เขียนครั้งแรกค่ะ ยาวหน่อยนะค่ะ
ต้องขอเกริ่นเรื่องราวในอดีตก่อนนะค่ะว่า จขกท. เป็นเด็กที่เกิดมาแล้วพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เด็กๆ (อนุบาล) โตขึ้นมาตั้งแต่จำความได้คือคุณป้า คุณลุงกับคุณย่าเลี้ยงมาตลอดค่ะ ฐานะทางบ้านไม่ได้รวยอะไรค่ะ กลางๆแต่ไม่เคยขัดสนอะไร พ่อและแม่เป็นคนการศึกษาไม่สูง มีลูกตั้งแต่อายุน้อยมาก ฐานะไม่ดีค่ะ แต่พ่อมีคุณย่าและคุณป้าคอยช่วยเหลือมาตลอด พ่อแม่เลิกกัน จขกท.ก็อยู่กับคุณย่า,คุณป้ามาตลอดค่ะ คุณย่าและคุณป้าเลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆคนนึงเลยค่ะ ค่าศึกษาเล่าเรียน ค่าขนม พาไปโรงเรียน ไม่สบายหาหมอ ทุกอย่างเลยค่ะ ก่อนคุณย่าจะเสีย คุณย่าก็ฝาก จขกท.ไว้กับคุณป้าและคุณลุง คุณลุงกับคุณป้ามีลูกสาวหนึ่งคนค่ะ (เพิ่งมารู้ตอนหลังที่เขาตัดสินใจมีลูกคนเดียวเพราะกลัวเกิดมีสองคนแล้วเลี้ยงดิฉันด้วย กลัวว่าจะเลี้ยงไม่ไหว) แต่ก็เลี้ยงดิฉันมาอย่างดีตลอดค่ะ เหมือนลูกแท้ๆของตัวเอง พ่อแม่แท้ๆไม่เคยมีส่วนรับผิดชอบในชีวิตแต่อย่างใด ไม่ว่าจะค่าเล่าเรียน ค่าเลี้ยงดู ค่ายา ค่าเรียนพิเศษ หรือค่าขนม และอื่นๆอีกมากมาย (พ่อมีให้บ้าง)
สมัยเรียนมัธยม เนื่องจากโรงเรียนเรากับน้องอยู่ติดกัน คุณป้าหรือคุณลุงไปรับน้องเสร็จก็จะมารับดิฉัน เป็นแบบนี้อยู่ 5 ปีเต็มๆ ถึงอนุญาติให้ดิฉันกลับรถเมล์เองกับเพื่อนได้ (ตอนนั้นอยากกลับเองกับเพื่อนมากกกกก ไม่รุ้ทำไม555) ที่เล่าละเอียดนิดนึง คืออยากจะสื่อว่าคุณลุงกับคุณป้าเลี้ยงมาเหมือนลูกแท้ๆคนนึงจิงๆค่ะ
พ่อ เป็นคนติดสุรา และมีภรรยาใหม่ไปเรื่อยๆค่ะ ไม่มีความรับผิดชอบ สมัยที่พ่ออยู่บ้านเดียวกัน พ่อชอบกลับมาดึกๆ ชอบทะเลาะกับแม่ค่ะ ตบตีกันด้วย (คนที่เป็นพ่อแม่ทะเลาะกัน ขอร้องจิงๆค่ะว่าอย่าทะเลาะตบตีกันต่อหน้าลูก จขกท.ตอนนั้นแค่อนุบาล1หรือ2 ยังจำได้แม่นจนถึงทุกวันนี้ค่ะ ) แล้วมาขอเงินคุณย่าอยู่บ่อยๆ ตอนหลังพ่อย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ของเขากับภรรยาใหม่ค่ะ (เด็กๆรู้สึกเกลียดพ่อมากกกค่ะ)
ส่วนแม่ มีสามีใหม่เช่นกันค่ะ อยู่บ้านเช่ากับสามีใหม่ แต่ฐานะไม่ได้ดีอะไรนะค่ะ โดยส่วนตัว คิดว่าเนื่องจากแม่เป็นคนที่มาจากพื้นฐานฐานะทางบ้านไม่ดีนัก เขาและพี่น้องทางฝั่งเขา จึงชอบเงินค่ะ มีหลายครั้งที่เขาชอบบอกให้เอาเงินพ่อหรือเงินคุณป้ามาให้เขา เด็กๆเราเคยให้ค่ะ ยิ่งโตขึ้นมา รู้สึกว่า ไม่ถูกต้อง เลยห่างๆออกมาจากแม่ค่ะ
