บทที่ 25
http://ppantip.com/topic/32331360
บทส่งท้าย
เสียงรถที่วิ่งมาจอดหน้าร้านเป็นสัญญาณให้รู้ว่า คนรับช่วงดูแลรอบค่ำเดินทางมาถึงแล้ว ไม่รอช้า เอเลนรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวและกลับลงมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าที่เตรียมชุดนอนกับเสื้อผ้าสำหรับใส่วันต่อไปเอาไว้เรียบร้อย พอหยิบถุงกระดาษที่ใส่วัตถุดิบสำหรับทำอาหารได้ เขาก็ตะโกนบอกมิคาสะที่กำลังล้างถ้วยกาแฟอยู่ด้านใน
“ผมไปนะครับ”
พูดแค่นั้นก็วิ่งตื๋อออกจากร้านโดยไม่รอฟังคำตอบ แจนซึ่งเพิ่งก้าวลงจากรถจึงเอ่ยทัก
“จะไปแล้วเหรอเอเลน”
“ครับ” พูดพร้อมกับวิ่งไปด้วย “ป่านนี้คุณรีไวคงหิวแล้ว ผมไปก่อนนะครับ”
แจนยิ้มและโบกมือให้ จากนั้นก็หันไปมองมิคาสะซึ่งออกมายืนมองด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าเธอเป็นห่วงเอเลน แต่เพราะรู้นิสัยเพื่อน เขาจึงกล่าวปลอบใจ
“รีไวรับปากแล้วไม่ใช่หรือครับว่า จะไม่ทำอะไรจนกว่าเอเลนจะอายุครบ 17 “
หญิงสาวเม้มปากน้อยๆ เธอจำได้ดีว่าพอออกจากโรงพยาบาล เอเลนตามไปดูแลและนอนค้างคืนกับรีไวแทบทุกวัน แรกๆก็ยังพอทนแต่พอเห็นชายหนุ่มแข็งแรงจนกลับมาทำงานได้อีกครั้ง มิคาสะจึงตัดสินใจถามเขาไปตามตรง ซึ่งรีไวก็ตอบกลับมาว่ายังไม่ได้ล่วงเกินอะไร หญิงสาวจึงขอให้เขารับปากว่าจะไม่มีการแตะต้องจนกว่าเอเลนจะมีอายุครบ 17 ชายหนุ่มก็ให้สัญญา และเขาก็ปฏิบัติตนตามที่ตกลงกันเอาไว้อย่างเคร่งครัดมาตลอด 7 เดือน
“วันนี้เป็นวันเกิดของเอเลน”
มิคาสะพูดสั้นๆ แจนยืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เขามองเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งหายลับเข้าไปในตรอกก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“งั้นคืนนี้เขาคงไม่รอดแล้วละครับ”
เอเลนซอยเท้าวิ่งผ่านทางลัดมุ่งหน้าไปยังอพาร์ตเมนต์ของรีไวด้วยหัวใจพองคับอก คำพูดของเขาที่กระซิบบอกเมื่อคืนว่า มีของสำคัญจะมอบให้ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจยกเลิกการฉลองวันเกิดที่มิคาสะกับอาร์มินจัดให้เป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับคนรัก แม้รีไวจะไม่ได้จัดงานหรือเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้เลยก็ตาม
จะต้องมีอะไรอีกเล่า ในเมื่อเวลานี้เขาได้สิ่งมีค่าที่สุดมาแล้ว
ความรักของรีไว
ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า ขณะที่เจ้าตัวเร่งฝีเท้าวิ่งเร็วขึ้น เอเลนไม่สนใจหรอกว่าของขวัญวันเกิดที่เขาจะมอบให้เป็นอะไร ขอเพียงได้อยู่ใกล้ๆ กินมื้อค่ำด้วยกัน นั่งจิบเครื่องดื่มฟังเพลงเบาๆและนอนเคียงข้างเขาก็พอ
เด็กหนุ่มคิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งหยุดยืนหน้าห้อง เขาผ่อนลมหายใจของตัวเองเพื่อให้หายจากอาการเหน็ดเหนื่อย แต่พอยกมือขึ้นเพื่อเคาะประตู มันกลับหยุดชะงักค้าง เพราะเพิ่งนึกถึงคำพูดบางอย่างที่รีไวเคยบอกไว้เมื่อนานมาแล้วขึ้นมาได้
“อายุครบ 17 เมื่อไหร่ นายจะเป็นของฉัน”
อารมณ์ที่สงบลงเมื่อครู่พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง ถึงจะไม่เข้าใจทุกอย่างแต่เอเลนก็พอจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วันนี้เป็นวันเกิดของเขา หรือที่รีไวบอกว่ามีของสำคัญที่จะมอบให้คือ......
