วยให้ผิวดูสวยอมชมพูมีเลือดฝาด
4.) บำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง ผิวมีสุขภาพดี ไม่ไวต่อแสง
5.) มีฤทธิ์ที่ดีมากในการช่วยยั้บยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันชนิด Low density lipoprotein (LDL) จึงสามารถป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
6.) ลดอัตรการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด

มันทำงานแตกต่างกัน เพราะไลโคปีน ละลายในน้ำมัน ลดอาการการเกิดสิว ส่วน  pycnogenol ป้องกันการเกิดฝ้าและจุดด่างดำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่