ตัว จขกท. ไม่เคยถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่ และไม่สนิทกับพ่อแม่แท้ๆค่ะ คุยกันน้อยมาก ยิ่งโตยิ่งติดต่อน้อยมาก เพราะ จขกท.อึดอัดเวลาอยู่หรือคุยกับพ่อแม่แท้ๆค่ะ เหมือนเราไม่ค่อยรุ้จักกัน บางทีไม่รู้จะคุยอะไร มันไม่มีสิ่ที่เชื่อมต่อหรือเชื่อมโยงกันค่ะ (ไม่รุ้ใครจะเข้าใจมั้ย) ตอนนี้ จขกท. เรียนจบตรีมหาวิยลัยเอกชนอินเตอร์ชื่อดัง (ได้ทุนค่าหน่วยกิจ) และจบโท (เมืองนอก) ค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ คือคุณย่า คุณป้าและคุณลุงส่งให้เรียนจนจบทั้งหมดค่ะ
เกริ่นมานานละ ขอเข้าเรื่องเลยนะค่ะ
เรื่องเกิดเมือประมาณปีที่แล้วค่ะ จขกท.เรียนจบโท และกลับไทยค่ะ ตอนระหว่างที่เรียนโท ก็ทำงานไปด้วยค่ะ เก็บเงินได้ประมาณนึง กลับไทยก็เอาไปให้คุณป้าคุณลุง (ไม่รับบอกให้เก็บไว้เลี้ยงตัวเองก่อนเถอะ555) ให้แม่ (รับตลอดและไม่เคยพอ อยากได้ของคนนั้นคนนี้อิจฉาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา) และเอาเงินไปลงทุนทำร้านเล็กๆให้พ่อ (ตอนนี้เจ๊งไปแล้ว)
เรื่องเกิดเวลาไล่เลี่ยกันค่ะ แรกเลยคือ พ่อค่ะ เอาเงินไปลงทุนร้านเล็กๆให้พ่อที่ต่างจังหวัด (ตอนแรกกะว่าจะทำงานเปิดร้านเล็กๆขายของกับพ่อไปค่ะ) จนกระทั้งวันนึง ได้มารู้ค่ะว่าพ่อหลอกเงิน เอาเงินไปให้ผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาเขาตอนนั้นค่ะ บอกตงๆว่ารับไม่ได้ ตอนนั้นขับรถกลับบ้านที่กรุงเทพเลยค่ะ เก็บข้าวของ เสียใจมากๆ (คือมันมีรายละเอียดยิบย่อยนะค่ะ)
เรื่องที่สอง คือ แม่ค่ะ ตอนกลับมาก็เอาเงินไปให้แม่ รับแม่ไปกินข้าว ปกติตามประสาค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไปหาบ่อยเพราะอึดอัดเวลาอยู่กับแม่ แล้วแม่ชอบพูดอารมประมาณอยากได้ของๆคุณป้านู้นนั้นนี่ อย่างเช่น ตึกแถวนั้นไม่มีคนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ บอกป้าสิว่าให้แม่อยู่ เป็นต้น จนกระทั้งมาวันนึง (ตอนนั้น จขกท.ยังไม่ได้งานนะค่ะ) แม่โวยวายค่ะ อยู่ก็โวยวายไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีเกริ่น โวยวายเลย ว่าเนี่ยเรียนจบมาแล้ว ไม่เคยคิดจะมาช่วยแม่ แม่อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง บลาๆๆๆ อารมณ์ว่า จขกท. เป็นลูกเนรคุณไปเลยอ่ะ เราก็งงๆผสมโกรธ ก็โทรไปร้องไห้กับคุณป้าค่ะ คุณป้าก็ปลอบและบอกให้อิกนอร์แม่ไป เขาก็เปนแบบนี้แหละ เขาเคยทำกับป้ามาแล้ว เรื่องนี้เราช่วยเขาไม่ได้จิงๆ ก็ต้องทำเฉยๆไปนั้นแหละ (คือก่อนหน้านี้ตอน จขกท.