ตลอดเวลา 30 กว่าปีที่ผ่านมา ผมให้ความสนใจในการศึกษาหลักการของอิสลาม ที่ถูกต้อง เพื่อหาเหตุผลที่ว่า
อิสลามจะต้องสอนอย่างไร จึงจะไม่ทำให้ สังคมมุสลิมยุ่งเหยิงอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
เสริชทุกๆเวบ ที่ ต่อต้านและ ตำหนิ อิสลามและมุสลิมทั่วโลก พยายามหาข้อความสำคัญที่เป็นเหตุผลที่
ทำให้ศาสนาอิสลามถูกตำหนิและเป็นที่เกลียดกลัวของชาวโลกในปัจจุบัน, ผมใช้ความพยามในการสนับสนุน
หลักการที่ถูกต้องที่ มาจากอัลกุรอานโดยตรง และปฏิเสธการสอนที่ ไม่ได้มีรากฐานมาจากคำสอนและเหตุผลที่เชื่อถือได้
ผมใช้อัลกุรอานเป็นบรรทัดฐานของความถูกต้อง, แต่กลับเป็นที่เย้ยหยันของมุสลิมส่วนมาก และ
กล่าวหาผมว่า เป็น มุสลิมในลัทธิ "อัลกุรอานิยม" ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมากทีเดียว ที่มุสลิมส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่า
มุสลิมที่แท้จริง ต้องเป็นมุสลิมผู้ที่นิยมและชื่นชอบในอัลกุรอาน
ทำไม มุสลิมส่วนมากจึง ตำหนิผู้ที่ยึด มั่นต่อหลักการในอัลกุรอาน, และผู้ปฏิเสธข้อความหรือหลักการของศาสนาอิสลาม
ที่ไม่ได้มี หลักฐานอ้างอิงจากอัลกุรอานหรือเกินขอบเขตของอัลกุรอาน
อัลกุรอานเป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายที่พระเจ้าประทานผ่านท่านศาสนทูตมูฮัมมัดและ พระองค์มีคำสั่งให้ท่านรอซูลใช้อัลกุรอานเท่านั้น
เป็นแนวทางในการ สอนบรรดาผู้ศรัทธา, และห้ามท่านรอซูลดัดแปลงหรือต่อเติมบัญญัติในอัลกุรอาน
ที่พระเจ้าประทานมาให้อย่างเด็ดขาด
ผมจึงขอชี้แจงให้เข้าใจว่า สิ่งแรกที่ท่านรอซูลมูฮัมมัด สอน มุสลิมก็คือ มุสลิมจะต้องยึดมั่นในอัลกุรอานเป็นหัวใจแห่งความศรัทธา,
และมุสลิมจะใช้สิ่งอื่นใดเป็นแหล่งวิชาในศาสนาอิสลามไม่ได้นอกจากอัลกุรอานเท่านั้น
ถ้ามุสลิมผู้ที่ยึดอัลกุรอานเป็นแนวทางดำเนินชีวิตประจำวัน โดยปฏิบัติหลักศรัทธา, ผมขอย้ำว่าหลักศรัทธา ของศาสนาอิสลาม
ด้วยการยึดมั่นต่อ อัลกุรอานเป็นชีวิตจิตใจแล้ว เขาผู้นั้นเป็นมุสลิมที่เลวหรืออย่างไร?