เอเลนสะบัดแรงๆเพื่อไล่ความคิดพิสดารออกไป คุณรีไวเป็นผู้ใหญ่ คงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางแบบนั้นหรอก คิดพลางยกมือขึ้นเคาะประตู เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นมันก็เปิดออกทันที เหมือนคนข้างในรออยู่แล้ว
“ช้าจัง” รีไวบ่นแต่ไม่ได้มีท่าทางว่าจะหงุดหงิดและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าแดงจัดของอีกฝ่าย “เป็นอะไร”
“เปล่านี่ครับ ถามทำไมเหรอ”
“นายหน้าแดง” ชายหนุ่มพูดสั้นๆก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง เอเลนก้าวตามพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆและรู้สึกผิดหวังน้อยๆเมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปรกติ ไม่มีการตกแต่งหรืออะไรที่แสดงว่ารีไวจัดงานวันเกิดให้ กระทั่งดอกไม้สักช่อก็ไม่มี
“ขอกาแฟแก้วสิ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลากเก้าอี้มานั่ง เอเลนหันไปส่งยิ้มให้
“ขอผมเอากระเป๋าไปไว้ในห้องก่อน”
“ฉันหิว” รีไวพูดเชิงบังคับ เด็กหนุ่มจึงจำต้องวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้รับแขกและเดินเข้าครัวเพื่อจัดการตามที่อีกฝ่ายขอ ไม่นานกาแฟหอมฉุยก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ
“ได้แล้วครับ”
น้ำเสียงเหมือนงอนน้อยๆจนชายหนุ่มนึกขำ เขาเหลือบตามองคนน่ารักที่ยืนทำแก้มป่องแวบหนึ่งก่อนหยิบกาแฟขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปทางถุงกระดาษที่เอเลนถือมาด้วย
“มีอะไรกินบ้าง”
“ผมตั้งใจทำสเต๊กกับสลัดผัก” เอเลนตอบและนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชอบผัก แต่รีไวกลับทำหน้าเหมือนกำลังอมยิ้ม
“ขอให้เป็นฝีมือของนาย อะไรฉันก็กินได้”
หัวใจพองโตขึ้นมาแต่ก็ไม่มากพอจะลบความน้อยใจออกไปได้ เด็กหนุ่มดึงวัตถุดิบออกมาวางเรียงบนโต๊ะและแกล้งทำเป็นเดินไปเปิดตู้เย็น เพราะคิดว่าชายหนุ่มจะซ่อนเค้กไว้ในนั้นแต่ต้องผิดหวังเมื่อไม่พบอะไร
“หาอะไรอยู่” เสียงรีไวถาม เอเลนแกล้งทำเป็นหยิบมะนาวขึ้นมาชู
“ส่วนผสมน้ำสลัดครับ”
“นายเอามาด้วยไม่ใช่เหรอ” พูดพลางส่งสายตาไปที่ห่อมะนาวสองผลบนโต๊ะ เด็กหนุ่มทำท่าอึกอักก่อนตอบไม่เต็มเสียง
“ผมกลัวไม่พอน่ะครับ”
รีไวพยักหน้าและไม่พูดอะไร เขานั่งมองแผ่นหลังสะโอดสะองของเอเลนที่กำลังเคลื่อนไหวขณะหยิบโน่น หั่นนี่พร้อมกับนึกอย่างยินดีว่า อีกไม่นานเขาจะได้เห็นภาพแบบนี้ทุกวัน เพราะพอพ้นวันเกิด เอเลนก็จะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
พอถึงช่วงนี้รีไวก็หวนนึกไปถึงเอลวิน ที่ในตอนแรกเขาเข้าใจว่ามีอะไรเกินเลยกับอาร์มินไปแล้ว แต่เมื่อวานนี้เองหัวหน้าของเขาเพิ่งบอกความจริงว่า ยังไม่ได้แตะต้องหนุ่มน้อยคนนั้นเหมือนกัน และจะอดใจรอจนกว่าอาร์มินมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์
กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยมากระทบจมูก ดึงความคิดทั้งหมดกลับคืนมา รีไวจึงหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่ช้าอาหารทุกอย่างก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ
“เชิญทานได้เลยครับ” เอเลนพูดพลางปลดผ้ากันเปื้อนออก ทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารกันเงียบๆ ไม่พูดคุยอะไร เด็กหนุ่มแอบชำเลืองตามองรีไวหลายครั้งเพราะคิดว่าเขาคงจะมีเรื่องเซอร์ไพร้ส์อย่างเช่น จู่ๆก็ลุกขึ้นมาจุมพิตพร้อมกับให้ของขวัญหรืออะไรทำนองนั้น พอเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยเอเลนก็ถอนใจ
“เป็นอะไร” รีไวถามเสียงเรียบ เอเลนรีบส่ายหน้า
“เปล่าครับ”
“งั้นก็รีบกินให้หมด วันนี้ฉันเหนื่อยอยากเข้านอนเร็วๆ”
สีหน้าและน้ำเสียงเฉยชาอย่างที่มักจะทำเป็นประจำ เอเลนรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกในลำคอ คุณรีไวจำวันเกิดเขาไม่ได้จริงๆ เด็กหนุ่มคิดอย่างน้อยใจ ดวงตาร้อนผ่าวจากน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า เด็กหนุ่มรีบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนมันเอาไว้พร้อมกับกลืนก้อนสะอื้นกลับลงคอ
จัดการมื้อค่ำเสร็จรีไวก็ลุกขึ้นแต่ไม่ลืมออกคำสั่ง
“ทำความสะอาดทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยนะ”
“ครับ” เอเลนรับคำสั้นๆ อีกฝ่ายมองด้วยหางตาจากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไร พออยู่ตามลำพัง เด็กหนุ่มจึงเก็บถ้วยชามไปล้าง ระหว่างนั้นน้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาเป็นทาง
“เขาลืมวันเกิดของเรา”
คิดอย่างน้อยใจพลางนึกต่อไปอีกว่าในเมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นความสำคัญเขาก็ควรกลับบ้าน แต่คนเอาแต่ใจอย่างรีไวคงไม่ยอมให้ทำแบบนั้นแน่ งั้นเขาควรทำยังไงดี ถามออกไปตรงๆหรือเข้าห้องนอนโดยไม่พูดอะไร
เด็กหนุ่มตกลงใจเลือกข้อหลัง พอทำงานเสร็จก็ตรวจความเรียบร้อยภายในห้อง ปิดไฟทุกดวงจากนั้นก็คว้ากระเป๋าเดินไปที่ห้องนอน เขาหยุดยืนลังเลเล็กน้อยก่อนเปิดประตูก้าวเข้าไปด้านในพร้อมกับรายงาน
“เสร็จแล้วครับคุณ...”
คำพูดชะงักค้างไว้แค่นั้นเมื่อพบว่าห้องนอนที่เขาพักเป็นประจำตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวจนแลดูสว่างโพลนไปทั้งห้อง ไล่ตั้งแต่หัวนอน โต๊ะทำงานไปจนถึงประตู
“น...นี่มันอะไรกันครับ” เด็กหนุ่มถามคนที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่ข้างเตียง รีไวเอียงหน้าน้อยๆก่อนตอบ
“ดอกกุหลาบไง ไม่รู้จักเหรอ”
“ผมทราบครับแต่ว่าทำไม”
รีไวไม่ตอบแต่กลับเดินเข้าไปหาแล้วโน้มหน้าลงเหมือนจะหอมแก้ม อีกฝ่ายถอยหนีไปจนติดประตู ชายหนุ่มจึงระบายรอยยิ้มจางๆ
“ยังงอนอยู่อีกหรือ”
“ผมไม่ได้งอนอะไรนี่ครับ”
“อย่ามาทำเป็นปากแข็ง” พูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พอเอเลนทำท่าจะหนีเขาก็ใช้แขนข้างหนึ่งกั้นเอาไว้ “นายกำลังน้อยใจเรื่องงานวันเกิด”
“เปล่าสักหน่อย” เด็กหนุ่มปฏิเสธพร้อมกับก้มหน้าลงหลบ รีไวจึงเชยคางเขาขึ้นมาก
“โกหกไม่เก่งเลยนะ” พูดพลางแนบริมฝีปากกับเรียวปากสีชมพู ความน้อยใจทำให้เอเลนพยายามขืนตัวแต่รสสัมผัสจากปลายลิ้นที่กวาดไล้ไปทุกซอกทุกมุมอย่างอ่อนโยนสร้างความรัญจวนอย่างลึกล้ำ จากการขัดขืนในตอนแรกค่อยๆเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนและตอบรับอย่างเร่าร้อน
การตอบโต้ของคนในอ้อมกอดแทบจะทำให้รีไวยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เขาดันตัวเอเลนจนชิดประตูและเบียดกายของตัวเองตาม มือที่ประคองใบหน้าหวานเมื่อครู่เลื่อนต่ำลงมาทีละน้อย ไล่ตั้งแต่ไหล่ แขน เอวและหยุดอยู่ที่สะโพก