ไปเรียน แม่เคยต้องผ่าตัด คุณป้าเป็นคนออกค่ารักษา ดูแลให้ทั้งหมด และตอนนั้นแม่ จขกท.อยากได้จักรเย็บผ้าตัวใหญ่ ราวๆห้าหกหมื่น คุณป้าก็ให้ค่ะ คุณป้าให้เพราะคุณป้ารัก จขกท.มากค่ะและคิดว่าเป็นสิ่งที่ให้แม่เขาไปประกอบอาชีพเองได้ จะได้ไม่ต้องมาก่อค.ทุกข์ใจให้จขกท.บ่อยๆ) ถึงตรงนี้ จขกท.โกดแม่มากค่ะ คือยุ่งกับเรา เราไม่ว่านะ แต่ไปยุ่งกับคุณป้าอีกแล้ว แล้วเรื่องซื้อบ้าน คือมันไม่ใช่เลย จิงๆแม่กับคุณป้า ไม่ได้เป็นแม้แต่ญาติกันแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน จขกท.ได้งานต่างประเทศค่ะ ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่ไทย และตั้งแต่วันนั้น จนทุกวันนี้ผ่านมาประมาณจะ 1 ปีแล้วค่ะ จขกท.ไม่คุยกับพ่อและแม่เลย โดยส่วนตัว พอเราไปเรียนเมืองนอก และตอนนี้ทำงานเมืองนอก คือเราได้เห็นได้ใช้ชีวิตจิงๆ โตขึ้นมากๆ เลยรู้สึกว่าเหมือนเราโดนพ่อและแม่เอาเปรียบมาตลอด
ช่วงเวลาเด็ก ทุกคนต้องการพ่อแม่ค่ะ เป็นค.ต้องการขั้นพื้นฐานของเด็ก แต่ในวันนั้น เขาทั้งสองไม่เคยอยู่ค่ะ ไม่เคยพยายามเพื่อเรา ทั้งที่เขาไปมีครอบครัวใหม่ของเขาได้อย่างมีค.สุข แต่เขาไม่เคยต้องการเรา ไม่เคยเลี้ยงดู เราไม่สบาย ไม่เคยพาไปหาหมอ ไม่เคยคิดถึงอนาคตของเรา คือในช่วงเวลาต่างๆในชีวิต ไม่เคยมีพวกเขาอยู่เลย ไม่ว่าจะทุกข์จะสุข ช่วงเวลาที่เราต้องการใครสักคน ต้องการพ่อหรือแม่ เขาไม่เคยมีส่วนร่วม แต่พอเราโตขึ้น เราดูแลตัวเองได้แล้ว เราไม่ได้ต้องการเขาแล้ว เราเข้มแข็งพอแล้ว เรากำลังจะมีครอบครัวของเราเองแล้ว และเราอยากตอบแทนพระคุณคุณป้าและคุณลุง แต่เขากลับมาเรียกร้องสิทธิ์
พ่อไม่เท่าไหร่ค่ะ ตอนนี้เขาไปอยู่วัด (ทำร้านเจ๊งไปแล้ว) ไปช่วยงานที่วัดค่ะ ข้อดีของพ่อคือ พ่อรู้และเข้าใจค่ะ เขาไม่เคยเรียกร้องว่าเราต้องไปเลี้ยงเขา เราต้องให้เขานั้นนี่ หรือเขาไม่เคยคิดถึงก็ไม่รุ้เหมือนกันอ่ะนะค่ะ
แต่แม่ค่ะ แม่ต้องการทุกอย่างที่เขาไม่เคยให้เราเลย ทวงบุญคุณว่าเป็นคนเบ่งและอุ้มท้องมา เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด
เด็กๆเราไม่เคยเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นลูกจากพ่อแม่แท้ๆได้เลยนะ ไม่เคย และไม่เคยได้รับด้วย
ที่เล่ามาทั้งหมดทั้งมวล คือกำลังจะกลับไทยไปเยี่ยมบ้านค่ะ
สำหรับพ่อ คิดว่าจะให้อภัยค่ะ และไปเยี่ยมหาเขาค่ะ ยังไงก็น้องแท้ๆของคุณป้า แต่แม่ ไม่รู้ว่าจะยังไงดี??