ถ้าการยึดอัลกุรอานแต่เพียงอย่างเดียวเป็น ลัทธิที่เรียกว่า "อัลกุรอานนิยม" แล้ว
ท่านรอซูลมูฮัมมัดก็คือศาสดาของ "ลัทธิอัลกุรอานนิยม" ที่แท้จริง
ตัวผมเองตั้งแต่ศึกษาศาสนาอิสลามมายังไม่เคยเห็นท่านผู้รู้ผู้ใด ตำหนิหรือไม่ส่งเสริมให้ผู้ใดศึกษาและนิยมในการศึกษาและยึดมั่นต่ออัลกุรอานแม้แต่เพียงท่านเดียว, แม้แต่ท่านรอซูล ตัวท่านเอง ท่านก็เป็นมุสลิมที่นิยมอัลกุรอานมากกว่ามุสลิมทุกๆคน,
ไม่แต่เพียงเท่านั้น ท่านรอซูลมูฮัมมัด ยังมีคำสั่งให้มุสลิมยึดอัลกุรอานเป็นหลักสำคัญในการมีศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม,
ตัวท่านรอซูลเองท่านไม่เคย ใช้แหล่งวิชาทางศาสนาของผู้ใด นอกจากอัลกุรอาน เท่านั้น
นอกจากนั้นท่านยังสอนให้มุสลิมยึดถือซุนนะห์ของท่านอย่างเข้มงวด ซุนนะห์ข้อแรกของท่านคือการใช้อัลกุรอานเท่านั้น
เป็นแนวทางแห่งความศรัทธาของมุสลิม, ท่านมีคำสั่งห้ามจดบันทึกสิ่งใดเกี่ยวกับตัวท่าน นอกจากอัลกุรอานเท่านั้น
ทั้งนี้เพราะว่า ท่านเกรงว่า การกระทำของท่านในชีวิตประจำวันจะไปปะปนกับหลักศรัทธาในอัลกุรอาน
ดังนั้นท่าน รอซูลของ อัลลอฮ์ตะอาลาจึงเป็นผู้นำของ "ลัทธิอัลกุรอานนิยม" ซึ่งมีอยู่เพียง ลัทธิเดียวในโลกนี้
ซึ่งระยะเวลาต่อมาได้เจริญเติบโต เป็นลัทธิที่ใหญ่ จนกลายเป็นศาสนาที่คนทั่วโลกเรียกกันว่า "ศาสนาอิสลาม"
หลังจากนั้น เมื่อท่านรอซูลสิ้นชีวิตไปแล้ว สังคมมุสลิมก็แตกออกเป็นลัทธิย่อยๆอีก เช่น ลัทธิ ซุนนีย์,และชีอะต์ และ ลัทธิ "วะฮาบีย์"
ลัทธิซุนนีย์มุสลิมนี้ แตกย่อยออกไปอีก, และมีหลักปฏิบัติ ที่นอกเหนือ จากที่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน มีการ เยี่ยมเยียนหลุมศพ,
มีการขอพรจากอุลมาที่หลุมศพของอุลมา, เชื่อในโชคลางต่างๆ, มีการทำน้ำมนต์, มีการจูบก้อนหินดำที่มะกะห์,
เกาะกำแพงกะบะห์ร้องไห้คร่ำครวญ, และมีการร้องไห้คร่ำครวญที่หลุมศพของ นักบุญต่างๆ ฯลฯ ซึ่งเละเทะไปหมด
เต็มไปด้วยการกระทำที่เข้าข่ายการสร้างภาคีและการต่อเติมศาสนาไปอย่างไม่รู้ตัว
ฉนั้นอัลกุรอานจึงมีความสำคัญมากและเหนือกว่า เอกสารที่เกี่ยวกับศาสนาใดๆที่ถูกจดบันทึกหลังจากที่ท่านรอซูลเสียชีวิตไปแล้ว
ในการที่มุสลิมจะเชื่อและปฏิบัติตาม "อะฮาดีษ" บทใดก็ตามเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะค้องตรวจสอบฮาดีษแต่ละบทว่าจะตรงกับ,