“เอเลน” ชายหนุ่มกระซิบเสียงแผ่วหลังจากถอนจูบออกมา เอเลนปรือตาขึ้นและขานรับด้วยเสียงที่เบาดุจละเมอ
“ครับ”
“สุขสันต์วันเกิด”
พูดพร้อมกับส่งกล่องของขวัญใบเล็กๆให้ เด็กหนุ่มมองด้วยดวงตากลมโตเหมือนคาดไม่ถึง เขาจ้องมันสลับกับหน้าของรีไวแต่ยังไม่กล้ายื่นมือไปหยิบ อีกฝ่ายมองเขาพลางอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูก่อนจะกล่าวเตือน
“รับไปสิ”
“ค...ครับ” เอเลนรับของขวัญชิ้นนั้นด้วยท่าทางประหม่า “ผมเปิดเลยได้ไหมครับ”
เขาถามอย่างเขินอาย พออีกฝ่ายพยักหน้าเด็กหนุ่มจึงค่อยๆแกะกระดาษที่ห่อไว้อย่างระมัดระวัง จึงพบว่าข้างในเป็นกล่องกำมะหยี่สีดำซึ่งพอเปิดออกมาแล้วเอเลนต้องยืนนิ่งอย่างตกตะลึง
“นี่มัน” เขามองรีไวด้วยใบหน้าแดงจัด “หมายความว่ายังไงกันครับ”
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่กลับเลื่อนสายตามองไปรอบห้อง
“รู้หรือเปล่าว่าในห้องนี้มีกุหลาบกี่ดอก”
“อ...เอ่อ” เอเลนมองตามอย่างคาดคะเนก่อนจะเดาสุ่ม “สัก 50 ดอก ไม่สิ 60 ดอกใช่ไหมครับ”
“108 ดอก” รีไวพูดก่อนจะหันกลับมาที่คนตรงหน้าอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้กำลังหน้าแดงซ่านด้วยความอาย “รู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”
เอเลนไม่ตอบแต่กลับก้มลงมองแหวนทองคำขาวซึ่งสลักหัวใจสองดวงกับตัวอักษรเล็กๆในกล่อง ที่น่าแปลกก็คือแหวนวงนั้นมีสร้อยเงินเส้นเล็กร้อยเอาไว้
“ทำไมมีสร้อยด้วยละครับ”
“เพราะมันยังไม่ถึงเวลา” พูดพลางหยิบสร้อยที่ร้อยแหวนวงนั้นขึ้นมาคล้องคอเอเลนด้วยกิริยาที่นุ่มนวลและจูบแก้มเด็กหนุ่มเบาๆพร้อมกับกระซิบ “นายเพิ่งจะมีอายุ 17 ปีเป็นวันแรก เพราะฉะนั้นคืนนี้ฉันจะปล่อยให้นายเป็นกุหลาบขาวไปก่อน”
พูดพลางไล่ปลายนิ้วไปบนสายสร้อยเรื่อยขึ้นไปตามลำคอและเชยคางเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้น
“แต่คืนพรุ่งนี้ฉันจะแต่งห้องด้วยกุหลาบสีแดง นายจะต้องสวมแหวนวงนี้ และเราก็จะเป็นของกันและกันตลอดไป”
ใบหน้าของเอเลนร้อนผ่าว เขามองรีไวด้วยดวงตากลมโตสีเขียวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้ม ตื้นตันและดื่มด่ำกับความรู้สึกอันงดงามที่ชายหนุ่มมอบให้ เมื่อรีไวก้มลงมาจุมพิตอีกครั้ง น้ำอุ่นๆที่ปริ่มคลอเบ้าก็รินไหลออกมาอย่างไม่อาจระงับได้ มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า หากเป็นน้ำตาแห่งความสุข เพราะนับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับคนรัก ตราบนานเท่านาน
จบบริบูรณ์
กุหลาบสีขาว - ความรักอันบริสุทธิ์
ดอกกุหลาบสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ และการแต่งงาน นั่นเพราะกุหลาบสีขาวแฝงนัยยะหลายอย่างเอาไว้ ทั้งความรักที่บริสุทธิ์, ความรักที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว, ความยินดี, การให้เกียรติ, ความนับถือซึ่งกันและกัน รวมถึงเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่จะช่วยเตือนใจว่า คู่บ่าวสาวจะมีเพียงรักเดียว ไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
กุหลาบสีแดง - รักแท้
ดอกกุหลาบสีแดง สัญลักษณ์แห่งรักแท้ ที่มีความหวานซึ้งและโรแมนติก เป็นรักแท้อันจริงจัง และยังหมายถึงการมอบความรักอย่างเร่าร้อนอีกด้วย
108 ดอก = แต่งงานกับฉันนะ
My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ บทส่งท้าย