จากใจจริง บางมุมก็คิดว่า เราไม่ควรไปเสียเวลากับเขา เอาเวลามาดูแลคนที่เขารักและดูแลเรามาตลอด จนทำให้เรามีวันนี้ได้จะดีกว่า
บางมุมก็คิดว่า ยังไงเขาก็พ่อแม่แท้ๆ ค.รู้สึกมันขัดแย้งภายในตัวเองมาตลอด
รักที่เขาเป็นพ่อแม่แท้ๆ แต่เกลียดค.เห็นแก่ตัว เกลียดที่เขาละเลยหน้าที่ของเขา โดยเฉพาะแม่
อยากให้ทุกคนช่วยแนะนำการจัดการกับความรุ้สึกของตัวเองต่อพ่อแม่แบบนี้อย่างไรดีค่ะ? และจะทำอย่างไรต่อไปกับแม่ดีค่ะ?? กลัวว่ากลับไปดีกับแม่แล้วแม่ก็เป็นแบบเดิมอีกค่ะ
ปล.
> ฝากถึงทุกคู่นะค่ะที่ทะเลาะตบตีกัน เมากรุณาไปนอน ภรรยากรุณาอย่าหาเรื่องโวยวายชวนทะเลาะตอนสามีเมา สามีเมาแล้วควรสงบเสงี่ยมด้วยค่ะอย่าพูดมากให้เป็นที่รำคาญโสตประสาท กรุณาเถอะค่ะ อย่าทำร้ายกันต่อหน้าลูก อย่าคิดว่ายังเด็กมากแล้วจะจำไม่ได้ มันจำได้ดีค่ะ เพราะว่ามันฝังใจ และมันเจ็บค่ะต่อคนเป็นลูก ทุกครั้งที่นึกถึง ทุกครั้งที่เห็นใครทะเลาะกันเสียงดังๆ เราจะกลัวมากและน้ำตามันจะไหลออกมาเอง และมันไม่มีวันลืมได้ค่ะ
> ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็เลิกกันเถอะนะค่ะ อย่าตบตีหรือทะเลาะกันบ่อยๆ จขกท.ไม่มีทั้งพ่อและแม่ค่ะ แต่มีคุณป้าคุณลุง ก็ยังได้ดีมาถึงทุกวันนี้ได้ค่ะ ยอมรับค่ะว่าอาจจะมีค.รู้สึกขาดๆ แต่การอบรมสั่งสอน การอธิบายจากครอบครัวนั้นสำคัญค่ะ อธิบายให้เข้าใจในมุมมองpositiveตั้งแต่เด็กๆค่ะ จะเข้าใจและยอมรับได้ไปเอง 5555
> กรณีเลิกกันแล้ว ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ใคร กรุณาแสดงความรับผิดชอบ(ทางจิตใจ) แสดงออกให้ลูกเห็นว่าคุณรับผิดชอบต่อชีวิตเขา ไม่ใช่แค่ให้เงินแล้วจบ
ขอบคุณค่ะ
พ่อแม่แบบนี้!!!
