จากประชาชาติธุรกิจออนไลน์
จังหวัดภูเก็ตอยู่ในบัญชีแถวหน้าที่ถูกจัดระเบียบสังคมตามนโยบายคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ
ล่าสุด "นาวาเอกพิเศษสมพงษ์ นาคทอง"เสนาธิการกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 นำกำลังทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย และเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต รวมกว่า 50 นาย ลงปฏิบัติการจัดระเบียบการให้บริการภายในท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
นาวาเอกพิเศษสมพงษ์กล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของพลเรือโทธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อปฏิบัติการจัดระเบียบการท่าอากาศยานทั้งหมด รวมทั้งการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตามนโยบายของ คสช.
ทั้งนี้ ได้รับข้อมูลว่าท่าอากาศยานภูเก็ตมีปัญหาสะสมมายาวนานหลายเรื่อง ซึ่งทางทหารจะเข้ามาจัดการใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.จัดระเบียบแท็กซี่มิเตอร์ให้ถูกต้องและมีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น 2.ปราบปรามและจับกุมรถแท็กซี่ป้ายดำผิดกฎหมาย และ 3.จัดระเบียบร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่สนามบินกว่า 100 ร้านค้า
"ขณะนี้มีข้อมูลเชิงลึกว่ากลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่เข้ามาหากินได้สร้างความเดือดร้อนในสนามบินอยู่หลายกลุ่มทั้งกลุ่มผู้มีอิทธิพลดั้งเดิมกลุ่มที่มีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องและกลุ่มที่แอบแฝงเข้ามากับกลุ่มที่จดทะเบียนถูกต้อง บุคคลเหล่านี้จะทยอยเรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจให้หยุดการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หากพบผู้มีอิทธิพลก็จะรวบตัวทันที"
สำหรับเจ้าหน้าที่การท่าฯ ที่มีส่วนรับผลประโยชน์มานาน ก็จะเชิญมาพูดคุย รวมถึงจัดการตามระเบียบและลงโทษทางวินัย หากเตือนแล้วยังไม่เชื่อฟัง ก็ต้องใช้ยาแรง เบื้องต้นจะใช้เวลาดำเนินการ 1 เดือน และประเมินผล ก่อนที่จะดำเนินการต่อ
ขณะที่ร้านค้าภายในอาคารผู้โดยสารมีข้อมูลว่า ที่ผ่านมามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาดำเนินการเปิดร้านบริการโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบของการท่าฯหลายราย หากตรวจพบว่าร้านใดทำผิดเงื่อนไข หรือไม่เป็นไปตามสัญญา จะสั่งให้ระงับการดำเนินการก่อน หากจะกลับมาเปิดให้บริการ ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด
เบื้องต้นมีการตรวจพบร้านค้าจำนวน 3 ร้านหมดสัญญาการเช่าพื้นที่ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ประกอบด้วยบริษัท ทีเอสพีไทย จำกัด บริษัท เซาท์เทิร์น 2002จำกัด ขายสินค้าอาหารพื้นเมืองบรรจุภัณฑ์ และบริษัท กี-วิชเชอร์แอนด์คอนสทรัคชั่น จำกัด ขายสินค้าเครื่องประดับ แต่ไม่ยอมรื้อออกไป จึงได้มีการสั่งให้รื้อภายใน 4 วัน
ด้านพลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ปัจจุบันแท็กซี่จำนวน 300 คิว เกือบ 4,000 คันในภูเก็ตล้วนเป็นแท็กซี่ป้ายดำที่ไม่ถูกต้องตามระบบ กลายเป็นซ่องโจร หากเจ้าของพื้นที่ไม่ดำเนินการข้อหาบุกรุกก็จะถูกจับกุมฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
"ยกตัวอย่างที่ตำบลเชิงทะเลฝ่ายปกครองปล่อยให้ตั้งคิวได้อย่างไรเมื่อเข้าไปตรวจสอบก็อ้างว่าเป็นคนในพื้นที่ทำกินสุจริต แต่จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นเกี่ยวข้อง กรณีนี้เรามีหลักฐานแน่นหนา ต้องล้มล้างผู้มีอิทธิพล ดำเนินการให้หมดสิ้น" พลตำรวจตรีปวีณกล่าว
นี่คือปฏิบัติการยาแรงในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต
ล้างอิทธิพลสนามบินภูเก็ต รื้อใหญ่ร้านค้า-แท็กซี่ป้ายดำ-แท็กซี่มิเตอร์!?
