มีมุสลิมผู้ที่ชอบอ้างว่าผมพยายามจะสอนความรู้ทางศาสนาอิสลาม โดยปราศจากประกาศนียบัตรทางวิชาการศาสนา จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม, ผมจึงอยากจะอธิบายให้เข้าใจว่า ผมไม่ใช่ครูสอนศาสนาอิสลามเป็นเพียงสมาชิกมุสลิมพันทิปผู้หนึ่งเท่านั้น, ที่ใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางศาสนาอิสลามไม่ต่างจากสมาชิกอื่นๆในห้องศาสนานี้เช่นกัน
ความคิดเห็นของผมที่แสดงออกมาในเรื่องศาสนาอิสลามนั้น เป็นความคิดเห็นที่สามัญชนสามารถที่จะเข้าใจได้อย่างง่ายๆๆด้วยเหตุผล ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วศาสนาอิสลามไม่ได้ ยากเย็นอย่างที่มุสลิมบางคนจะทำให้ยากเกินไปกว่า ที่สามัญชนมุสลิม ไม่อาจจะศึกษาด้วยตัวเองได้ และเอาผู้รู้ทางศาสนาอิสลามไปเปรียบเทียบกับ นายแพทย์ในทุกๆสาขา เป็นแพทย์ที่มีประกาศนียบัตร์ ประกอบโรคศิลป์ ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่ขาดเหตุผลและ ตามความเป็นจริงแล้วมุสลิมที่กล่าวเช่นนั้น ไม่อาจจะนำความคิดหรือตรรกะของเขา มาปฏิบัติในสังคมของมุสลิม เป็นการเปรียบเทียบที่ ไม่เข้าใจความซับซ้อนของสังคมมุสลิม ทุกๆสังคมที่มีอยู่บนโลกใบนี้, นายแพทย์ทางยาผู้เป็นมุสลิมชีอะต์ อาจจะ ไม่ต่างจากนายแพทย์ทางยาของมุสลิมซุนนีย์เลย แต่มีความรู้ทางศาสนาต่างกัน
ผมจะไม่กล่าวถึงคุณภาพและ จรรยาธรรม และคุณธรรมของแพทย์ ที่ต่างกันในวงการแพทย์, เนื่องจากผู้เปรียบเทียบ ไม่อาจจะเข้าใจได้, เขาเข้าใจแต่เพียงว่า ประกาศนียบัตร์ วิชาชีพ เป็นกระดาษที่รับรองมารตฐานในความสามารถของผู้ถือกระดาษใบนั้นเท่าเทียมกันทุกๆคน, ซึ่งต่างจากความรู้ทางวิชาการศาสนา ซึ่งผู้สอนที่มาจากสถาบันศาสนา อธิบายหลักการศาสนาอิสลามที่แตกต่างกันตาม ความศรัทธาของ สถาบันของแต่ละนิกาย แม้แต่ผู้ที่ได้รับประกาศนีบัตร มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันก็ตาม, และไม่ต่างนักการเมืองที่มีปริญญาทางกฏหมายแต่แปลและให้ความหมายของ บัญญัติกฏหมายต่างกันตามความต้องการที่จะนำไป ประยุกต์ใช้ตามเจตนารมณ์ของตน
มุสลิมที่เปรียบเทียบว่า มุสลิมจะต้องเรียนอิสลามจากผู้รู้ ที่มีประกาศนียบัตร์ บอกระดับความรู้ว่า เข้าใจ ศาสนาอิสลามระดับไหน และ และสามารถที่จะตีความอัลกุรอานได้ระดับใด, จากความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ ในสังคมมุสลิม
มุสลิมซุนนีย์ ที่จบจากสถาบัน ศาสนาของนิกานซุนนีย์ ไม่อาจจะ ได้รับการรับรองจากนักวิชาการชีอะต์ ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ทางศาสนา อิสลามอย่างถูกต้อง, และในทำนองเดียวกัน นักวิชาการ ซุนนีย์ก็ไม่ยอมรับการสอนและความรู้ของ นักวิชาการที่มีปริญญาจาก ชองลัทธิชีอะต์, แม้แต่มุสลิมในลัทธิซุนนีย์ด้วยกันก็ไม่ยอมรับ รองวิชาการประกาศนียบัตร์ ของมุสลิมที่มีการฟัตวา ที่ต่างจากความคิดเห็น Mindset ของมุสลิมด้วยกัน
ตัวอย่างเช่น นักวิขาการระดับ มุสลิม ผู้นำสังคมมุสลิมโลก ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์ ประธานสมาพันธ์อุละลามาอฺมุสลิมมีฟัตวาว่า:
1. การฆ่าตัวตายโดยหิ้วระเบิดพลีชีพเป็นที่อนุมัติตามหลักการของศาสนาอิสลามให้ทำได้,
2. การดื่มสารผสมแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 0.5% เป็นที่อนุมัติให้มุสลิม ดื่มได้, การฟัตวานี้ ขัดกับฮาดีษที่ห้ามเครื่องดื่มที่มี สารแอลกอฮอล์ ถึงแม้ว่าจะมีน้อยที่สุดเท่าใดก็ตาม
สำหรับ ข้อ 1.