ต้องขอเกริ่นเรื่องราวในอดีตก่อนนะค่ะว่า จขกท. เป็นเด็กที่เกิดมาแล้วพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เด็กๆ (อนุบาล) โตขึ้นมาตั้งแต่จำความได้คือคุณป้า คุณลุงกับคุณย่าเลี้ยงมาตลอดค่ะ ฐานะทางบ้านไม่ได้รวยอะไรค่ะ กลางๆแต่ไม่เคยขัดสนอะไร พ่อและแม่เป็นคนการศึกษาไม่สูง มีลูกตั้งแต่อายุน้อยมาก ฐานะไม่ดีค่ะ แต่พ่อมีคุณย่าและคุณป้าคอยช่วยเหลือมาตลอด พ่อแม่เลิกกัน จขกท.ก็อยู่กับคุณย่า,คุณป้ามาตลอดค่ะ คุณย่าและคุณป้าเลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆคนนึงเลยค่ะ ค่าศึกษาเล่าเรียน ค่าขนม พาไปโรงเรียน ไม่สบายหาหมอ ทุกอย่างเลยค่ะ ก่อนคุณย่าจะเสีย คุณย่าก็ฝาก จขกท.ไว้กับคุณป้าและคุณลุง คุณลุงกับคุณป้ามีลูกสาวหนึ่งคนค่ะ (เพิ่งมารู้ตอนหลังที่เขาตัดสินใจมีลูกคนเดียวเพราะกลัวเกิดมีสองคนแล้วเลี้ยงดิฉันด้วย กลัวว่าจะเลี้ยงไม่ไหว) แต่ก็เลี้ยงดิฉันมาอย่างดีตลอดค่ะ เหมือนลูกแท้ๆของตัวเอง พ่อแม่แท้ๆไม่เคยมีส่วนรับผิดชอบในชีวิตแต่อย่างใด ไม่ว่าจะค่าเล่าเรียน ค่าเลี้ยงดู ค่ายา ค่าเรียนพิเศษ หรือค่าขนม และอื่นๆอีกมากมาย (พ่อมีให้บ้าง)
สมัยเรียนมัธยม เนื่องจากโรงเรียนเรากับน้องอยู่ติดกัน คุณป้าหรือคุณลุงไปรับน้องเสร็จก็จะมารับดิฉัน เป็นแบบนี้อยู่ 5 ปีเต็มๆ ถึงอนุญาติให้ดิฉันกลับรถเมล์เองกับเพื่อนได้ (ตอนนั้นอยากกลับเองกับเพื่อนมากกกกก ไม่รุ้ทำไม555) ที่เล่าละเอียดนิดนึง คืออยากจะสื่อว่าคุณลุงกับคุณป้าเลี้ยงมาเหมือนลูกแท้ๆคนนึงจิงๆค่ะ
พ่อ เป็นคนติดสุรา และมีภรรยาใหม่ไปเรื่อยๆค่ะ ไม่มีความรับผิดชอบ สมัยที่พ่ออยู่บ้านเดียวกัน พ่อชอบกลับมาดึกๆ ชอบทะเลาะกับแม่ค่ะ ตบตีกันด้วย (คนที่เป็นพ่อแม่ทะเลาะกัน ขอร้องจิงๆค่ะว่าอย่าทะเลาะตบตีกันต่อหน้าลูก จขกท.ตอนนั้นแค่อนุบาล1หรือ2 ยังจำได้แม่นจนถึงทุกวันนี้ค่ะ ) แล้วมาขอเงินคุณย่าอยู่บ่อยๆ ตอนหลังพ่อย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ของเขากับภรรยาใหม่ค่ะ (เด็กๆรู้สึกเกลียดพ่อมากกกค่ะ)
ส่วนแม่ มีสามีใหม่เช่นกันค่ะ อยู่บ้านเช่ากับสามีใหม่ แต่ฐานะไม่ได้ดีอะไรนะค่ะ โดยส่วนตัว คิดว่าเนื่องจากแม่เป็นคนที่มาจากพื้นฐานฐานะทางบ้านไม่ดีนัก เขาและพี่น้องทางฝั่งเขา จึงชอบเงินค่ะ มีหลายครั้งที่เขาชอบบอกให้เอาเงินพ่อหรือเงินคุณป้ามาให้เขา เด็กๆเราเคยให้ค่ะ ยิ่งโตขึ้นมา รู้สึกว่า ไม่ถูกต้อง เลยห่างๆออกมาจากแม่ค่ะ
ตัว จขกท. ไม่เคยถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่ และไม่สนิทกับพ่อแม่แท้ๆค่ะ คุยกันน้อยมาก ยิ่งโตยิ่งติดต่อน้อยมาก เพราะ จขกท.อึดอัดเวลาอยู่หรือคุยกับพ่อแม่แท้ๆค่ะ เหมือนเราไม่ค่อยรุ้จักกัน บางทีไม่รู้จะคุยอะไร มันไม่มีสิ่ที่เชื่อมต่อหรือเชื่อมโยงกันค่ะ (ไม่รุ้ใครจะเข้าใจมั้ย) ตอนนี้ จขกท. เรียนจบตรีมหาวิยลัยเอกชนอินเตอร์ชื่อดัง (ได้ทุนค่าหน่วยกิจ) และจบโท (เมืองนอก) ค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ คือคุณย่า คุณป้าและคุณลุงส่งให้เรียนจนจบทั้งหมดค่ะ
เกริ่นมานานละ ขอเข้าเรื่องเลยนะค่ะ
เรื่องเกิดเมือประมาณปีที่แล้วค่ะ จขกท.เรียนจบโท และกลับไทยค่ะ ตอนระหว่างที่เรียนโท ก็ทำงานไปด้วยค่ะ เก็บเงินได้ประมาณนึง กลับไทยก็เอาไปให้คุณป้าคุณลุง (ไม่รับบอกให้เก็บไว้เลี้ยงตัวเองก่อนเถอะ555) ให้แม่ (รับตลอดและไม่เคยพอ อยากได้ของคนนั้นคนนี้อิจฉาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา) และเอาเงินไปลงทุนทำร้านเล็กๆให้พ่อ (ตอนนี้เจ๊งไปแล้ว)
เรื่องเกิดเวลาไล่เลี่ยกันค่ะ แรกเลยคือ พ่อค่ะ เอาเงินไปลงทุนร้านเล็กๆให้พ่อที่ต่างจังหวัด (ตอนแรกกะว่าจะทำงานเปิดร้านเล็กๆขายของกับพ่อไปค่ะ) จนกระทั้งวันนึง ได้มารู้ค่ะว่าพ่อหลอกเงิน เอาเงินไปให้ผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาเขาตอนนั้นค่ะ บอกตงๆว่ารับไม่ได้ ตอนนั้นขับรถกลับบ้านที่กรุงเทพเลยค่ะ เก็บข้าวของ เสียใจมากๆ (คือมันมีรายละเอียดยิบย่อยนะค่ะ)
เรื่องที่สอง คือ แม่ค่ะ ตอนกลับมาก็เอาเงินไปให้แม่ รับแม่ไปกินข้าว ปกติตามประสาค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไปหาบ่อยเพราะอึดอัดเวลาอยู่กับแม่ แล้วแม่ชอบพูดอารมประมาณอยากได้ของๆคุณป้านู้นนั้นนี่ อย่างเช่น ตึกแถวนั้นไม่มีคนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ บอกป้าสิว่าให้แม่อยู่ เป็นต้น จนกระทั้งมาวันนึง (ตอนนั้น จขกท.ยังไม่ได้งานนะค่ะ) แม่โวยวายค่ะ อยู่ก็โวยวายไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีเกริ่น โวยวายเลย ว่าเนี่ยเรียนจบมาแล้ว ไม่เคยคิดจะมาช่วยแม่ แม่อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง บลาๆๆๆ อารมณ์ว่า จขกท. เป็นลูกเนรคุณไปเลยอ่ะ เราก็งงๆผสมโกรธ ก็โทรไปร้องไห้กับคุณป้าค่ะ คุณป้าก็ปลอบและบอกให้อิกนอร์แม่ไป เขาก็เปนแบบนี้แหละ เขาเคยทำกับป้ามาแล้ว เรื่องนี้เราช่วยเขาไม่ได้จิงๆ ก็ต้องทำเฉยๆไปนั้นแหละ (คือก่อนหน้านี้ตอน จขกท.