เจ็บป่วยทางจิต ย่อมมีรหัสการเจ็บป่วยทางกายแฝง
เพราะ ปกติทางกายเป็นรากฐานของสุขภาพที่ดี หรือ จิตที่ปกติ
แต่ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ แต่ละคนมีจุดอ่อน เปราะบาง หรือการป่วยไข้เล็กๆ ด้วยกันทั้งนั้น
เพียงแต่ พวกเขายังทนได้ ยอมรับได้ หรือควบคุมตัวตนโดยรวมได้ และโชว์แต่ส่วนที่ดี เท่านั้น
ชีวิตก็เป็นอย่างนั้น คือ มันมีความซับซ้อนระหว่างโลกภายนอกกับโลกภายใน บนความผันเปลี่ยนตลอด
และในแง่หนึ่ง ชีวิตคือผลงานของพลังอาหารที่บุคคลนั้นได้เลือกบรรจุไว้ในตัวตนแห่งร่างกาย
และพลังนี้ได้เดินทางจากฐานธรรมชาติสู่พลังเลือดเนื้อในกายตน ไปสร้างพฤติกรรมการเคลื่อนไหว กิจกรรมต่างๆ
ผู้คนแห่งยุคสมัย โดยมาก เราได้ผ่านภาวะอดอยาก ไปสู่การกินอย่างล้นเกิน หรือ กินผิด ซะมากจนชินเป็นปกติ
กลายเป็นความปกติที่ไม่ปกติ ประกอบกับวิถีการดำเนินชีวิตที่เครียด ยิ่งทำให้พลังไหวเวียนในกายตนติดขัด
หรือขัดกันเองจากความไม่สมดุลสารพัดสาเหตุ ยิ่งไปเพิ่มความเบี่ยงเบนของสุขภาพต่างๆ เช่น อ้วน อารมณ์แปรปรวน
อาการซึมเศร้า มีความคิดแปลกๆแผลงๆ ก้าวร้าว ขยาดกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ หรือ สุขนิยมสุดโต่ง ...
เหล่านี้มันมากไป มากเสียจนติดกับดักของชีวิตที่สุขสบายเกินจำเป็น ทำให้อ่อนแอเป็นด้านกลับรุกคืบกลืนกิน ยากแก่การเยียวยา
ความป่วยไข้จากการกินดื่มแบบผิดๆ เช่น ติดหวาน กินเค็ม รสจัดจ้าน กลายเป็นสรณะของอาหารติดตลาด
ผู้คนป่วยกันจนพาเหรดเข้าโรงพยาบาลจนเป็นเรื่องปกติ ธุรกรรมโรงพยาบาลเจริญรุ่งเรือง ยานอกขายดิบขายดี
เส้นทางการเงินของครัวเรือนไหลสู่การรักษาสุขภาพกันอย่างถ้วนทั่ว คุณภาพชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องถูกตั้งคำถาม....
ชีวิตแบบกว้าง ทางกว้างเช่นนั้น คือ เหยื่อ
หรือเราอาจยอมรับมันเพื่อแลกกับความทันสมัย กระทั่งสิ่งที่เรียกว่า ความก้าวหน้า หรือมิจฉาทิฐิ ..?
ที่สุดแล้ว ก็แล้วแต่ใครจะเลือก ...
แล้วปล่อยให้ความป่วยไข้ เป็นรางวัลแห่งบทเรียนของยุคสมัยก็แล้วกัน
เพราะ ไม่ประสบกับตัว ย่อมไม่เห็นจริง และไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา ..
พาเหรดความป่วยไข้ ..ของผู้คน
เพราะ ปกติทางกายเป็นรากฐานของสุขภาพที่ดี หรือ จิตที่ปกติ
แต่ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ แต่ละคนมีจุดอ่อน เปราะบาง หรือการป่วยไข้เล็กๆ ด้วยกันทั้งนั้น
เพียงแต่ พวกเขายังทนได้ ยอมรับได้ หรือควบคุมตัวตนโดยรวมได้ และโชว์แต่ส่วนที่ดี เท่านั้น
ชีวิตก็เป็นอย่างนั้น คือ มันมีความซับซ้อนระหว่างโลกภายนอกกับโลกภายใน บนความผันเปลี่ยนตลอด
และในแง่หนึ่ง ชีวิตคือผลงานของพลังอาหารที่บุคคลนั้นได้เลือกบรรจุไว้ในตัวตนแห่งร่างกาย
และพลังนี้ได้เดินทางจากฐานธรรมชาติสู่พลังเลือดเนื้อในกายตน ไปสร้างพฤติกรรมการเคลื่อนไหว กิจกรรมต่างๆ
ผู้คนแห่งยุคสมัย โดยมาก เราได้ผ่านภาวะอดอยาก ไปสู่การกินอย่างล้นเกิน หรือ กินผิด ซะมากจนชินเป็นปกติ
กลายเป็นความปกติที่ไม่ปกติ ประกอบกับวิถีการดำเนินชีวิตที่เครียด ยิ่งทำให้พลังไหวเวียนในกายตนติดขัด
หรือขัดกันเองจากความไม่สมดุลสารพัดสาเหตุ ยิ่งไปเพิ่มความเบี่ยงเบนของสุขภาพต่างๆ เช่น อ้วน อารมณ์แปรปรวน
อาการซึมเศร้า มีความคิดแปลกๆแผลงๆ ก้าวร้าว ขยาดกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ หรือ สุขนิยมสุดโต่ง ...
เหล่านี้มันมากไป มากเสียจนติดกับดักของชีวิตที่สุขสบายเกินจำเป็น ทำให้อ่อนแอเป็นด้านกลับรุกคืบกลืนกิน ยากแก่การเยียวยา
ความป่วยไข้จากการกินดื่มแบบผิดๆ เช่น ติดหวาน กินเค็ม รสจัดจ้าน กลายเป็นสรณะของอาหารติดตลาด
ผู้คนป่วยกันจนพาเหรดเข้าโรงพยาบาลจนเป็นเรื่องปกติ ธุรกรรมโรงพยาบาลเจริญรุ่งเรือง ยานอกขายดิบขายดี
เส้นทางการเงินของครัวเรือนไหลสู่การรักษาสุขภาพกันอย่างถ้วนทั่ว คุณภาพชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องถูกตั้งคำถาม....
ชีวิตแบบกว้าง ทางกว้างเช่นนั้น คือ เหยื่อ
หรือเราอาจยอมรับมันเพื่อแลกกับความทันสมัย กระทั่งสิ่งที่เรียกว่า ความก้าวหน้า หรือมิจฉาทิฐิ ..?
ที่สุดแล้ว ก็แล้วแต่ใครจะเลือก ...
แล้วปล่อยให้ความป่วยไข้ เป็นรางวัลแห่งบทเรียนของยุคสมัยก็แล้วกัน
เพราะ ไม่ประสบกับตัว ย่อมไม่เห็นจริง และไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา ..