กระทู้ที่ผมตั้งขึ้นมาทุกๆกระทู้ ผมต้องการชี้ให้เยาวชนมุสลิมเห็นว่า เหตุการณ์ของโลกมุสลิมในปัจจุบัน ได้ใช้คำสอนอะไรที่มีปะปนอยู่ในหลักการสอนศาสนา อิสลาม ที่นักวิชาการมุสลิม ในสังคมมุสลิมใช้ในการสอนเยาวชนมุสลิม
ผมพยายามที่จะ ชี้แจงให้เยาวชนมุสลิมเห็นว่า การที่เราจะเข้าใจศาสนาอิสลามให้ถูกต้อง นั้นต้องใช้อัลกุรอานเป็นบรรทัดฐานเพียงอย่างเดียว และหาเหตุผลว่า เพราะเหตุใด อัลกุรอานจึงสอนเช่นนั้น, ถ้ามุสลิม มองเรื่องเหล่านั้น ในแง่ลบ และพยายามจะ ต่อต้านสิ่งที่เราควรรู้ควรศึกษาให้เข้าใจ ก่อนที่จะคัดค้าน และหันหลังให้กับความถูกต้อง และหลักคุณธรรมทางศาสนา อิสลาม แล้ว, ก็เท่ากับเรา สนับสนุนหลักการสอนที่ผิด และทำลายคุณค่า คุณธรรมของศาสนาอิสลาม ด้วยตัวเราเอง
การเอาแพ้เอาชนะไม่ใช่วัตถุประสงค์ของผมในเรื่อง ราวของกระทู้ ของผม แต่ต้องการที่จะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่มุสลิมเราเชื่อถือนั้น บางอย่างไม่ตรงกับ หลักคุณธรรมที่พระเจ้าต้องการให้ มุสลิมเราศึกษา เพื่อปรับปรุงสังคมของมนุษยชาคิให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ผมต้องการยกตัวอย่างให้เห็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ สังคมมนุษย์ชาติในปัจจุบัน รับไม่ได้ และเขานำเอาคำสอนเช่นนี้ มา แสดง ให้โลกได้เห็น, เราซึ่งเป็นมุสลิมไม่ควรนิ่งนอนใจ และเห็นว่า เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่อง ธรรมดา ที่คิดว่า สังคมตะวันตก พยายามจะทำลายอิสลาม
แต่ถ้ามุสลิม ไม่ชี้แจงด้วยความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้องแล้ว ก็เท่ากับ มุสลิมยอมรับ ว่า การสอนที่ขาดคุณธรรมเช่นนี้ มีอยู่ในหลักการของศาสนาอิสลาม หรือในบัญญัติ อัลกุรอาน เพื่อให้มุสลิมนำมาปฏิบัติ จริง
บทความข้างล่างนี้ มาจากข่าวในเวบของ Non-Muslim ซึ่งมาพร้อมด้วยหลักฐาน ซึ่งเขาอ้างหลักฐาน จาก อะฮาดีษ และการ บิดเบือนข้อความในอัลกุรอาน บัญญัติที่ 4:3 และ 4:24 มาอ้างอิง
وَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تُقْسِطُوا فِي الْيَتَامَىٰ فَانْكِحُوا مَا طَابَ لَكُمْ مِنَ النِّسَاءِ مَثْنَىٰ وَثُلَاثَ وَرُبَاعَ ۖ فَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تَعْدِلُوا فَوَاحِدَةً أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَدْنَىٰ أَلَّا تَعُولُوا {3}
And if you fear that you cannot act equitably towards orphans, then marry such women as seem good to you, two and three and four; but if you fear that you will not do justice (between them), then (marry) only one or what your right hands possess; this is more proper, that you may not deviate from the right course. (Shakir 4:3)
ในบทความ เขาอ้างว่า “อัลกุรอาน ให้ ถือสิทธิเพศสัมพันธ์กับเชลยศึกได้” แต่ไม่อธิบายถึงเหตุผลและเงื่อนไข ตามบัญญัติ 4:24 ซึ่งผมได้อธิบายไว้และ มุสลิมในที่นี้คัดค้านอย่าง หัวชนฝา ว่า, คำอธิบายของผมเป็นการคิดเอาเอง โดยที่มุสลิมในที่นี้ มีความเห็นเช่นเดียวกับ
การบรรยาย ในคลิป ของ ท่านเชค ซุนนีย์ มุสลิม ผู้นี้, ผู้ซึ่งอธิบาย เรื่อง “หญิงที่มือขวาของเจ้าครอบครอง”
ดูและฟังให้เข้าใจแล้วค่อยมา สนทนากันต่อ....
https://www.youtube.com/watch?v=B2_ek8H6OVw
คำสอนและคำ อธิบายการปฏิบัติ ของมุสลิมยามสงคราม จากคำพูดของ Sheikh Yassin al-Ajlawni นักวิชาการซุนนีย์มุสลิมผู้นี้สอนว่า:
เรา (บรรดานักวิชาการผู้ออกกฏหมาย)ในที่นี้ได้กำหนดหลักปฏิบัติ โดยอนุมัติให้ หญิงชาวซีเรียน ผู้ซึ่งต้องการ แต่งงานกับ ชายมุสลิม,โดยการ ทำสัญญา “เป็นหญิงในมือขวา(ของทหาร), เพื่อที่ว่า บรรดาทหาร จะกลายเป็น นายทาสและหญิงผู้นั้นจะตกเป็น “ทาสหญิงของทหาร”, ข้อสัญญาที่กล่าวนี้ จำเป็นที่หญิงผู้ทำสัญญาจะต้อง ปราศจากเลือดประจำเดือน(วันสุดท้ายของประจำเดือน), และสัญญานี้จะต้อง ขึ้นทะเบียน หรือ บันทึกไว้ ต่อ บรรดานักวิชาการผู้กำหนดบัญญัตินี้ และ/หรือ เจ้าหน้าที่ ตามกฏหมาย “ชาเรีย” หรือต่อ“ศาลแพ่ง”
หลังจากที่หญิงผู้นั้นได้กล่าว(ปฏิญาณและ ให้คำมั่นสัญญา)ว่า, “ข้าพเจ้าได้มอบร่างกายของข้าพเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิ์” ตามความหมายของคำว่า “ที่มือขวา(ของท่าน)ครอบครอง”, หญิงผู้นี้จะกลายเป็น ทาสผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเขา(เหล่าทหารจิฮาด), และ ทหารนายทาสของนาง; หญิงผู้นี้ก็จะกลายมาเป็น ทาสและภรรยา(บำเรอ)ต่อเขา(ทหารจิฮาด),
และเขาทหารนั้น จะต้อง จุนเจือหญิงนั้น ด้วย เงินค่าบริการตามที่ตกลงกันไว้ในหนังสือสัญญา,...ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายทั้งทหารและหญิงผู้ทำสัญญาได้ตกอยู่ภายใต้ข้อผูกพันตามหนังสือสัญญาของ “สิทธิในการครอบครอง” และจะไม่มีปัญหาในทางศาสนา, ตามพระประสงค์ของ อัลลอฮ์(พระเจ้า”
จะเห็นว่าการทำสัญญาในที่นี้โดยมีคำปฏิญาณและสินสอดทองมั่น(ค่าบริการชั่วคราว) ก็คือพิธีแต่งงาน หรือ “นิกะห์” นั้นเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำ “ซินา” การผิดประเวณี โดยอ้าง “พระเจ้าเป็นผู้อนุมัติ”
......................
ดังนั้นการที่จะอ้างว่า การมี “สิทธิในการครอบครอง หรือ ที่มือขวาของเจ้าครอบครอง” จึงไม่ใช่ความหมายให้ “ทหารหรือ ผู้เป็นนายทาส ข่มขืนกระทำชำเรา ทาสหญิงหรือ เชลยศึกหญิงได้ตามชอบใจ ถ้ากระทำเช่นนั้นเรียกว่า การทำ “ซินา” อย่างแน่นอน
คำฟัตวาที่ Non-Muslim โฆษณา ในเวบข้างล่างนี้..เป็นคำสอนที่ขัดกับหลักการของศาสนาอิสลาม และคำสอนในอัลกุรอาน เป็นการ อ้างอิงอัลกุรอาน โดยการบิดเบือน ความหมาย ของอัลกุรอาน บัญญัติที่ 4:3 และ 4:24
http://counterjihadreport.com/2014/04/04/muslim-cleric-urges-poor-women-to-become-sex-slaves/
ถ้ามุสลิมท่านใดในที่นี้ ต้องการยืนยันว่า คำสอน และ การ ฟัตวา ของ ท่านซุนนีย์เชค ผู้นี้ถูกต้อง ตามหลักการของศาสนาอิสลาม, ก็จงให้เหตุผลคัดค้านคำอธิบายของผมในที่นี้มาได้, ผมจะรับฟังความคิดเห็นของท่าน ในทางบวกเสมอ และจะชี้แจงให้เห็นว่า เพราะเหตุใดผมจึงยืนยันว่า คำวลีที่ว่า “หญิงที่มือขวาของเจ้าครอบครองนั้น” ชายมุสลิมไม่อาจจะร่วมเพศสัมพันธ์ได้โดยปราศจากการ “นิกะห์” หรือ การสมรส หรือ แต่งงาน เสียก่อน มิฉนั้นจะเป็นการ ละเมิด หรือ เป็นการทำ “ซินา” การผิดประเวณี ตามหลักการของศาสนาอิสลาม อย่างแน่นอน