http://ppantip.com/topic/32331360
บทส่งท้าย
เสียงรถที่วิ่งมาจอดหน้าร้านเป็นสัญญาณให้รู้ว่า คนรับช่วงดูแลรอบค่ำเดินทางมาถึงแล้ว ไม่รอช้า เอเลนรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวและกลับลงมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าที่เตรียมชุดนอนกับเสื้อผ้าสำหรับใส่วันต่อไปเอาไว้เรียบร้อย พอหยิบถุงกระดาษที่ใส่วัตถุดิบสำหรับทำอาหารได้ เขาก็ตะโกนบอกมิคาสะที่กำลังล้างถ้วยกาแฟอยู่ด้านใน
“ผมไปนะครับ”
พูดแค่นั้นก็วิ่งตื๋อออกจากร้านโดยไม่รอฟังคำตอบ แจนซึ่งเพิ่งก้าวลงจากรถจึงเอ่ยทัก
“จะไปแล้วเหรอเอเลน”
“ครับ” พูดพร้อมกับวิ่งไปด้วย “ป่านนี้คุณรีไวคงหิวแล้ว ผมไปก่อนนะครับ”
แจนยิ้มและโบกมือให้ จากนั้นก็หันไปมองมิคาสะซึ่งออกมายืนมองด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าเธอเป็นห่วงเอเลน แต่เพราะรู้นิสัยเพื่อน เขาจึงกล่าวปลอบใจ
“รีไวรับปากแล้วไม่ใช่หรือครับว่า จะไม่ทำอะไรจนกว่าเอเลนจะอายุครบ 17 “
หญิงสาวเม้มปากน้อยๆ เธอจำได้ดีว่าพอออกจากโรงพยาบาล เอเลนตามไปดูแลและนอนค้างคืนกับรีไวแทบทุกวัน แรกๆก็ยังพอทนแต่พอเห็นชายหนุ่มแข็งแรงจนกลับมาทำงานได้อีกครั้ง มิคาสะจึงตัดสินใจถามเขาไปตามตรง ซึ่งรีไวก็ตอบกลับมาว่ายังไม่ได้ล่วงเกินอะไร หญิงสาวจึงขอให้เขารับปากว่าจะไม่มีการแตะต้องจนกว่าเอเลนจะมีอายุครบ 17 ชายหนุ่มก็ให้สัญญา และเขาก็ปฏิบัติตนตามที่ตกลงกันเอาไว้อย่างเคร่งครัดมาตลอด 7 เดือน
“วันนี้เป็นวันเกิดของเอเลน”
มิคาสะพูดสั้นๆ แจนยืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เขามองเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งหายลับเข้าไปในตรอกก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“งั้นคืนนี้เขาคงไม่รอดแล้วละครับ”
เอเลนซอยเท้าวิ่งผ่านทางลัดมุ่งหน้าไปยังอพาร์ตเมนต์ของรีไวด้วยหัวใจพองคับอก คำพูดของเขาที่กระซิบบอกเมื่อคืนว่า มีของสำคัญจะมอบให้ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจยกเลิกการฉลองวันเกิดที่มิคาสะกับอาร์มินจัดให้เป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับคนรัก แม้รีไวจะไม่ได้จัดงานหรือเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้เลยก็ตาม
จะต้องมีอะไรอีกเล่า ในเมื่อเวลานี้เขาได้สิ่งมีค่าที่สุดมาแล้ว
ความรักของรีไว
ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า ขณะที่เจ้าตัวเร่งฝีเท้าวิ่งเร็วขึ้น เอเลนไม่สนใจหรอกว่าของขวัญวันเกิดที่เขาจะมอบให้เป็นอะไร ขอเพียงได้อยู่ใกล้ๆ กินมื้อค่ำด้วยกัน นั่งจิบเครื่องดื่มฟังเพลงเบาๆและนอนเคียงข้างเขาก็พอ
เด็กหนุ่มคิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งหยุดยืนหน้าห้อง เขาผ่อนลมหายใจของตัวเองเพื่อให้หายจากอาการเหน็ดเหนื่อย แต่พอยกมือขึ้นเพื่อเคาะประตู มันกลับหยุดชะงักค้าง เพราะเพิ่งนึกถึงคำพูดบางอย่างที่รีไวเคยบอกไว้เมื่อนานมาแล้วขึ้นมาได้
“อายุครบ 17 เมื่อไหร่ นายจะเป็นของฉัน”
อารมณ์ที่สงบลงเมื่อครู่พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง ถึงจะไม่เข้าใจทุกอย่างแต่เอเลนก็พอจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วันนี้เป็นวันเกิดของเขา หรือที่รีไวบอกว่ามีของสำคัญที่จะมอบให้คือ......
