วันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3
กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ทางดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากบุคล
ซึ่งอ้างว่าเป็นชาวต่างชาติและอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต กว่า 10 ปี ผ่านทางเว็บไซต์ของดีเอสไอ
เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหากลุ่มบุคคลทั้งชายและหญิงจำนวนมาก
ที่ออกมาสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในซอยบางลา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต
โดยใจความหนังสือดังกล่าวได้แปลเป็นภาษาไทยแล้ว มีใจความว่า เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว
มีชายหญิงเป็นร้อยคนมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในซอยบางลาและพยายามจะขายของต่างๆ
ซึ่งเป็นการสร้างความรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวซึ่งกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ
ให้กับนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือการเร่ขาย Sex shows,in show, ping pong show
รวมทั้งการถ่ายรูปกับสัตว์ป่าคุ้มครองหลักๆ อาทิ อิกัวน่า ลิงตัวเล็ก(ลิงลม)
โดยคนกลุ่มนี้ ร้อยละ99 ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ ตรงบริเวณถนนบางลา
แต่กลับได้รับอนุญาตให้ขายของได้ทุกที่
"ถนนบางลากำลังจะสูญเสียนักท่องเที่ยวดีๆที่เรียกว่า "นักท่องเที่ยวคุณภาพ"
เนื่องจากจะมีกลุ่มคนพวกนี้เข้ามาสอบถามตลอด ทุกๆระยะทาง 3 เมตรว่าชักชวนดูโชว์ปิงปอง
หรือโชว์ลามกต่างๆจนทำให้มีนักท่องเที่ยวเริ่มบ่นและรู้สึกถึงความรำคาญ
จนไม่อยากกลับมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตอีกต่อไป ประกอบกับยังมีกลุ่มรักร่วมเพศหรือกลุ่มเกย์
ที่มายืนเป็นแถวขวางถนนจนทำให้นักท่องเที่ยวต้องหยุดเดินและจะผ่านไปได้
ก็ต้องรอให้กลุ่มพวกนี้เปิดเส้นทางให้เท่านั้น โดยกลุ่มเกย์ที่มักจะสวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า
และมีตัวเลขสกรีนด้านหลังเสื้อจะมีรายได้จากการโกงเงินนักท่องเที่ยว
ซึ่งพวกเขาจะพาชาวต่างชาติไปที่บาร์ชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งจะจำหน่ายเบียร์และสุรา
ในราคาที่สูงมาก เช่น ปกติร้านทั่วไปจะจำหน่ายเบียร์ขวดละ 150 บาท
แต่ร้านดังกล่าวจะขายที่ราคา 300- 1,000 บาทเฉลี่ยแล้วในช่วงฤดูท่องเที่ยว
กลุ่มรักร่วมเพศกลุ่มนี้จะสามารถทำเงินเดือนได้สูงถึง100,000 บาท" พ.ต.ท. สมบูรณ์ เผย
พ.ต.ท. สมบูรณ์ กล่าวว่า สำหรับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้แจ้งให้ทางจังหวัด
และผู้บังคับการตำรวจภูธรรับทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
รับปากว่าจะมีการกวดขันตรวจสอบให้เข้มงวด ซึ่งนอกจากปัญหาการร้องเรียนดังกล่าว
ขณะนี้จากการที่เจ้าหน้าที่ร่วมกันทำงานอย่างเข้มงวดพบว่าปัญหาการร้องเรียนเรื่องต่างๆของจังหวัดภูเก็ต
มีแนวโน้มที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยขณะนี้เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลักลอบปล่อยน้ำเสีย
เรื่องของเสียงดังสร้างความรำคาญ ซึ่งปัญหาร้องเรียนส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ป่าตอง
ส่วนกลุ่มแท็กซี่มิเตอร์พบว่าปัญหาการร้องเรียนลดลง
พ.ต.ท. สมบูรณ์ ระบุว่า แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล
และกลุ่มแท็กซี่มิเตอร์ที่ผิดกฎหมายยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในการจับกุ่มนายป้อมและนายเสริม คิวรถแท็กซี่ที่ห้างเซ็นทรัลนั้น
พบว่าขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีอยู่ ซึ่งในวันอาทิตย์นี้ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
จะนำตัวผู้เสียหายจำนวน 5 คน ไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ตำรวจกองปราบปรามด้วย
ขณะที่นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับปัญหาการร้องเรียนของชาวต่างชาติ
กรณีซอยบางลานั้นตนพร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวทันที
เครดิท :
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE16TTJNemd6TkE9PQ%3D%3D&subcatid
คนไทยไม่แจ้ง ตำรวจไม่มีตา ต้องให้ฝรั่งแจ้งเองหรือครับ น่าอนาถและเสียชื่อจริงๆ