หรือขัดกับ หรืออยู่ในขอบเขตของอัลกุรอานหรือไม่? ถ้าสิ่งใดที่ไม่อยู่ในขอบเขตของอัลกุรอานแล้ว
อย่าถือมาปฏิบัติ อาจจะเป็นการสร้างภาคีไปโดยไม่รู้ตัว
"อัลกุรอานนิยม" คือ หลักการสำคัญ ของ ศาสนาอิสลาม ที่มุสลิมทุกๆคนจะต้องถือปฏิบัติเป็นแนวทางชีวิต
ตลอดเวลา 30 กว่าปีที่ผ่านมา ผมให้ความสนใจในการศึกษาหลักการของอิสลาม ที่ถูกต้อง เพื่อหาเหตุผลที่ว่า
อิสลามจะต้องสอนอย่างไร จึงจะไม่ทำให้ สังคมมุสลิมยุ่งเหยิงอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
เสริชทุกๆเวบ ที่ ต่อต้านและ ตำหนิ อิสลามและมุสลิมทั่วโลก พยายามหาข้อความสำคัญที่เป็นเหตุผลที่
ทำให้ศาสนาอิสลามถูกตำหนิและเป็นที่เกลียดกลัวของชาวโลกในปัจจุบัน, ผมใช้ความพยามในการสนับสนุน
หลักการที่ถูกต้องที่ มาจากอัลกุรอานโดยตรง และปฏิเสธการสอนที่ ไม่ได้มีรากฐานมาจากคำสอนและเหตุผลที่เชื่อถือได้
ผมใช้อัลกุรอานเป็นบรรทัดฐานของความถูกต้อง, แต่กลับเป็นที่เย้ยหยันของมุสลิมส่วนมาก และ
กล่าวหาผมว่า เป็น มุสลิมในลัทธิ "อัลกุรอานิยม" ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมากทีเดียว ที่มุสลิมส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่า
มุสลิมที่แท้จริง ต้องเป็นมุสลิมผู้ที่นิยมและชื่นชอบในอัลกุรอาน
ทำไม มุสลิมส่วนมากจึง ตำหนิผู้ที่ยึด มั่นต่อหลักการในอัลกุรอาน, และผู้ปฏิเสธข้อความหรือหลักการของศาสนาอิสลาม
ที่ไม่ได้มี หลักฐานอ้างอิงจากอัลกุรอานหรือเกินขอบเขตของอัลกุรอาน
อัลกุรอานเป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายที่พระเจ้าประทานผ่านท่านศาสนทูตมูฮัมมัดและ พระองค์มีคำสั่งให้ท่านรอซูลใช้อัลกุรอานเท่านั้น
เป็นแนวทางในการ สอนบรรดาผู้ศรัทธา, และห้ามท่านรอซูลดัดแปลงหรือต่อเติมบัญญัติในอัลกุรอาน
ที่พระเจ้าประทานมาให้อย่างเด็ดขาด
ผมจึงขอชี้แจงให้เข้าใจว่า สิ่งแรกที่ท่านรอซูลมูฮัมมัด สอน มุสลิมก็คือ มุสลิมจะต้องยึดมั่นในอัลกุรอานเป็นหัวใจแห่งความศรัทธา,
และมุสลิมจะใช้สิ่งอื่นใดเป็นแหล่งวิชาในศาสนาอิสลามไม่ได้นอกจากอัลกุรอานเท่านั้น
ถ้ามุสลิมผู้ที่ยึดอัลกุรอานเป็นแนวทางดำเนินชีวิตประจำวัน โดยปฏิบัติหลักศรัทธา, ผมขอย้ำว่าหลักศรัทธา ของศาสนาอิสลาม
ด้วยการยึดมั่นต่อ อัลกุรอานเป็นชีวิตจิตใจแล้ว เขาผู้นั้นเป็นมุสลิมที่เลวหรืออย่างไร?
