โดย รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
http://haamor.com/th/อยู่อย่างไรให้เป็นสุขกับโรคลมชัก-36/
เชื่อหรือไม่ว่าโรคลมชักทำให้ออยเข้าใจเรื่องธรรมะมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ธรรมะก็ช่วยให้ชีวิตที่ต้องอยู่กับโรคลมชักดีขึ้นมาก
ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วตัวเองก็ไม่ใช่คนธรรมะธรรมโมเท่าไหร่ ไม่ค่อยชอบสวดมนต์ ไม่ค่อยมีเวลาไปเข้าวัดฟังธรรม
แต่ออยชอบอ่านหนังสือธรรมค่ะ อ่านแล้วก็คิดตามไปด้วย ทำให้ได้ข้อคิดดีๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา
ที่ปรับตัวและยอมรับกับโรคลมชักได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการอ่านหนังสือธรรมะที่แหละค่ะ
โรคลมชักทำให้ออยเข้าใจว่า “ชีวิตเรานั้นไม่เที่ยง” เพราะอาการชักนั้นอาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้
ฉะนั้นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือ การมีสติ ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท โดยการระลึกอยู่เสมอว่า เราต้องดูแลตัวเอง
ต้องทานยาสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สบาย ไม่ทำในสิ่งที่เสี่ยงอันตราย ทุกวันนี้ออยก็ไม่ได้ขับรถเลย
เพราะนอกจากเราจะเสี่ยงแล้วอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่นด้วย
นอกจากนี้ โรคลมชักยังสอนให้ออยรู้จักการละกิเลส อาจจะไม่ได้ทั้งหมดเลยทีเดียว บางครั้งออยก็อยากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ
หรือดูหนังรอบดึก เวลาไปเลี้ยงกับพี่ๆ น้องๆ สายรหัส ก็ต้องบอกตามตรงว่าเราจำเป็นต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว เคยรู้สึกน้อยใจเหมือนกัน
ว่าทำไมคนอื่นเขายังอยู่ต่อได้ ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ถ้าเรายังมีความ”อยาก” ในหลายๆ สิ่งอยู่ในใจแต่เราไม่ได้สิ่งนั้น คนที่ทุกข์คือตัวเราเอง
ไม่ใช่คนอื่น สู้ตัดใจไม่เก็บเอามาเป็นความทุกข์เลยเสียดีกว่า
ก่อนหน้านี้ออยเคยถูกเพื่อนล้อบ้าง นินทาบ้าง เวลาที่ใครเห็นออยมีอาการชักหรือช่วงที่ปรับยาแรกๆ ออยง่วงมากจนหลับทั้งวัน
และกลายเป็นตัวถ่วงของเพื่อนๆ หรือดูเหมือนอู้งาน ตอนนั้นก็โกรธเพื่อนว่าทำไมเขาต้องไปพูดอะไรแบบนั้น อยากรู้เหมือนกันว่า
ถ้าเขาเป็นแบบเราแล้วเขาจะชอบไหม เลยเริ่มเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ แต่หลังจากที่ออยได้อ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งที่กล่าวถึงเรื่อง
“การให้อภัย” ซึ่งก็คือการคิดไม่พยาบาทใคร และยังเป็นการทำบุญที่ทำได้ด้วยจิตใจ ไม่ต้องลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น
ทำให้เรารู้สึกไม่อยากไปเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเขาอีก พอปล่อยวางได้ ไม่มีความโกรธ ความเกลียดในใจอีก ก็สบายใจขึ้น
ดังสุภาษิตที่ว่า “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”
ทุกวันนี้เวลาออยไปทำบุญก็จะอุทิศ ส่วนกุศลให้ป๊ากับแม่ ญาติพี่น้อง อาจารย์และพี่ๆที่คลินิกโรคลมชัก
บุคคลที่มีพระคุณต่อออยทุกท่าน และคนไข้ทุกคน รวมถึงคนที่ออยเคยโกรธ เคยเกลียดทุกคน และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสอยู่เสมอ
แค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ
ตอนอยู่ชั้นประถม เคยท่อง “อริยสัจ 4 ประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค” ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าท่องทำไม
แต่ตอนนี้พอเอามาใช้ก็ได้ผลจริงๆ เพราะความทุกข์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน
เราก็ต้องหาเหตุแห่งทุกข์ให้ได้ก่อน แล้วจึงจะหาหนทางที่จะดับทุกข์ได้
ธรรมะนอกจากจะช่วยเตือนสติให้เราดูแลสุขภาพกายให้ดีแล้วยังช่วยให้สุขภาพใจเราดีขึ้นมากอีกด้วยค่ะ