จังหวัดภูเก็ตอยู่ในบัญชีแถวหน้าที่ถูกจัดระเบียบสังคมตามนโยบายคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ
ล่าสุด "นาวาเอกพิเศษสมพงษ์ นาคทอง"เสนาธิการกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 นำกำลังทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย และเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต รวมกว่า 50 นาย ลงปฏิบัติการจัดระเบียบการให้บริการภายในท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
นาวาเอกพิเศษสมพงษ์กล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของพลเรือโทธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อปฏิบัติการจัดระเบียบการท่าอากาศยานทั้งหมด รวมทั้งการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตามนโยบายของ คสช.
ทั้งนี้ ได้รับข้อมูลว่าท่าอากาศยานภูเก็ตมีปัญหาสะสมมายาวนานหลายเรื่อง ซึ่งทางทหารจะเข้ามาจัดการใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.จัดระเบียบแท็กซี่มิเตอร์ให้ถูกต้องและมีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น 2.ปราบปรามและจับกุมรถแท็กซี่ป้ายดำผิดกฎหมาย และ 3.จัดระเบียบร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่สนามบินกว่า 100 ร้านค้า
"ขณะนี้มีข้อมูลเชิงลึกว่ากลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่เข้ามาหากินได้สร้างความเดือดร้อนในสนามบินอยู่หลายกลุ่มทั้งกลุ่มผู้มีอิทธิพลดั้งเดิมกลุ่มที่มีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องและกลุ่มที่แอบแฝงเข้ามากับกลุ่มที่จดทะเบียนถูกต้อง บุคคลเหล่านี้จะทยอยเรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจให้หยุดการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หากพบผู้มีอิทธิพลก็จะรวบตัวทันที"
สำหรับเจ้าหน้าที่การท่าฯ ที่มีส่วนรับผลประโยชน์มานาน ก็จะเชิญมาพูดคุย รวมถึงจัดการตามระเบียบและลงโทษทางวินัย หากเตือนแล้วยังไม่เชื่อฟัง ก็ต้องใช้ยาแรง เบื้องต้นจะใช้เวลาดำเนินการ 1 เดือน และประเมินผล ก่อนที่จะดำเนินการต่อ
ขณะที่ร้านค้าภายในอาคารผู้โดยสารมีข้อมูลว่า ที่ผ่านมามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาดำเนินการเปิดร้านบริการโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบของการท่าฯหลายราย หากตรวจพบว่าร้านใดทำผิดเงื่อนไข หรือไม่เป็นไปตามสัญญา จะสั่งให้ระงับการดำเนินการก่อน หากจะกลับมาเปิดให้บริการ ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด
เบื้องต้นมีการตรวจพบร้านค้าจำนวน 3 ร้านหมดสัญญาการเช่าพื้นที่ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ประกอบด้วยบริษัท ทีเอสพีไทย จำกัด บริษัท เซาท์เทิร์น 2002จำกัด ขายสินค้าอาหารพื้นเมืองบรรจุภัณฑ์ และบริษัท กี-วิชเชอร์แอนด์คอนสทรัคชั่น จำกัด ขายสินค้าเครื่องประดับ แต่ไม่ยอมรื้อออกไป จึงได้มีการสั่งให้รื้อภายใน 4 วัน
ด้านพลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ปัจจุบันแท็กซี่จำนวน 300 คิว เกือบ 4,000 คันในภูเก็ตล้วนเป็นแท็กซี่ป้ายดำที่ไม่ถูกต้องตามระบบ กลายเป็นซ่องโจร หากเจ้าของพื้นที่ไม่ดำเนินการข้อหาบุกรุกก็จะถูกจับกุมฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
"ยกตัวอย่างที่ตำบลเชิงทะเลฝ่ายปกครองปล่อยให้ตั้งคิวได้อย่างไรเมื่อเข้าไปตรวจสอบก็อ้างว่าเป็นคนในพื้นที่ทำกินสุจริต แต่จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นเกี่ยวข้อง กรณีนี้เรามีหลักฐานแน่นหนา ต้องล้มล้างผู้มีอิทธิพล ดำเนินการให้หมดสิ้น" พลตำรวจตรีปวีณกล่าว
นี่คือปฏิบัติการยาแรงในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต