ก่อนอื่นต้องกราบเรียนทุกท่านว่านี่คือสิ่งที่สงสัยจริงๆ อยากศึกษาให้ทราบว่าสิ่งเหล่านี้ผิดมั๊ย ถ้าผิดนั้นผิดอย่างไร
สิ่งที่ผมพบเจอมาในพรรษานี้ (ตั้งแต่เข้าพรรษามาจนถึงวันนี้) ได้พบเห็นพฤติกรรมบางอย่างของพระสงฆ์บวชใหม่ในวัดแห่งหนึ่ง ในความรู้สึกส่วนตัวของผมเองนั้นรู้สึกว่าพระสงฆ์เหล่านั้นขาดซึ่งความสำรวม ตอนที่ผมบวชนั้น ผมได้เฝ้าระวังพฤติกรรมตนเองไม่ให้ส่อเค้าออกไปแนวนี้ พอเห็นแบบนี้จึงรู้สึกแย่มากๆ แต่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นเป็นการคิดเพียงแค่ใช้ความรู้สึกหรือสมองที่มีน้อยนิดของผมเองคนเดียวจนทำให้ตีความหมายผิดพลาดไปหรือไม่
จึงได้มาตั้งกระทู้นี้เพื่อถาม เพื่อขอเป็นแนวทางในกระบวนการความคิดต่อไป ดังนี้
1. เวลาพระฉันท์ เช้า-เพล
หลังจากที่พระวัดนี้ออกไปบิณฑบาตรกลับมาวัดแล้ว ก็จะนำแกง และ ข้าวในบาตรตักใส่หม้อให้เจ้าอาวาท และ แม่ชี ข้าวส่วนที่เหลือก็จะใส่หม้อใบใหญ่รวมไว้ เหลือติดบาตรแค่พอฉันท์ ส่วนแกงที่เหลือก็จะเอาไปใส่ไว้ในถาดที่ตนนั่งฉันท์
สิ่งที่พบเจอ
1.1 เห็นพระบางรูปจะเดินตรวจตราดูของในถาดของพระรูปอื่นๆ หาของที่ตนพอใจอยากฉันท์ มาใส่ไว้ในถาดของตน มันคือการขโมยหรือไม่? ผิดหรือไม่ อย่างไร
1.2 ระหว่างฉันท์ พระหลายรูปจะชะเง้อมองหาสิ่งที่ตนอยากฉัน และเรียกให้พระองค์อื่นส่งมาให้ ซึ่งจากที่มองดูผมคิดว่ามันเป็นการตะกละ ผิดจากสิ่งที่สงฆ์ควรปฏิบัติ เป็นการลุ่มหลงในรถอาหาร ไม่ได้กินเพื่ออยู่ แต่อยู่เพื่อกิน ขาดซึ่งความสำรวม ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่ ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะ
2. พระคุยโทรศัพท์
อันที่จริงการคุยโทรศัพท์นั้นเป็นการติดต่อสื่อสาร แต่ผมได้ยินพระบางรูปพูดกับแฟนของตนซึ่งคบหากันครั้งยังเป็นฆราวาส เนื้อหาการคุยมีลักษณะการหึงหวง การคิดถึง เค้าพูดโทรศัพท์โดยไม่ได้สนใจว่าผมนั้นฟังอยู่ ถ้าโทรคุยกับสีกาตามปกติไม่มีประเด็นชู้สาวผมก็คงจะไม่คิดอะไร แต่แบบนี้ผมฟังดูแล้วมันไม่งามเอาเสียเลย ผิดถูกอย่างไรช่วยอธิบายด้วยครับ
3. พระวิจารณ์สีกา
ผมมีโอกาสได้ขับรถนำพระสงฆ์เหล่านี้ไม่สวดพระอภิธรรมศพ ซึ่งหลังจากที่สวดเสร็จแล้วนั้นผมได้ขับรถกลับไปส่งท่านที่วัด ซึ่งขณะเดินทางกลับมีจำนวน 3 รูปที่ร่วมวงสนทนากันในการพูดคุยวิจารณ์ถึงสรีระ สีผิว รูปร่าง หน้าตา ทรวดทรงองค์เอวของสีกาท่านหนึ่งที่มาร่วมในพิธีกรรมของงานศพนั้น มีการพูดกันว่าผมจองแล้ว คนนี้ของผม ผมฟังแล้วเสียความรู้สึกมากที่ต้องมาได้ยินได้ฟังเรื่องราวแบบนี่จากปากพระสงฆ์ ถามว่าการกระทำพฤติกรรมเช่นนี้ ผิดมากน้อยแค่ไหนอย่างไรครับ