ในฐานะที่ผมเป็นมุสลิม ธรรมดา ไม่มีประกาศนียบัตร ความรู้ของซุนนีย์มุสลิม ในเรื่องการอนุมัติให้ฆ่าชีวิตคนผู้บริสุทธิได้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม, ผมพิจารณาด้วยเหตุผลทางอัลกุรอาน ผมมีความเห็นว่าผิดหลักการของศาสนาอิสลาม,และความคิดเห็นของผมนี้ไม่ได้บังคับหรือสอนผู้ใดให้เชื่อถือคำพูดของผม, ถ้ามีมุสลิมผู้ใดเห็นด้วยกับผม มันเป็นความรับผิดชอบของเขาผู้นั้นที่ มีอิสระในการเลือกทางเดิน ว่าจะเดินตามแนวทางแห่งความชั่วช้าของซัยตอน หรือ แนวทางความดีของพระเจ้า/อัลลอฮ์
สำหรับข้อ 2.
เมื่อผมพิจารณาความจำเป็นในทางแพทย์และทางชีวะเคมีแล้ว, ถ้าหากว่าผมเห็นด้วยว่า แอลกอฮอล์ ปริมาณไม่เกิน 0.5%ในสารผสม หรือ เครือง ดื่ม หมักดองจากผลไม้ตามธรรมชาิติ ที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ถือว่า ไม่มีบาป
ปฏิกริยาในข้อ 1.
มุสลิม ผู้ที่ยกย่อง ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์ จะเห็นด้วยกับ การหิ้วระเบิดพลีชีพซึ่งเป็นการฆ่าตัวตายและฆ่าผู้อื่นที่เป็นผู้บริสืธิด้วย ซึ่งไม่คิดว่า ถ้ามุสลิมตอบสนองความเลวด้วยความเลวแลัว มุสลิม ก็คือผู้ที่ทำความเลวเช่นกัน และการกระทำเช่นนั้นขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลาม
ปฏิกริยาในข้อ 2.
ถ้าหากว่าผมเห็นด้วยว่า แอลกอ ฮอล์ ปริมาณ ไม่เกิน 0.5%ในสารผสม หรือ เครือง ดื่ม หมักดองจากผลไม้ตามธรรมชาิติ ที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ถือว่า ไม่มีบาป, มุสลิมที่มี Mindset ต่อความคิดเห็นของผม ก็จะเที่ยวโพนทนาว่า ผมบอกว่า มุสลิมกินเหล้าได้ แต่ไม่มองที่การ ฟัตวา หรือ บัญญัติเป็นกฏหมายอิสลามว่าอย่างไร?
ถ้าหากว่า ผมอ้างบัญญัติอัลกุรอานประกอบด้วยเป็นการสนับสนุนการฟัตวาของ ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์, บัญญัติที่ว่า...