ไปเรียน แม่เคยต้องผ่าตัด คุณป้าเป็นคนออกค่ารักษา ดูแลให้ทั้งหมด และตอนนั้นแม่ จขกท.อยากได้จักรเย็บผ้าตัวใหญ่ ราวๆห้าหกหมื่น คุณป้าก็ให้ค่ะ คุณป้าให้เพราะคุณป้ารัก จขกท.มากค่ะและคิดว่าเป็นสิ่งที่ให้แม่เขาไปประกอบอาชีพเองได้ จะได้ไม่ต้องมาก่อค.ทุกข์ใจให้จขกท.บ่อยๆ) ถึงตรงนี้ จขกท.โกดแม่มากค่ะ คือยุ่งกับเรา เราไม่ว่านะ แต่ไปยุ่งกับคุณป้าอีกแล้ว แล้วเรื่องซื้อบ้าน คือมันไม่ใช่เลย จิงๆแม่กับคุณป้า ไม่ได้เป็นแม้แต่ญาติกันแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน จขกท.ได้งานต่างประเทศค่ะ ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่ไทย และตั้งแต่วันนั้น จนทุกวันนี้ผ่านมาประมาณจะ 1 ปีแล้วค่ะ จขกท.ไม่คุยกับพ่อและแม่เลย โดยส่วนตัว พอเราไปเรียนเมืองนอก และตอนนี้ทำงานเมืองนอก คือเราได้เห็นได้ใช้ชีวิตจิงๆ โตขึ้นมากๆ เลยรู้สึกว่าเหมือนเราโดนพ่อและแม่เอาเปรียบมาตลอด
ช่วงเวลาเด็ก ทุกคนต้องการพ่อแม่ค่ะ เป็นค.ต้องการขั้นพื้นฐานของเด็ก แต่ในวันนั้น เขาทั้งสองไม่เคยอยู่ค่ะ ไม่เคยพยายามเพื่อเรา ทั้งที่เขาไปมีครอบครัวใหม่ของเขาได้อย่างมีค.สุข แต่เขาไม่เคยต้องการเรา ไม่เคยเลี้ยงดู เราไม่สบาย ไม่เคยพาไปหาหมอ ไม่เคยคิดถึงอนาคตของเรา คือในช่วงเวลาต่างๆในชีวิต ไม่เคยมีพวกเขาอยู่เลย ไม่ว่าจะทุกข์จะสุข ช่วงเวลาที่เราต้องการใครสักคน ต้องการพ่อหรือแม่ เขาไม่เคยมีส่วนร่วม แต่พอเราโตขึ้น เราดูแลตัวเองได้แล้ว เราไม่ได้ต้องการเขาแล้ว เราเข้มแข็งพอแล้ว เรากำลังจะมีครอบครัวของเราเองแล้ว และเราอยากตอบแทนพระคุณคุณป้าและคุณลุง แต่เขากลับมาเรียกร้องสิทธิ์
พ่อไม่เท่าไหร่ค่ะ ตอนนี้เขาไปอยู่วัด (ทำร้านเจ๊งไปแล้ว) ไปช่วยงานที่วัดค่ะ ข้อดีของพ่อคือ พ่อรู้และเข้าใจค่ะ เขาไม่เคยเรียกร้องว่าเราต้องไปเลี้ยงเขา เราต้องให้เขานั้นนี่ หรือเขาไม่เคยคิดถึงก็ไม่รุ้เหมือนกันอ่ะนะค่ะ
แต่แม่ค่ะ แม่ต้องการทุกอย่างที่เขาไม่เคยให้เราเลย ทวงบุญคุณว่าเป็นคนเบ่งและอุ้มท้องมา เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด
เด็กๆเราไม่เคยเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นลูกจากพ่อแม่แท้ๆได้เลยนะ ไม่เคย และไม่เคยได้รับด้วย
ที่เล่ามาทั้งหมดทั้งมวล คือกำลังจะกลับไทยไปเยี่ยมบ้านค่ะ
สำหรับพ่อ คิดว่าจะให้อภัยค่ะ และไปเยี่ยมหาเขาค่ะ ยังไงก็น้องแท้ๆของคุณป้า แต่แม่ ไม่รู้ว่าจะยังไงดี??