ฝรั่งสุดทน ร้องดีเอสไอปราบแก๊งเซ็กซ์โชว์-ปิงปองโชว์ ซอยบางลา - ชี้ทำภูเก็ตเสื่อม
กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ทางดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากบุคล
ซึ่งอ้างว่าเป็นชาวต่างชาติและอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต กว่า 10 ปี ผ่านทางเว็บไซต์ของดีเอสไอ
เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหากลุ่มบุคคลทั้งชายและหญิงจำนวนมาก
ที่ออกมาสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในซอยบางลา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต
โดยใจความหนังสือดังกล่าวได้แปลเป็นภาษาไทยแล้ว มีใจความว่า เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว
มีชายหญิงเป็นร้อยคนมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในซอยบางลาและพยายามจะขายของต่างๆ
ซึ่งเป็นการสร้างความรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวซึ่งกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ
ให้กับนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือการเร่ขาย Sex shows,in show, ping pong show
รวมทั้งการถ่ายรูปกับสัตว์ป่าคุ้มครองหลักๆ อาทิ อิกัวน่า ลิงตัวเล็ก(ลิงลม)
โดยคนกลุ่มนี้ ร้อยละ99 ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ ตรงบริเวณถนนบางลา
แต่กลับได้รับอนุญาตให้ขายของได้ทุกที่
"ถนนบางลากำลังจะสูญเสียนักท่องเที่ยวดีๆที่เรียกว่า "นักท่องเที่ยวคุณภาพ"
เนื่องจากจะมีกลุ่มคนพวกนี้เข้ามาสอบถามตลอด ทุกๆระยะทาง 3 เมตรว่าชักชวนดูโชว์ปิงปอง
หรือโชว์ลามกต่างๆจนทำให้มีนักท่องเที่ยวเริ่มบ่นและรู้สึกถึงความรำคาญ
จนไม่อยากกลับมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตอีกต่อไป ประกอบกับยังมีกลุ่มรักร่วมเพศหรือกลุ่มเกย์
ที่มายืนเป็นแถวขวางถนนจนทำให้นักท่องเที่ยวต้องหยุดเดินและจะผ่านไปได้
ก็ต้องรอให้กลุ่มพวกนี้เปิดเส้นทางให้เท่านั้น โดยกลุ่มเกย์ที่มักจะสวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า
และมีตัวเลขสกรีนด้านหลังเสื้อจะมีรายได้จากการโกงเงินนักท่องเที่ยว
ซึ่งพวกเขาจะพาชาวต่างชาติไปที่บาร์ชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งจะจำหน่ายเบียร์และสุรา
ในราคาที่สูงมาก เช่น ปกติร้านทั่วไปจะจำหน่ายเบียร์ขวดละ 150 บาท
แต่ร้านดังกล่าวจะขายที่ราคา 300- 1,000 บาทเฉลี่ยแล้วในช่วงฤดูท่องเที่ยว
กลุ่มรักร่วมเพศกลุ่มนี้จะสามารถทำเงินเดือนได้สูงถึง100,000 บาท" พ.ต.ท. สมบูรณ์ เผย
พ.ต.ท. สมบูรณ์ กล่าวว่า สำหรับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้แจ้งให้ทางจังหวัด
และผู้บังคับการตำรวจภูธรรับทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
รับปากว่าจะมีการกวดขันตรวจสอบให้เข้มงวด ซึ่งนอกจากปัญหาการร้องเรียนดังกล่าว
ขณะนี้จากการที่เจ้าหน้าที่ร่วมกันทำงานอย่างเข้มงวดพบว่าปัญหาการร้องเรียนเรื่องต่างๆของจังหวัดภูเก็ต
มีแนวโน้มที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยขณะนี้เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลักลอบปล่อยน้ำเสีย
เรื่องของเสียงดังสร้างความรำคาญ ซึ่งปัญหาร้องเรียนส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ป่าตอง
ส่วนกลุ่มแท็กซี่มิเตอร์พบว่าปัญหาการร้องเรียนลดลง
พ.ต.ท. สมบูรณ์ ระบุว่า แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล
และกลุ่มแท็กซี่มิเตอร์ที่ผิดกฎหมายยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในการจับกุ่มนายป้อมและนายเสริม คิวรถแท็กซี่ที่ห้างเซ็นทรัลนั้น
พบว่าขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีอยู่ ซึ่งในวันอาทิตย์นี้ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
จะนำตัวผู้เสียหายจำนวน 5 คน ไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ตำรวจกองปราบปรามด้วย
ขณะที่นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับปัญหาการร้องเรียนของชาวต่างชาติ
กรณีซอยบางลานั้นตนพร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวทันที
เครดิท : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE16TTJNemd6TkE9PQ%3D%3D&subcatid
คนไทยไม่แจ้ง ตำรวจไม่มีตา ต้องให้ฝรั่งแจ้งเองหรือครับ น่าอนาถและเสียชื่อจริงๆ