เอเลนสะบัดแรงๆเพื่อไล่ความคิดพิสดารออกไป คุณรีไวเป็นผู้ใหญ่ คงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางแบบนั้นหรอก คิดพลางยกมือขึ้นเคาะประตู เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นมันก็เปิดออกทันที เหมือนคนข้างในรออยู่แล้ว
“ช้าจัง” รีไวบ่นแต่ไม่ได้มีท่าทางว่าจะหงุดหงิดและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าแดงจัดของอีกฝ่าย “เป็นอะไร”
“เปล่านี่ครับ ถามทำไมเหรอ”
“นายหน้าแดง” ชายหนุ่มพูดสั้นๆก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง เอเลนก้าวตามพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆและรู้สึกผิดหวังน้อยๆเมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปรกติ ไม่มีการตกแต่งหรืออะไรที่แสดงว่ารีไวจัดงานวันเกิดให้ กระทั่งดอกไม้สักช่อก็ไม่มี
“ขอกาแฟแก้วสิ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลากเก้าอี้มานั่ง เอเลนหันไปส่งยิ้มให้
“ขอผมเอากระเป๋าไปไว้ในห้องก่อน”
“ฉันหิว” รีไวพูดเชิงบังคับ เด็กหนุ่มจึงจำต้องวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้รับแขกและเดินเข้าครัวเพื่อจัดการตามที่อีกฝ่ายขอ ไม่นานกาแฟหอมฉุยก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ
“ได้แล้วครับ”
น้ำเสียงเหมือนงอนน้อยๆจนชายหนุ่มนึกขำ เขาเหลือบตามองคนน่ารักที่ยืนทำแก้มป่องแวบหนึ่งก่อนหยิบกาแฟขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปทางถุงกระดาษที่เอเลนถือมาด้วย
“มีอะไรกินบ้าง”
“ผมตั้งใจทำสเต๊กกับสลัดผัก” เอเลนตอบและนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชอบผัก แต่รีไวกลับทำหน้าเหมือนกำลังอมยิ้ม
“ขอให้เป็นฝีมือของนาย อะไรฉันก็กินได้”
หัวใจพองโตขึ้นมาแต่ก็ไม่มากพอจะลบความน้อยใจออกไปได้ เด็กหนุ่มดึงวัตถุดิบออกมาวางเรียงบนโต๊ะและแกล้งทำเป็นเดินไปเปิดตู้เย็น เพราะคิดว่าชายหนุ่มจะซ่อนเค้กไว้ในนั้นแต่ต้องผิดหวังเมื่อไม่พบอะไร
“หาอะไรอยู่” เสียงรีไวถาม เอเลนแกล้งทำเป็นหยิบมะนาวขึ้นมาชู
“ส่วนผสมน้ำสลัดครับ”
“นายเอามาด้วยไม่ใช่เหรอ” พูดพลางส่งสายตาไปที่ห่อมะนาวสองผลบนโต๊ะ เด็กหนุ่มทำท่าอึกอักก่อนตอบไม่เต็มเสียง
“ผมกลัวไม่พอน่ะครับ”
รีไวพยักหน้าและไม่พูดอะไร เขานั่งมองแผ่นหลังสะโอดสะองของเอเลนที่กำลังเคลื่อนไหวขณะหยิบโน่น หั่นนี่พร้อมกับนึกอย่างยินดีว่า อีกไม่นานเขาจะได้เห็นภาพแบบนี้ทุกวัน เพราะพอพ้นวันเกิด เอเลนก็จะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
พอถึงช่วงนี้รีไวก็หวนนึกไปถึงเอลวิน ที่ในตอนแรกเขาเข้าใจว่ามีอะไรเกินเลยกับอาร์มินไปแล้ว แต่เมื่อวานนี้เองหัวหน้าของเขาเพิ่งบอกความจริงว่า ยังไม่ได้แตะต้องหนุ่มน้อยคนนั้นเหมือนกัน และจะอดใจรอจนกว่าอาร์มินมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์
กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยมากระทบจมูก ดึงความคิดทั้งหมดกลับคืนมา รีไวจึงหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่ช้าอาหารทุกอย่างก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ
“เชิญทานได้เลยครับ” เอเลนพูดพลางปลดผ้ากันเปื้อนออก ทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารกันเงียบๆ ไม่พูดคุยอะไร เด็กหนุ่มแอบชำเลืองตามองรีไวหลายครั้งเพราะคิดว่าเขาคงจะมีเรื่องเซอร์ไพร้ส์อย่างเช่น จู่ๆก็ลุกขึ้นมาจุมพิตพร้อมกับให้ของขวัญหรืออะไรทำนองนั้น พอเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยเอเลนก็ถอนใจ
“เป็นอะไร” รีไวถามเสียงเรียบ เอเลนรีบส่ายหน้า
“เปล่าครับ”
“งั้นก็รีบกินให้หมด วันนี้ฉันเหนื่อยอยากเข้านอนเร็วๆ”
สีหน้าและน้ำเสียงเฉยชาอย่างที่มักจะทำเป็นประจำ เอเลนรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกในลำคอ คุณรีไวจำวันเกิดเขาไม่ได้จริงๆ เด็กหนุ่มคิดอย่างน้อยใจ ดวงตาร้อนผ่าวจากน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า เด็กหนุ่มรีบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนมันเอาไว้พร้อมกับกลืนก้อนสะอื้นกลับลงคอ
จัดการมื้อค่ำเสร็จรีไวก็ลุกขึ้นแต่ไม่ลืมออกคำสั่ง
“ทำความสะอาดทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยนะ”
“ครับ” เอเลนรับคำสั้นๆ อีกฝ่ายมองด้วยหางตาจากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไร พออยู่ตามลำพัง เด็กหนุ่มจึงเก็บถ้วยชามไปล้าง ระหว่างนั้นน้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาเป็นทาง
“เขาลืมวันเกิดของเรา”
คิดอย่างน้อยใจพลางนึกต่อไปอีกว่าในเมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นความสำคัญเขาก็ควรกลับบ้าน แต่คนเอาแต่ใจอย่างรีไวคงไม่ยอมให้ทำแบบนั้นแน่ งั้นเขาควรทำยังไงดี ถามออกไปตรงๆหรือเข้าห้องนอนโดยไม่พูดอะไร
เด็กหนุ่มตกลงใจเลือกข้อหลัง พอทำงานเสร็จก็ตรวจความเรียบร้อยภายในห้อง ปิดไฟทุกดวงจากนั้นก็คว้ากระเป๋าเดินไปที่ห้องนอน เขาหยุดยืนลังเลเล็กน้อยก่อนเปิดประตูก้าวเข้าไปด้านในพร้อมกับรายงาน
“เสร็จแล้วครับคุณ...”
คำพูดชะงักค้างไว้แค่นั้นเมื่อพบว่าห้องนอนที่เขาพักเป็นประจำตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวจนแลดูสว่างโพลนไปทั้งห้อง ไล่ตั้งแต่หัวนอน โต๊ะทำงานไปจนถึงประตู
“น...นี่มันอะไรกันครับ” เด็กหนุ่มถามคนที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่ข้างเตียง รีไวเอียงหน้าน้อยๆก่อนตอบ
“ดอกกุหลาบไง ไม่รู้จักเหรอ”
“ผมทราบครับแต่ว่าทำไม”
รีไวไม่ตอบแต่กลับเดินเข้าไปหาแล้วโน้มหน้าลงเหมือนจะหอมแก้ม อีกฝ่ายถอยหนีไปจนติดประตู ชายหนุ่มจึงระบายรอยยิ้มจางๆ
“ยังงอนอยู่อีกหรือ”
“ผมไม่ได้งอนอะไรนี่ครับ”
“อย่ามาทำเป็นปากแข็ง” พูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พอเอเลนทำท่าจะหนีเขาก็ใช้แขนข้างหนึ่งกั้นเอาไว้ “นายกำลังน้อยใจเรื่องงานวันเกิด”
“เปล่าสักหน่อย” เด็กหนุ่มปฏิเสธพร้อมกับก้มหน้าลงหลบ รีไวจึงเชยคางเขาขึ้นมาก
“โกหกไม่เก่งเลยนะ” พูดพลางแนบริมฝีปากกับเรียวปากสีชมพู ความน้อยใจทำให้เอเลนพยายามขืนตัวแต่รสสัมผัสจากปลายลิ้นที่กวาดไล้ไปทุกซอกทุกมุมอย่างอ่อนโยนสร้างความรัญจวนอย่างลึกล้ำ จากการขัดขืนในตอนแรกค่อยๆเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนและตอบรับอย่างเร่าร้อน
การตอบโต้ของคนในอ้อมกอดแทบจะทำให้รีไวยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เขาดันตัวเอเลนจนชิดประตูและเบียดกายของตัวเองตาม มือที่ประคองใบหน้าหวานเมื่อครู่เลื่อนต่ำลงมาทีละน้อย ไล่ตั้งแต่ไหล่ แขน เอวและหยุดอยู่ที่สะโพก
“เอเลน” ชายหนุ่มกระซิบเสียงแผ่วหลังจากถอนจูบออกมา เอเลนปรือตาขึ้นและขานรับด้วยเสียงที่เบาดุจละเมอ
“ครับ”
“สุขสันต์วันเกิด”
พูดพร้อมกับส่งกล่องของขวัญใบเล็กๆให้ เด็กหนุ่มมองด้วยดวงตากลมโตเหมือนคาดไม่ถึง เขาจ้องมันสลับกับหน้าของรีไวแต่ยังไม่กล้ายื่นมือไปหยิบ อีกฝ่ายมองเขาพลางอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูก่อนจะกล่าวเตือน
“รับไปสิ”
“ค...ครับ” เอเลนรับของขวัญชิ้นนั้นด้วยท่าทางประหม่า “ผมเปิดเลยได้ไหมครับ”
เขาถามอย่างเขินอาย พออีกฝ่ายพยักหน้าเด็กหนุ่มจึงค่อยๆแกะกระดาษที่ห่อไว้อย่างระมัดระวัง จึงพบว่าข้างในเป็นกล่องกำมะหยี่สีดำซึ่งพอเปิดออกมาแล้วเอเลนต้องยืนนิ่งอย่างตกตะลึง
“นี่มัน” เขามองรีไวด้วยใบหน้าแดงจัด “หมายความว่ายังไงกันครับ”
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่กลับเลื่อนสายตามองไปรอบห้อง
“รู้หรือเปล่าว่าในห้องนี้มีกุหลาบกี่ดอก”
“อ...เอ่อ” เอเลนมองตามอย่างคาดคะเนก่อนจะเดาสุ่ม “สัก 50 ดอก ไม่สิ 60 ดอกใช่ไหมครับ”
“108 ดอก” รีไวพูดก่อนจะหันกลับมาที่คนตรงหน้าอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้กำลังหน้าแดงซ่านด้วยความอาย “รู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”
เอเลนไม่ตอบแต่กลับก้มลงมองแหวนทองคำขาวซึ่งสลักหัวใจสองดวงกับตัวอักษรเล็กๆในกล่อง ที่น่าแปลกก็คือแหวนวงนั้นมีสร้อยเงินเส้นเล็กร้อยเอาไว้
“ทำไมมีสร้อยด้วยละครับ”
“เพราะมันยังไม่ถึงเวลา” พูดพลางหยิบสร้อยที่ร้อยแหวนวงนั้นขึ้นมาคล้องคอเอเลนด้วยกิริยาที่นุ่มนวลและจูบแก้มเด็กหนุ่มเบาๆพร้อมกับกระซิบ “นายเพิ่งจะมีอายุ 17 ปีเป็นวันแรก เพราะฉะนั้นคืนนี้ฉันจะปล่อยให้นายเป็นกุหลาบขาวไปก่อน”
พูดพลางไล่ปลายนิ้วไปบนสายสร้อยเรื่อยขึ้นไปตามลำคอและเชยคางเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้น
“แต่คืนพรุ่งนี้ฉันจะแต่งห้องด้วยกุหลาบสีแดง นายจะต้องสวมแหวนวงนี้ และเราก็จะเป็นของกันและกันตลอดไป”
ใบหน้าของเอเลนร้อนผ่าว เขามองรีไวด้วยดวงตากลมโตสีเขียวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้ม ตื้นตันและดื่มด่ำกับความรู้สึกอันงดงามที่ชายหนุ่มมอบให้ เมื่อรีไวก้มลงมาจุมพิตอีกครั้ง น้ำอุ่นๆที่ปริ่มคลอเบ้าก็รินไหลออกมาอย่างไม่อาจระงับได้ มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า หากเป็นน้ำตาแห่งความสุข เพราะนับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับคนรัก ตราบนานเท่านาน
จบบริบูรณ์
กุหลาบสีขาว - ความรักอันบริสุทธิ์
ดอกกุหลาบสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ และการแต่งงาน นั่นเพราะกุหลาบสีขาวแฝงนัยยะหลายอย่างเอาไว้ ทั้งความรักที่บริสุทธิ์, ความรักที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว, ความยินดี, การให้เกียรติ, ความนับถือซึ่งกันและกัน รวมถึงเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่จะช่วยเตือนใจว่า คู่บ่าวสาวจะมีเพียงรักเดียว ไปจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
กุหลาบสีแดง - รักแท้
ดอกกุหลาบสีแดง สัญลักษณ์แห่งรักแท้ ที่มีความหวานซึ้งและโรแมนติก เป็นรักแท้อันจริงจัง และยังหมายถึงการมอบความรักอย่างเร่าร้อนอีกด้วย
108 ดอก = แต่งงานกับฉันนะ