“และจากผลของอินทผลัมและผลองุ่น, เจ้าจะได้เครื่องดื่ม และอาหารที่ อันโอชา(เพื่อสุขภาพ),จงพิจารณาเถิด ในเรื่องนี้ยังเป็นสัญญาณสำหรับผู้ที่มีความฉลาด” (ยูซุบอาลี16:67)
บรรดาหมอศาสนาผู้มีประกาศนียบัตร และลูกศิษย์ ของเขา ก็จะอ้างว่าบัญญัติอัลกุรอานบมนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยบัญญัติ อื่นๆที่ตามมาภายหลัง เนื่องจากความไม่เข้าใจอัลกุรอาน แล้วก็จะกลายเป็นว่า “แมทท์บอกว่ามุสลิมดื่มเหล้าได้”
มีการวิจัยในประเทศฝรั่งเศส พบว่า ใน โคคาโคล่า 1 ลิตรมีสารแอลกอฮล์ 10 มิลิแกรม หรือ 0.001%
http://www.beveragedaily.com/Markets/Tests-show-trace-alcohol-levels-but-Coke-insists-it-has-Islamic-acceptance
ผมอยากจะถามว่า อาจารย์ผู้รู้ทางศาสนาอิสลาม ว่า:
1.การฟัตวาว่า แอลกอฮอล์ ปริมาณ ไม่เกิน 0.5% จากการหมักผลไม้ตามธรรมชาติ นั้นเป็นที่รับรองของมุสลิมหรือไม่ (ถ้าถือตามฮาดีษแล้ว เป็นบาป ดื่มไม่ได้อย่างเด็ดขาด)
2.ถ้า “น้ำซุบกระดูกหมู” ปริมาณ 0.001% แต่ไม่เกิน 0.5% หยดปนอยู่ ในน้ำก๋วยเตี๋ยว ของมุสลิม จะฮารอมหรือไม่ เนื่องจาก อิสลามห้ามทานเนื้อหมู ถ้าไม่มีความจำเป็นเพื่อเอาชีวิตรอด และไม่ห้ามอย่างเด็ดขาด ซึ่งต่างกันมากจาก การห้ามดื่มเครื่องดื่มสารแอลกอฮอล์
ตัวอย่างของปฏิกริยา ที่ผมยกมาให้เห็นนี้มีอยู่จริง และเป็นความจริงในสังคมมุสลิมไทยและในหมู่มุสลิมพันทิปด้วย
ท่านจะเชื่อหมอใหญ่ทางศาสนาผู้ที่เป็นผู้นำมุสลิมที่ท่านนับถือผู้นี้หรือไม่?
หมอศาสนา
ความคิดเห็นของผมที่แสดงออกมาในเรื่องศาสนาอิสลามนั้น เป็นความคิดเห็นที่สามัญชนสามารถที่จะเข้าใจได้อย่างง่ายๆๆด้วยเหตุผล ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วศาสนาอิสลามไม่ได้ ยากเย็นอย่างที่มุสลิมบางคนจะทำให้ยากเกินไปกว่า ที่สามัญชนมุสลิม ไม่อาจจะศึกษาด้วยตัวเองได้ และเอาผู้รู้ทางศาสนาอิสลามไปเปรียบเทียบกับ นายแพทย์ในทุกๆสาขา เป็นแพทย์ที่มีประกาศนียบัตร์ ประกอบโรคศิลป์ ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่ขาดเหตุผลและ ตามความเป็นจริงแล้วมุสลิมที่กล่าวเช่นนั้น ไม่อาจจะนำความคิดหรือตรรกะของเขา มาปฏิบัติในสังคมของมุสลิม เป็นการเปรียบเทียบที่ ไม่เข้าใจความซับซ้อนของสังคมมุสลิม ทุกๆสังคมที่มีอยู่บนโลกใบนี้, นายแพทย์ทางยาผู้เป็นมุสลิมชีอะต์ อาจจะ ไม่ต่างจากนายแพทย์ทางยาของมุสลิมซุนนีย์เลย แต่มีความรู้ทางศาสนาต่างกัน
ผมจะไม่กล่าวถึงคุณภาพและ จรรยาธรรม และคุณธรรมของแพทย์ ที่ต่างกันในวงการแพทย์, เนื่องจากผู้เปรียบเทียบ ไม่อาจจะเข้าใจได้, เขาเข้าใจแต่เพียงว่า ประกาศนียบัตร์ วิชาชีพ เป็นกระดาษที่รับรองมารตฐานในความสามารถของผู้ถือกระดาษใบนั้นเท่าเทียมกันทุกๆคน, ซึ่งต่างจากความรู้ทางวิชาการศาสนา ซึ่งผู้สอนที่มาจากสถาบันศาสนา อธิบายหลักการศาสนาอิสลามที่แตกต่างกันตาม ความศรัทธาของ สถาบันของแต่ละนิกาย แม้แต่ผู้ที่ได้รับประกาศนีบัตร มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันก็ตาม, และไม่ต่างนักการเมืองที่มีปริญญาทางกฏหมายแต่แปลและให้ความหมายของ บัญญัติกฏหมายต่างกันตามความต้องการที่จะนำไป ประยุกต์ใช้ตามเจตนารมณ์ของตน
มุสลิมที่เปรียบเทียบว่า มุสลิมจะต้องเรียนอิสลามจากผู้รู้ ที่มีประกาศนียบัตร์ บอกระดับความรู้ว่า เข้าใจ ศาสนาอิสลามระดับไหน และ และสามารถที่จะตีความอัลกุรอานได้ระดับใด, จากความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ ในสังคมมุสลิม
มุสลิมซุนนีย์ ที่จบจากสถาบัน ศาสนาของนิกานซุนนีย์ ไม่อาจจะ ได้รับการรับรองจากนักวิชาการชีอะต์ ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ทางศาสนา อิสลามอย่างถูกต้อง, และในทำนองเดียวกัน นักวิชาการ ซุนนีย์ก็ไม่ยอมรับการสอนและความรู้ของ นักวิชาการที่มีปริญญาจาก ชองลัทธิชีอะต์, แม้แต่มุสลิมในลัทธิซุนนีย์ด้วยกันก็ไม่ยอมรับ รองวิชาการประกาศนียบัตร์ ของมุสลิมที่มีการฟัตวา ที่ต่างจากความคิดเห็น Mindset ของมุสลิมด้วยกัน
ตัวอย่างเช่น นักวิขาการระดับ มุสลิม ผู้นำสังคมมุสลิมโลก ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์ ประธานสมาพันธ์อุละลามาอฺมุสลิมมีฟัตวาว่า:
1. การฆ่าตัวตายโดยหิ้วระเบิดพลีชีพเป็นที่อนุมัติตามหลักการของศาสนาอิสลามให้ทำได้,
2. การดื่มสารผสมแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 0.5% เป็นที่อนุมัติให้มุสลิม ดื่มได้, การฟัตวานี้ ขัดกับฮาดีษที่ห้ามเครื่องดื่มที่มี สารแอลกอฮอล์ ถึงแม้ว่าจะมีน้อยที่สุดเท่าใดก็ตาม
สำหรับ ข้อ 1.
ในฐานะที่ผมเป็นมุสลิม ธรรมดา ไม่มีประกาศนียบัตร ความรู้ของซุนนีย์มุสลิม ในเรื่องการอนุมัติให้ฆ่าชีวิตคนผู้บริสุทธิได้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม, ผมพิจารณาด้วยเหตุผลทางอัลกุรอาน ผมมีความเห็นว่าผิดหลักการของศาสนาอิสลาม,และความคิดเห็นของผมนี้ไม่ได้บังคับหรือสอนผู้ใดให้เชื่อถือคำพูดของผม, ถ้ามีมุสลิมผู้ใดเห็นด้วยกับผม มันเป็นความรับผิดชอบของเขาผู้นั้นที่ มีอิสระในการเลือกทางเดิน ว่าจะเดินตามแนวทางแห่งความชั่วช้าของซัยตอน หรือ แนวทางความดีของพระเจ้า/อัลลอฮ์
สำหรับข้อ 2.