กระทู้สำหรับมุสลิมผู้ที่สนับสนุน "การฟัตวา ของ Sheikh Yassin al-Ajlawni นักวิชาการซุนนีย์มุสลิม"
ผมพยายามที่จะ ชี้แจงให้เยาวชนมุสลิมเห็นว่า การที่เราจะเข้าใจศาสนาอิสลามให้ถูกต้อง นั้นต้องใช้อัลกุรอานเป็นบรรทัดฐานเพียงอย่างเดียว และหาเหตุผลว่า เพราะเหตุใด อัลกุรอานจึงสอนเช่นนั้น, ถ้ามุสลิม มองเรื่องเหล่านั้น ในแง่ลบ และพยายามจะ ต่อต้านสิ่งที่เราควรรู้ควรศึกษาให้เข้าใจ ก่อนที่จะคัดค้าน และหันหลังให้กับความถูกต้อง และหลักคุณธรรมทางศาสนา อิสลาม แล้ว, ก็เท่ากับเรา สนับสนุนหลักการสอนที่ผิด และทำลายคุณค่า คุณธรรมของศาสนาอิสลาม ด้วยตัวเราเอง
การเอาแพ้เอาชนะไม่ใช่วัตถุประสงค์ของผมในเรื่อง ราวของกระทู้ ของผม แต่ต้องการที่จะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่มุสลิมเราเชื่อถือนั้น บางอย่างไม่ตรงกับ หลักคุณธรรมที่พระเจ้าต้องการให้ มุสลิมเราศึกษา เพื่อปรับปรุงสังคมของมนุษยชาคิให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ผมต้องการยกตัวอย่างให้เห็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ สังคมมนุษย์ชาติในปัจจุบัน รับไม่ได้ และเขานำเอาคำสอนเช่นนี้ มา แสดง ให้โลกได้เห็น, เราซึ่งเป็นมุสลิมไม่ควรนิ่งนอนใจ และเห็นว่า เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่อง ธรรมดา ที่คิดว่า สังคมตะวันตก พยายามจะทำลายอิสลาม
แต่ถ้ามุสลิม ไม่ชี้แจงด้วยความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้องแล้ว ก็เท่ากับ มุสลิมยอมรับ ว่า การสอนที่ขาดคุณธรรมเช่นนี้ มีอยู่ในหลักการของศาสนาอิสลาม หรือในบัญญัติ อัลกุรอาน เพื่อให้มุสลิมนำมาปฏิบัติ จริง
บทความข้างล่างนี้ มาจากข่าวในเวบของ Non-Muslim ซึ่งมาพร้อมด้วยหลักฐาน ซึ่งเขาอ้างหลักฐาน จาก อะฮาดีษ และการ บิดเบือนข้อความในอัลกุรอาน บัญญัติที่ 4:3 และ 4:24 มาอ้างอิง
وَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تُقْسِطُوا فِي الْيَتَامَىٰ فَانْكِحُوا مَا طَابَ لَكُمْ مِنَ النِّسَاءِ مَثْنَىٰ وَثُلَاثَ وَرُبَاعَ ۖ فَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تَعْدِلُوا فَوَاحِدَةً أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَدْنَىٰ أَلَّا تَعُولُوا {3}
And if you fear that you cannot act equitably towards orphans, then marry such women as seem good to you, two and three and four; but if you fear that you will not do justice (between them), then (marry) only one or what your right hands possess; this is more proper, that you may not deviate from the right course. (Shakir 4:3)
ในบทความ เขาอ้างว่า “อัลกุรอาน ให้ ถือสิทธิเพศสัมพันธ์กับเชลยศึกได้” แต่ไม่อธิบายถึงเหตุผลและเงื่อนไข ตามบัญญัติ 4:24 ซึ่งผมได้อธิบายไว้และ มุสลิมในที่นี้คัดค้านอย่าง หัวชนฝา ว่า, คำอธิบายของผมเป็นการคิดเอาเอง โดยที่มุสลิมในที่นี้ มีความเห็นเช่นเดียวกับ
การบรรยาย ในคลิป ของ ท่านเชค ซุนนีย์ มุสลิม ผู้นี้, ผู้ซึ่งอธิบาย เรื่อง “หญิงที่มือขวาของเจ้าครอบครอง”
ดูและฟังให้เข้าใจแล้วค่อยมา สนทนากันต่อ....
https://www.youtube.com/watch?v=B2_ek8H6OVw
คำสอนและคำ อธิบายการปฏิบัติ ของมุสลิมยามสงคราม จากคำพูดของ Sheikh Yassin al-Ajlawni นักวิชาการซุนนีย์มุสลิมผู้นี้สอนว่า:
เรา (บรรดานักวิชาการผู้ออกกฏหมาย)ในที่นี้ได้กำหนดหลักปฏิบัติ โดยอนุมัติให้ หญิงชาวซีเรียน ผู้ซึ่งต้องการ แต่งงานกับ ชายมุสลิม,โดยการ ทำสัญญา “เป็นหญิงในมือขวา(ของทหาร), เพื่อที่ว่า บรรดาทหาร จะกลายเป็น นายทาสและหญิงผู้นั้นจะตกเป็น “ทาสหญิงของทหาร”, ข้อสัญญาที่กล่าวนี้ จำเป็นที่หญิงผู้ทำสัญญาจะต้อง ปราศจากเลือดประจำเดือน(วันสุดท้ายของประจำเดือน), และสัญญานี้จะต้อง ขึ้นทะเบียน หรือ บันทึกไว้ ต่อ บรรดานักวิชาการผู้กำหนดบัญญัตินี้ และ/หรือ เจ้าหน้าที่ ตามกฏหมาย “ชาเรีย” หรือต่อ“ศาลแพ่ง”
หลังจากที่หญิงผู้นั้นได้กล่าว(ปฏิญาณและ ให้คำมั่นสัญญา)ว่า, “ข้าพเจ้าได้มอบร่างกายของข้าพเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิ์” ตามความหมายของคำว่า “ที่มือขวา(ของท่าน)ครอบครอง”, หญิงผู้นี้จะกลายเป็น ทาสผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเขา(เหล่าทหารจิฮาด), และ ทหารนายทาสของนาง; หญิงผู้นี้ก็จะกลายมาเป็น ทาสและภรรยา(บำเรอ)ต่อเขา(ทหารจิฮาด),
และเขาทหารนั้น จะต้อง จุนเจือหญิงนั้น ด้วย เงินค่าบริการตามที่ตกลงกันไว้ในหนังสือสัญญา,...ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายทั้งทหารและหญิงผู้ทำสัญญาได้ตกอยู่ภายใต้ข้อผูกพันตามหนังสือสัญญาของ “สิทธิในการครอบครอง” และจะไม่มีปัญหาในทางศาสนา, ตามพระประสงค์ของ อัลลอฮ์(พระเจ้า”
จะเห็นว่าการทำสัญญาในที่นี้โดยมีคำปฏิญาณและสินสอดทองมั่น(ค่าบริการชั่วคราว) ก็คือพิธีแต่งงาน หรือ “นิกะห์” นั้นเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำ “ซินา” การผิดประเวณี โดยอ้าง “พระเจ้าเป็นผู้อนุมัติ”
......................
ดังนั้นการที่จะอ้างว่า การมี “สิทธิในการครอบครอง หรือ ที่มือขวาของเจ้าครอบครอง” จึงไม่ใช่ความหมายให้ “ทหารหรือ ผู้เป็นนายทาส ข่มขืนกระทำชำเรา ทาสหญิงหรือ เชลยศึกหญิงได้ตามชอบใจ ถ้ากระทำเช่นนั้นเรียกว่า การทำ “ซินา” อย่างแน่นอน
คำฟัตวาที่ Non-Muslim โฆษณา ในเวบข้างล่างนี้..เป็นคำสอนที่ขัดกับหลักการของศาสนาอิสลาม และคำสอนในอัลกุรอาน เป็นการ อ้างอิงอัลกุรอาน โดยการบิดเบือน ความหมาย ของอัลกุรอาน บัญญัติที่ 4:3 และ 4:24
http://counterjihadreport.com/2014/04/04/muslim-cleric-urges-poor-women-to-become-sex-slaves/
ถ้ามุสลิมท่านใดในที่นี้ ต้องการยืนยันว่า คำสอน และ การ ฟัตวา ของ ท่านซุนนีย์เชค ผู้นี้ถูกต้อง ตามหลักการของศาสนาอิสลาม, ก็จงให้เหตุผลคัดค้านคำอธิบายของผมในที่นี้มาได้, ผมจะรับฟังความคิดเห็นของท่าน ในทางบวกเสมอ และจะชี้แจงให้เห็นว่า เพราะเหตุใดผมจึงยืนยันว่า คำวลีที่ว่า “หญิงที่มือขวาของเจ้าครอบครองนั้น” ชายมุสลิมไม่อาจจะร่วมเพศสัมพันธ์ได้โดยปราศจากการ “นิกะห์” หรือ การสมรส หรือ แต่งงาน เสียก่อน มิฉนั้นจะเป็นการ ละเมิด หรือ เป็นการทำ “ซินา” การผิดประเวณี ตามหลักการของศาสนาอิสลาม อย่างแน่นอน