จากใจจริง บางมุมก็คิดว่า เราไม่ควรไปเสียเวลากับเขา เอาเวลามาดูแลคนที่เขารักและดูแลเรามาตลอด จนทำให้เรามีวันนี้ได้จะดีกว่า
บางมุมก็คิดว่า ยังไงเขาก็พ่อแม่แท้ๆ ค.รู้สึกมันขัดแย้งภายในตัวเองมาตลอด
รักที่เขาเป็นพ่อแม่แท้ๆ แต่เกลียดค.เห็นแก่ตัว เกลียดที่เขาละเลยหน้าที่ของเขา โดยเฉพาะแม่
อยากให้ทุกคนช่วยแนะนำการจัดการกับความรุ้สึกของตัวเองต่อพ่อแม่แบบนี้อย่างไรดีค่ะ? และจะทำอย่างไรต่อไปกับแม่ดีค่ะ?? กลัวว่ากลับไปดีกับแม่แล้วแม่ก็เป็นแบบเดิมอีกค่ะ
ปล.
> ฝากถึงทุกคู่นะค่ะที่ทะเลาะตบตีกัน เมากรุณาไปนอน ภรรยากรุณาอย่าหาเรื่องโวยวายชวนทะเลาะตอนสามีเมา สามีเมาแล้วควรสงบเสงี่ยมด้วยค่ะอย่าพูดมากให้เป็นที่รำคาญโสตประสาท กรุณาเถอะค่ะ อย่าทำร้ายกันต่อหน้าลูก อย่าคิดว่ายังเด็กมากแล้วจะจำไม่ได้ มันจำได้ดีค่ะ เพราะว่ามันฝังใจ และมันเจ็บค่ะต่อคนเป็นลูก ทุกครั้งที่นึกถึง ทุกครั้งที่เห็นใครทะเลาะกันเสียงดังๆ เราจะกลัวมากและน้ำตามันจะไหลออกมาเอง และมันไม่มีวันลืมได้ค่ะ
> ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็เลิกกันเถอะนะค่ะ อย่าตบตีหรือทะเลาะกันบ่อยๆ จขกท.ไม่มีทั้งพ่อและแม่ค่ะ แต่มีคุณป้าคุณลุง ก็ยังได้ดีมาถึงทุกวันนี้ได้ค่ะ ยอมรับค่ะว่าอาจจะมีค.รู้สึกขาดๆ แต่การอบรมสั่งสอน การอธิบายจากครอบครัวนั้นสำคัญค่ะ อธิบายให้เข้าใจในมุมมองpositiveตั้งแต่เด็กๆค่ะ จะเข้าใจและยอมรับได้ไปเอง 5555
> กรณีเลิกกันแล้ว ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ใคร กรุณาแสดงความรับผิดชอบ(ทางจิตใจ) แสดงออกให้ลูกเห็นว่าคุณรับผิดชอบต่อชีวิตเขา ไม่ใช่แค่ให้เงินแล้วจบ
ขอบคุณค่ะ