เมื่อผมพิจารณาความจำเป็นในทางแพทย์และทางชีวะเคมีแล้ว, ถ้าหากว่าผมเห็นด้วยว่า แอลกอฮอล์ ปริมาณไม่เกิน 0.5%ในสารผสม หรือ เครือง ดื่ม หมักดองจากผลไม้ตามธรรมชาิติ ที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ถือว่า ไม่มีบาป
ปฏิกริยาในข้อ 1.
มุสลิม ผู้ที่ยกย่อง ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์ จะเห็นด้วยกับ การหิ้วระเบิดพลีชีพซึ่งเป็นการฆ่าตัวตายและฆ่าผู้อื่นที่เป็นผู้บริสืธิด้วย ซึ่งไม่คิดว่า ถ้ามุสลิมตอบสนองความเลวด้วยความเลวแลัว มุสลิม ก็คือผู้ที่ทำความเลวเช่นกัน และการกระทำเช่นนั้นขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลาม
ปฏิกริยาในข้อ 2.
ถ้าหากว่าผมเห็นด้วยว่า แอลกอ ฮอล์ ปริมาณ ไม่เกิน 0.5%ในสารผสม หรือ เครือง ดื่ม หมักดองจากผลไม้ตามธรรมชาิติ ที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ถือว่า ไม่มีบาป, มุสลิมที่มี Mindset ต่อความคิดเห็นของผม ก็จะเที่ยวโพนทนาว่า ผมบอกว่า มุสลิมกินเหล้าได้ แต่ไม่มองที่การ ฟัตวา หรือ บัญญัติเป็นกฏหมายอิสลามว่าอย่างไร?
ถ้าหากว่า ผมอ้างบัญญัติอัลกุรอานประกอบด้วยเป็นการสนับสนุนการฟัตวาของ ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์, บัญญัติที่ว่า...
“และจากผลของอินทผลัมและผลองุ่น, เจ้าจะได้เครื่องดื่ม และอาหารที่ อันโอชา(เพื่อสุขภาพ),จงพิจารณาเถิด ในเรื่องนี้ยังเป็นสัญญาณสำหรับผู้ที่มีความฉลาด” (ยูซุบอาลี16:67)
บรรดาหมอศาสนาผู้มีประกาศนียบัตร และลูกศิษย์ ของเขา ก็จะอ้างว่าบัญญัติอัลกุรอานบมนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยบัญญัติ อื่นๆที่ตามมาภายหลัง เนื่องจากความไม่เข้าใจอัลกุรอาน แล้วก็จะกลายเป็นว่า “แมทท์บอกว่ามุสลิมดื่มเหล้าได้”
มีการวิจัยในประเทศฝรั่งเศส พบว่า ใน โคคาโคล่า 1 ลิตรมีสารแอลกอฮล์ 10 มิลิแกรม หรือ 0.001%
http://www.beveragedaily.com/Markets/Tests-show-trace-alcohol-levels-but-Coke-insists-it-has-Islamic-acceptance
ผมอยากจะถามว่า อาจารย์ผู้รู้ทางศาสนาอิสลาม ว่า:
1.การฟัตวาว่า แอลกอฮอล์ ปริมาณ ไม่เกิน 0.5% จากการหมักผลไม้ตามธรรมชาติ นั้นเป็นที่รับรองของมุสลิมหรือไม่ (ถ้าถือตามฮาดีษแล้ว เป็นบาป ดื่มไม่ได้อย่างเด็ดขาด)
2.ถ้า “น้ำซุบกระดูกหมู” ปริมาณ 0.001% แต่ไม่เกิน 0.5% หยดปนอยู่ ในน้ำก๋วยเตี๋ยว ของมุสลิม จะฮารอมหรือไม่ เนื่องจาก อิสลามห้ามทานเนื้อหมู ถ้าไม่มีความจำเป็นเพื่อเอาชีวิตรอด และไม่ห้ามอย่างเด็ดขาด ซึ่งต่างกันมากจาก การห้ามดื่มเครื่องดื่มสารแอลกอฮอล์
ตัวอย่างของปฏิกริยา ที่ผมยกมาให้เห็นนี้มีอยู่จริง และเป็นความจริงในสังคมมุสลิมไทยและในหมู่มุสลิมพันทิปด้วย