อยู่อย่างไรให้เป็นสุขกับโรคลมชัก: โรคลมชัก...กับธรรมะ
http://haamor.com/th/อยู่อย่างไรให้เป็นสุขกับโรคลมชัก-36/
เชื่อหรือไม่ว่าโรคลมชักทำให้ออยเข้าใจเรื่องธรรมะมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ธรรมะก็ช่วยให้ชีวิตที่ต้องอยู่กับโรคลมชักดีขึ้นมาก
ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วตัวเองก็ไม่ใช่คนธรรมะธรรมโมเท่าไหร่ ไม่ค่อยชอบสวดมนต์ ไม่ค่อยมีเวลาไปเข้าวัดฟังธรรม
แต่ออยชอบอ่านหนังสือธรรมค่ะ อ่านแล้วก็คิดตามไปด้วย ทำให้ได้ข้อคิดดีๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา
ที่ปรับตัวและยอมรับกับโรคลมชักได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการอ่านหนังสือธรรมะที่แหละค่ะ
โรคลมชักทำให้ออยเข้าใจว่า “ชีวิตเรานั้นไม่เที่ยง” เพราะอาการชักนั้นอาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้
ฉะนั้นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือ การมีสติ ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท โดยการระลึกอยู่เสมอว่า เราต้องดูแลตัวเอง
ต้องทานยาสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สบาย ไม่ทำในสิ่งที่เสี่ยงอันตราย ทุกวันนี้ออยก็ไม่ได้ขับรถเลย
เพราะนอกจากเราจะเสี่ยงแล้วอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่นด้วย
นอกจากนี้ โรคลมชักยังสอนให้ออยรู้จักการละกิเลส อาจจะไม่ได้ทั้งหมดเลยทีเดียว บางครั้งออยก็อยากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ
หรือดูหนังรอบดึก เวลาไปเลี้ยงกับพี่ๆ น้องๆ สายรหัส ก็ต้องบอกตามตรงว่าเราจำเป็นต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว เคยรู้สึกน้อยใจเหมือนกัน
ว่าทำไมคนอื่นเขายังอยู่ต่อได้ ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ถ้าเรายังมีความ”อยาก” ในหลายๆ สิ่งอยู่ในใจแต่เราไม่ได้สิ่งนั้น คนที่ทุกข์คือตัวเราเอง
ไม่ใช่คนอื่น สู้ตัดใจไม่เก็บเอามาเป็นความทุกข์เลยเสียดีกว่า
ก่อนหน้านี้ออยเคยถูกเพื่อนล้อบ้าง นินทาบ้าง เวลาที่ใครเห็นออยมีอาการชักหรือช่วงที่ปรับยาแรกๆ ออยง่วงมากจนหลับทั้งวัน
และกลายเป็นตัวถ่วงของเพื่อนๆ หรือดูเหมือนอู้งาน ตอนนั้นก็โกรธเพื่อนว่าทำไมเขาต้องไปพูดอะไรแบบนั้น อยากรู้เหมือนกันว่า
ถ้าเขาเป็นแบบเราแล้วเขาจะชอบไหม เลยเริ่มเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ แต่หลังจากที่ออยได้อ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งที่กล่าวถึงเรื่อง
“การให้อภัย” ซึ่งก็คือการคิดไม่พยาบาทใคร และยังเป็นการทำบุญที่ทำได้ด้วยจิตใจ ไม่ต้องลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น
ทำให้เรารู้สึกไม่อยากไปเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเขาอีก พอปล่อยวางได้ ไม่มีความโกรธ ความเกลียดในใจอีก ก็สบายใจขึ้น
ดังสุภาษิตที่ว่า “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”
ทุกวันนี้เวลาออยไปทำบุญก็จะอุทิศ ส่วนกุศลให้ป๊ากับแม่ ญาติพี่น้อง อาจารย์และพี่ๆที่คลินิกโรคลมชัก
บุคคลที่มีพระคุณต่อออยทุกท่าน และคนไข้ทุกคน รวมถึงคนที่ออยเคยโกรธ เคยเกลียดทุกคน และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสอยู่เสมอ
แค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ
ตอนอยู่ชั้นประถม เคยท่อง “อริยสัจ 4 ประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค” ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าท่องทำไม
แต่ตอนนี้พอเอามาใช้ก็ได้ผลจริงๆ เพราะความทุกข์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน
เราก็ต้องหาเหตุแห่งทุกข์ให้ได้ก่อน แล้วจึงจะหาหนทางที่จะดับทุกข์ได้
ธรรมะนอกจากจะช่วยเตือนสติให้เราดูแลสุขภาพกายให้ดีแล้วยังช่วยให้สุขภาพใจเราดีขึ้นมากอีกด้วยค่ะ