4. เรื่องบทสวด
ในเบื้องต้น ผมได้บอกให้หัดท่องบทสวด แต่พวกเค้าบอกว่า "จะหัดทำไม นั่งขยับปากตามๆเอาก็พอ"
แต่มาระยะหลัง ผมได้ไปว่า เวลามีงานศพ งานทำบุญ หรืองานอะไรๆที่นิมนต์พระสงฆ์ หากใครสวดได้ ท่านเจ้าอาวาทก็จะให้ไปสวด พอพระเหล่านั้นได้ฟังแบบนั้น ก็อยากได้ซองอนุโมทนากิจนิมนต์แบบชัดเจน ช่วงนี้เห็นฝึกท่องกันทุกวัน มีการวางแผนการเงินของแต่ละคนเรียบร้อย มีกิจนิมนต์แต่ละครั้งแย่งกันไปตลอด มีเอาเรื่องจำนวนเงินในซองมาพูดกันด้วยว่างานไหนใครได้มากน้อยเท่าไหร่ งานไหนใส่ต่ำกว่า 300 มีบ่น มีบอกว่าบ้านนี้ขี้เหนียว จะไม่ไปอีกแล้ว
การอยากได้เงินตราแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
การพยามฝึกตนให้ได้ในบทสวดเพราะหวังผลประโยชน์ด้านเงินทองเช่นนี้ จะได้อานิสสงฆ์แห่งบุญหรือไม่ อย่างไร
ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าพระสงฆ์ทุกรูปในวัดนี้จะเป็นแบบนั้น มีหลายรูปที่สำรวมน่าเคารพศรัทา
ช่วนแนะนำเป็นข้อๆไปอย่างละเอียดด้วยครับ ถือซะว่าให้เป็นวิทยาทานแก่ตัวผมด้วยครับ ขอบคุณครับ
### แก้ไข 1
ปล. พระเหล่านี้เป็นพระบวชใหม่พรรษานี้ อายุประมาณ 21-25 ปี อยู่กันเป็นแก๊งค์ประมาณ 5-6 รูป
ส่วนพระบวชใหม่ที่อายุเกือบๆ 30 หรือ 30 ต้นๆ โดยรวมแล้วเห็นมีความสำรวมดี บางวันโดนขโมยแกงเหลือถุงเดียว ขณะฉันท์อยู่ก็โดนขอถุงนั้นไปอีก น่าสงสาร แต่ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ท่านมาบวชทดแทนคุณพ่อแม่ มาฝึกสติ มาทำจิตใจให้สงบ
ส่วนพระสงฆ์ที่อยู่หลายพรรษาพระเด็กพวกนั้นไม่กล้ายุ่ง ถามท่านว่าทำไมไม่ตักเตือน ท่านบอกว่าพูดมากเด็กจะเกลียดเอา (แต่ดูเหมือนบางรูปจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์พระเด็กพวกนี้ด้วยซ้ำ)
ส่วนท่านเจ้าอาวาท ผมยังไม่ถามท่าน กะไว้ว่าได้ข้อมูลจากที่นี่แล้วจะไปสอบถามท่านดู
(ทั้งวัดมีพระประมาณ 15 รูป , สามเณร 2 , แม่ชี 2-3 คน)
ในส่วนของสามเณรนั้นก็ไม่มีอะไร เป็นแบบเด็กทั่วไป เคร่งบ้าง หย่อนบ้าง แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ยังให้อภัยได้
ในส่วนแม่ชี ผมไม่ได้สัมผัสเท่าไหร่ จึงไม่ขอกล่าวถึง แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าดีแล้ว