ถ้าการยึดอัลกุรอานแต่เพียงอย่างเดียวเป็น ลัทธิที่เรียกว่า "อัลกุรอานนิยม" แล้ว
ท่านรอซูลมูฮัมมัดก็คือศาสดาของ "ลัทธิอัลกุรอานนิยม" ที่แท้จริง
ตัวผมเองตั้งแต่ศึกษาศาสนาอิสลามมายังไม่เคยเห็นท่านผู้รู้ผู้ใด ตำหนิหรือไม่ส่งเสริมให้ผู้ใดศึกษาและนิยมในการศึกษาและยึดมั่นต่ออัลกุรอานแม้แต่เพียงท่านเดียว, แม้แต่ท่านรอซูล ตัวท่านเอง ท่านก็เป็นมุสลิมที่นิยมอัลกุรอานมากกว่ามุสลิมทุกๆคน,
ไม่แต่เพียงเท่านั้น ท่านรอซูลมูฮัมมัด ยังมีคำสั่งให้มุสลิมยึดอัลกุรอานเป็นหลักสำคัญในการมีศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม,
ตัวท่านรอซูลเองท่านไม่เคย ใช้แหล่งวิชาทางศาสนาของผู้ใด นอกจากอัลกุรอาน เท่านั้น
นอกจากนั้นท่านยังสอนให้มุสลิมยึดถือซุนนะห์ของท่านอย่างเข้มงวด ซุนนะห์ข้อแรกของท่านคือการใช้อัลกุรอานเท่านั้น
เป็นแนวทางแห่งความศรัทธาของมุสลิม, ท่านมีคำสั่งห้ามจดบันทึกสิ่งใดเกี่ยวกับตัวท่าน นอกจากอัลกุรอานเท่านั้น
ทั้งนี้เพราะว่า ท่านเกรงว่า การกระทำของท่านในชีวิตประจำวันจะไปปะปนกับหลักศรัทธาในอัลกุรอาน
ดังนั้นท่าน รอซูลของ อัลลอฮ์ตะอาลาจึงเป็นผู้นำของ "ลัทธิอัลกุรอานนิยม" ซึ่งมีอยู่เพียง ลัทธิเดียวในโลกนี้
ซึ่งระยะเวลาต่อมาได้เจริญเติบโต เป็นลัทธิที่ใหญ่ จนกลายเป็นศาสนาที่คนทั่วโลกเรียกกันว่า "ศาสนาอิสลาม"
หลังจากนั้น เมื่อท่านรอซูลสิ้นชีวิตไปแล้ว สังคมมุสลิมก็แตกออกเป็นลัทธิย่อยๆอีก เช่น ลัทธิ ซุนนีย์,และชีอะต์ และ ลัทธิ "วะฮาบีย์"
ลัทธิซุนนีย์มุสลิมนี้ แตกย่อยออกไปอีก, และมีหลักปฏิบัติ ที่นอกเหนือ จากที่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน มีการ เยี่ยมเยียนหลุมศพ,
มีการขอพรจากอุลมาที่หลุมศพของอุลมา, เชื่อในโชคลางต่างๆ, มีการทำน้ำมนต์, มีการจูบก้อนหินดำที่มะกะห์,
เกาะกำแพงกะบะห์ร้องไห้คร่ำครวญ, และมีการร้องไห้คร่ำครวญที่หลุมศพของ นักบุญต่างๆ ฯลฯ ซึ่งเละเทะไปหมด
เต็มไปด้วยการกระทำที่เข้าข่ายการสร้างภาคีและการต่อเติมศาสนาไปอย่างไม่รู้ตัว
ฉนั้นอัลกุรอานจึงมีความสำคัญมากและเหนือกว่า เอกสารที่เกี่ยวกับศาสนาใดๆที่ถูกจดบันทึกหลังจากที่ท่านรอซูลเสียชีวิตไปแล้ว
ในการที่มุสลิมจะเชื่อและปฏิบัติตาม "อะฮาดีษ" บทใดก็ตามเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะค้องตรวจสอบฮาดีษแต่ละบทว่าจะตรงกับ,
หรือขัดกับ หรืออยู่ในขอบเขตของอัลกุรอานหรือไม่? ถ้าสิ่งใดที่ไม่อยู่ในขอบเขตของอัลกุรอานแล้ว
อย่าถือมาปฏิบัติ อาจจะเป็นการสร้างภาคีไปโดยไม่รู้ตัว