ซำบายดี.....หล่า
กลับมาคุยกันใหม่นะครับ..........เมื่อวานครูน้าหยอยมีอาการไม่ดี....ทั้งแสบคอและเป็นไข้.....ผมเลยกินยาแล้วนอนตั้งแต่2ทุ่ม.......ตื่นขึ้นมาก็ดีขึ้น...วันนี้กินยาแก้ไข้ติดต่อกันมา3ชุด.....เย็นนี้เอายาชาตรานักเลงกรอกลงไปอีก1กั๊ก......สมองโล่งเลย......ค่ำนี้เลยกลับมาคุยได้ต่อ......
...........วันก่อนนั้น เราคุยกันเรื่องที่ผมจะเอาคาบูเรเตอร์ของ JR 120มาใส่ในรถ VR 150......เพื่อให้รถประหยัดขึ้น.....คงจำกันได้นะครับ.....แล้วปัญหามันก็แตกปลายไปถึงการที่เด็กแว๊นของเรานิยมเอาคาบูเรเตอร์แบบที่มีปากแตร-เพื่อดึงอากาศให้เข้าไปในห้องเผาไหม้มากๆ อย่างที่เราเห็นๆกันอยู่.....
แล้วก็มีน้องคนหนึ่ง(ลืมชื่อล็อคอินไปแล้วแฮะ....เดี๋ยวไปจำเอาคุณ Gamo มาอีก...555....).....ปุจฉามาดังนี้ครับ
ยกมือถามคุณครูครับ
รุ่นเก่าๆ มีก็อกน้ำม้น ปิดก็อกได้ แล้วเดินเครื่องจนน้ำมันหมดคาร์บู
รถรุ่นใหม่ๆ ไม่มีก็อก อย่างงี้ จอดนานๆ ไม่มีน้ำมันในถัง
ถังน้ำมันจะเป้นสนิมไหมครับ
แล้วกระทู้ที่แล้ว คาใจอยู่นิดนึง พวกที่เปลือยคาบูร์ ทำไมเขาไม่หันปากคาร์บูเรเตอร์มาทางหน้ารถเลยละครับ
หรือว่าอากาศที่รับมาตรงๆ มันแรงเกินไปครับ
..........ตอบคำถามแรกก่อนครับ.......ปกติแล้ว หากไม่มีละอองไอน้ำเข้าไปอยู่ในถัง.......โอกาสที่ถังน้ำมันจะเป็นสนิมมีน้อยมากครับ เพราะไอน้ำมันที่หลงเหลืออยู่ในถังน้ำมันจะช่วยไล่ความชื้นให้หมดไปจากถังน้ำมัน.....นั่นประการหนึ่ง......แต่ทางแก้ก็คือ รถพวกมีก็อกน้ำมันอัตโนมัติแบบรถรุ่นใหม่นั้น....เมื่อเราสตาร์ทเครื่อง(ไล่น้ำมันเบ็นซิน)จนหมดถังและเครื่องยนต์ดับไปแล้ว.......เราก็ใส่น้ำมันก๊าดลงไปในถังน้ำมันสักครึ่งขวด(มีขายตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง-ขวดละ20บาท)
เราใส่น้ำมันก๊าดลงไปเพื่อให้ไอน้ำมันดูแลความสะอาดในถังแทน(หากใส่น้ำมันเบ็นซิน...มันจะตกตะกอนเหมือนเดิม).........นี่พูดถึงกรณีที่จะต้องจอดรถข้ามปีนะครับ.......หากจอดสัก1-2เดือนก็ใส่เบ็นซินแช่ถังลงไปได้....มันยังไม่ทันเกิดตะกรัน(ขออย่างเดียว อย่าให้มีน้ำมันเบ็นซินแช่อยู่ในนมหนูหรือหัวฉีด-มันจะได้ไม่แห้งกรังคานมหนูไง).......สรุปอีกทีก็คือ เมื่อเดินเครื่องจนน้ำมันหมดไปจากห้องลูกลอยแล้ว....ปล่อยให้คาบูเรเตอร์แห้งแหง๋แก๋อย่างนั้นแหละ.....แล้วเติมน้ำมันเบ็นซินลงไปในเลี้ยงถังน้ำมันไม่ให้เกิดสนิม(ในกรณีจอด2-3เดือน).....แต่ถ้าจอดข้ามปี...ให้ใช้น้ำมันก๊าดแช่ถังครับ.....พอเข้าใจไหม......
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเด็กแว๊น ไม่ใส่คาบูเรเตอร์สวนทางกับอากาศไปเลยล่ะ.....กลัวลมเข้ามากไปหรือไง......มันไม่มีใครทำท่อไอดีสวนทางลมน่ะครับ(มันเสี่ยงทั้งเศษฝุ่นเศษผง หรือละอองน้ำ).......ประเด็นสำคัญคือ รถจะเกิดอาการจูนยากครับ....เพราะอีตอนจูนเครื่องยนต์นั้น เราจูนตอนรถหยุดอยู่กับที่.....สัดส่วนของอากาศมันจะอยู่ที่1/15 อย่างที่บอกไปแล้ว.....พอเอารถออกไปวิ่ง...บางทีวิ่งตามลมบางทีวิ่งสวนลม.....อากาศจะบางไปบ้างหรือหนาไปบ้าง.......กลายเป็นรถบ้าๆบอๆ....เลือดจะไปลมจะมาอย่างนั้นแหละ.....