มีข้อสงสัยถึงความเหมาะสมในการแสดงออกด้านพฤติกรรมของพระสงฆ์ครับ
สิ่งที่ผมพบเจอมาในพรรษานี้ (ตั้งแต่เข้าพรรษามาจนถึงวันนี้) ได้พบเห็นพฤติกรรมบางอย่างของพระสงฆ์บวชใหม่ในวัดแห่งหนึ่ง ในความรู้สึกส่วนตัวของผมเองนั้นรู้สึกว่าพระสงฆ์เหล่านั้นขาดซึ่งความสำรวม ตอนที่ผมบวชนั้น ผมได้เฝ้าระวังพฤติกรรมตนเองไม่ให้ส่อเค้าออกไปแนวนี้ พอเห็นแบบนี้จึงรู้สึกแย่มากๆ แต่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นเป็นการคิดเพียงแค่ใช้ความรู้สึกหรือสมองที่มีน้อยนิดของผมเองคนเดียวจนทำให้ตีความหมายผิดพลาดไปหรือไม่
จึงได้มาตั้งกระทู้นี้เพื่อถาม เพื่อขอเป็นแนวทางในกระบวนการความคิดต่อไป ดังนี้
1. เวลาพระฉันท์ เช้า-เพล
หลังจากที่พระวัดนี้ออกไปบิณฑบาตรกลับมาวัดแล้ว ก็จะนำแกง และ ข้าวในบาตรตักใส่หม้อให้เจ้าอาวาท และ แม่ชี ข้าวส่วนที่เหลือก็จะใส่หม้อใบใหญ่รวมไว้ เหลือติดบาตรแค่พอฉันท์ ส่วนแกงที่เหลือก็จะเอาไปใส่ไว้ในถาดที่ตนนั่งฉันท์
สิ่งที่พบเจอ
1.1 เห็นพระบางรูปจะเดินตรวจตราดูของในถาดของพระรูปอื่นๆ หาของที่ตนพอใจอยากฉันท์ มาใส่ไว้ในถาดของตน มันคือการขโมยหรือไม่? ผิดหรือไม่ อย่างไร
1.2 ระหว่างฉันท์ พระหลายรูปจะชะเง้อมองหาสิ่งที่ตนอยากฉัน และเรียกให้พระองค์อื่นส่งมาให้ ซึ่งจากที่มองดูผมคิดว่ามันเป็นการตะกละ ผิดจากสิ่งที่สงฆ์ควรปฏิบัติ เป็นการลุ่มหลงในรถอาหาร ไม่ได้กินเพื่ออยู่ แต่อยู่เพื่อกิน ขาดซึ่งความสำรวม ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่ ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะ
2. พระคุยโทรศัพท์
อันที่จริงการคุยโทรศัพท์นั้นเป็นการติดต่อสื่อสาร แต่ผมได้ยินพระบางรูปพูดกับแฟนของตนซึ่งคบหากันครั้งยังเป็นฆราวาส เนื้อหาการคุยมีลักษณะการหึงหวง การคิดถึง เค้าพูดโทรศัพท์โดยไม่ได้สนใจว่าผมนั้นฟังอยู่ ถ้าโทรคุยกับสีกาตามปกติไม่มีประเด็นชู้สาวผมก็คงจะไม่คิดอะไร แต่แบบนี้ผมฟังดูแล้วมันไม่งามเอาเสียเลย ผิดถูกอย่างไรช่วยอธิบายด้วยครับ
3. พระวิจารณ์สีกา
ผมมีโอกาสได้ขับรถนำพระสงฆ์เหล่านี้ไม่สวดพระอภิธรรมศพ ซึ่งหลังจากที่สวดเสร็จแล้วนั้นผมได้ขับรถกลับไปส่งท่านที่วัด ซึ่งขณะเดินทางกลับมีจำนวน 3 รูปที่ร่วมวงสนทนากันในการพูดคุยวิจารณ์ถึงสรีระ สีผิว รูปร่าง หน้าตา ทรวดทรงองค์เอวของสีกาท่านหนึ่งที่มาร่วมในพิธีกรรมของงานศพนั้น มีการพูดกันว่าผมจองแล้ว คนนี้ของผม ผมฟังแล้วเสียความรู้สึกมากที่ต้องมาได้ยินได้ฟังเรื่องราวแบบนี่จากปากพระสงฆ์ ถามว่าการกระทำพฤติกรรมเช่นนี้ ผิดมากน้อยแค่ไหนอย่างไรครับ
4. เรื่องบทสวด
ในเบื้องต้น ผมได้บอกให้หัดท่องบทสวด แต่พวกเค้าบอกว่า "จะหัดทำไม นั่งขยับปากตามๆเอาก็พอ"
แต่มาระยะหลัง ผมได้ไปว่า เวลามีงานศพ งานทำบุญ หรืองานอะไรๆที่นิมนต์พระสงฆ์ หากใครสวดได้ ท่านเจ้าอาวาทก็จะให้ไปสวด พอพระเหล่านั้นได้ฟังแบบนั้น ก็อยากได้ซองอนุโมทนากิจนิมนต์แบบชัดเจน ช่วงนี้เห็นฝึกท่องกันทุกวัน มีการวางแผนการเงินของแต่ละคนเรียบร้อย มีกิจนิมนต์แต่ละครั้งแย่งกันไปตลอด มีเอาเรื่องจำนวนเงินในซองมาพูดกันด้วยว่างานไหนใครได้มากน้อยเท่าไหร่ งานไหนใส่ต่ำกว่า 300 มีบ่น มีบอกว่าบ้านนี้ขี้เหนียว จะไม่ไปอีกแล้ว
การอยากได้เงินตราแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
การพยามฝึกตนให้ได้ในบทสวดเพราะหวังผลประโยชน์ด้านเงินทองเช่นนี้ จะได้อานิสสงฆ์แห่งบุญหรือไม่ อย่างไร
ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าพระสงฆ์ทุกรูปในวัดนี้จะเป็นแบบนั้น มีหลายรูปที่สำรวมน่าเคารพศรัทา
ช่วนแนะนำเป็นข้อๆไปอย่างละเอียดด้วยครับ ถือซะว่าให้เป็นวิทยาทานแก่ตัวผมด้วยครับ ขอบคุณครับ
### แก้ไข 1
ปล. พระเหล่านี้เป็นพระบวชใหม่พรรษานี้ อายุประมาณ 21-25 ปี อยู่กันเป็นแก๊งค์ประมาณ 5-6 รูป
ส่วนพระบวชใหม่ที่อายุเกือบๆ 30 หรือ 30 ต้นๆ โดยรวมแล้วเห็นมีความสำรวมดี บางวันโดนขโมยแกงเหลือถุงเดียว ขณะฉันท์อยู่ก็โดนขอถุงนั้นไปอีก น่าสงสาร แต่ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ท่านมาบวชทดแทนคุณพ่อแม่ มาฝึกสติ มาทำจิตใจให้สงบ
ส่วนพระสงฆ์ที่อยู่หลายพรรษาพระเด็กพวกนั้นไม่กล้ายุ่ง ถามท่านว่าทำไมไม่ตักเตือน ท่านบอกว่าพูดมากเด็กจะเกลียดเอา (แต่ดูเหมือนบางรูปจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์พระเด็กพวกนี้ด้วยซ้ำ)
ส่วนท่านเจ้าอาวาท ผมยังไม่ถามท่าน กะไว้ว่าได้ข้อมูลจากที่นี่แล้วจะไปสอบถามท่านดู
(ทั้งวัดมีพระประมาณ 15 รูป , สามเณร 2 , แม่ชี 2-3 คน)
ในส่วนของสามเณรนั้นก็ไม่มีอะไร เป็นแบบเด็กทั่วไป เคร่งบ้าง หย่อนบ้าง แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ยังให้อภัยได้
ในส่วนแม่ชี ผมไม่ได้สัมผัสเท่าไหร่ จึงไม่ขอกล่าวถึง แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าดีแล้ว