อยากให้กระทู้มีสาระ(คุยเรื่องคาบูเรเตอร์กันต่อ-อีกนิดเดียว)
กลับมาคุยกันใหม่นะครับ..........เมื่อวานครูน้าหยอยมีอาการไม่ดี....ทั้งแสบคอและเป็นไข้.....ผมเลยกินยาแล้วนอนตั้งแต่2ทุ่ม.......ตื่นขึ้นมาก็ดีขึ้น...วันนี้กินยาแก้ไข้ติดต่อกันมา3ชุด.....เย็นนี้เอายาชาตรานักเลงกรอกลงไปอีก1กั๊ก......สมองโล่งเลย......ค่ำนี้เลยกลับมาคุยได้ต่อ......
...........วันก่อนนั้น เราคุยกันเรื่องที่ผมจะเอาคาบูเรเตอร์ของ JR 120มาใส่ในรถ VR 150......เพื่อให้รถประหยัดขึ้น.....คงจำกันได้นะครับ.....แล้วปัญหามันก็แตกปลายไปถึงการที่เด็กแว๊นของเรานิยมเอาคาบูเรเตอร์แบบที่มีปากแตร-เพื่อดึงอากาศให้เข้าไปในห้องเผาไหม้มากๆ อย่างที่เราเห็นๆกันอยู่.....
แล้วก็มีน้องคนหนึ่ง(ลืมชื่อล็อคอินไปแล้วแฮะ....เดี๋ยวไปจำเอาคุณ Gamo มาอีก...555....).....ปุจฉามาดังนี้ครับ
ยกมือถามคุณครูครับ
รุ่นเก่าๆ มีก็อกน้ำม้น ปิดก็อกได้ แล้วเดินเครื่องจนน้ำมันหมดคาร์บู
รถรุ่นใหม่ๆ ไม่มีก็อก อย่างงี้ จอดนานๆ ไม่มีน้ำมันในถัง
ถังน้ำมันจะเป้นสนิมไหมครับ
แล้วกระทู้ที่แล้ว คาใจอยู่นิดนึง พวกที่เปลือยคาบูร์ ทำไมเขาไม่หันปากคาร์บูเรเตอร์มาทางหน้ารถเลยละครับ
หรือว่าอากาศที่รับมาตรงๆ มันแรงเกินไปครับ
..........ตอบคำถามแรกก่อนครับ.......ปกติแล้ว หากไม่มีละอองไอน้ำเข้าไปอยู่ในถัง.......โอกาสที่ถังน้ำมันจะเป็นสนิมมีน้อยมากครับ เพราะไอน้ำมันที่หลงเหลืออยู่ในถังน้ำมันจะช่วยไล่ความชื้นให้หมดไปจากถังน้ำมัน.....นั่นประการหนึ่ง......แต่ทางแก้ก็คือ รถพวกมีก็อกน้ำมันอัตโนมัติแบบรถรุ่นใหม่นั้น....เมื่อเราสตาร์ทเครื่อง(ไล่น้ำมันเบ็นซิน)จนหมดถังและเครื่องยนต์ดับไปแล้ว.......เราก็ใส่น้ำมันก๊าดลงไปในถังน้ำมันสักครึ่งขวด(มีขายตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง-ขวดละ20บาท)
เราใส่น้ำมันก๊าดลงไปเพื่อให้ไอน้ำมันดูแลความสะอาดในถังแทน(หากใส่น้ำมันเบ็นซิน...มันจะตกตะกอนเหมือนเดิม).........นี่พูดถึงกรณีที่จะต้องจอดรถข้ามปีนะครับ.......หากจอดสัก1-2เดือนก็ใส่เบ็นซินแช่ถังลงไปได้....มันยังไม่ทันเกิดตะกรัน(ขออย่างเดียว อย่าให้มีน้ำมันเบ็นซินแช่อยู่ในนมหนูหรือหัวฉีด-มันจะได้ไม่แห้งกรังคานมหนูไง).......สรุปอีกทีก็คือ เมื่อเดินเครื่องจนน้ำมันหมดไปจากห้องลูกลอยแล้ว....ปล่อยให้คาบูเรเตอร์แห้งแหง๋แก๋อย่างนั้นแหละ.....แล้วเติมน้ำมันเบ็นซินลงไปในเลี้ยงถังน้ำมันไม่ให้เกิดสนิม(ในกรณีจอด2-3เดือน).....แต่ถ้าจอดข้ามปี...ให้ใช้น้ำมันก๊าดแช่ถังครับ.....พอเข้าใจไหม......
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเด็กแว๊น ไม่ใส่คาบูเรเตอร์สวนทางกับอากาศไปเลยล่ะ.....กลัวลมเข้ามากไปหรือไง......มันไม่มีใครทำท่อไอดีสวนทางลมน่ะครับ(มันเสี่ยงทั้งเศษฝุ่นเศษผง หรือละอองน้ำ).......ประเด็นสำคัญคือ รถจะเกิดอาการจูนยากครับ....เพราะอีตอนจูนเครื่องยนต์นั้น เราจูนตอนรถหยุดอยู่กับที่.....สัดส่วนของอากาศมันจะอยู่ที่1/15 อย่างที่บอกไปแล้ว.....พอเอารถออกไปวิ่ง...บางทีวิ่งตามลมบางทีวิ่งสวนลม.....อากาศจะบางไปบ้างหรือหนาไปบ้าง.......กลายเป็นรถบ้าๆบอๆ....เลือดจะไปลมจะมาอย่างนั้นแหละ.....