สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ก็คืออริยสัจ ๔ ที่เป็นหลักการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเน้นสอนอยู่เสมอก็คือเรื่องการปฏิบัตเพื่อดับทุกข์
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ผู้ที่ยังไม่รู้วิธีการดับทุกข์ก็คือการสอนให้มีดวงตาเห็นธรรมก่อน
ดวงตาเห็นธรรมก็คือ การเกิดปัญญาเห็นแจ้งชีวิตว่า มันไม่ได้มีสิ่งใดเป็นตัวตนอมตะ (อัตตา) อย่างที่พราหมณ์สอน เมื่อเห็นแจ้งจุดนี้แล้วทุกข์ก็จะเริ่มดับลง
ความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกาย เรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า เรื่องกรรมชนิดข้ามภพข้ามชาติ เป็นต้นนั้น ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีสิ่งที่เป็นอัตตาอยู่ในชีวิตของเรา ซึ่งความเข้าใจผิดว่ามีอัตตาที่เป็นตัวตนของเราจริงๆนี้เอง ที่ทำให้เกิดความยึดมันถือมั่นว่ามีตัวเราอยู่จริง อันเป็นสาเหตุให้จิตที่ยึดมั่นนี้เกิดความทุกข์ขึ้นมา
วิธีปฏิติเพื่อดับทุกข์ของพระพุทธเจ้านั้น จะใช้ปัญญาที่เข้าใจและเห็นแจ้งว่า ไม่มีสิ่งใดในร่างกายและจิตใจ (ที่สมมติเรียกว่า) ของเราที่จะเป็นอัตตาตามที่พราหมษ์สอนได้ คือพระพุทธเจ้าสอนว่า ทั้งร่างกายและจิตใจของเรานี้เป็นอนัตตา (คือไม่ใช่อัตตา) เมื่อเข้าใจและเห็นแจ้งเรื่องอนัตตาในชีวิตแล้ว และมีสมาธิอยู่ด้วย ก็จะทำให้จิตปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในชีวิตลงได้ แล้วความทุกข์ก็จะไม่มี จิตก็จะนิพพาน หรือสงบเย็น (แม้เพียงชั่วคราว)
สรุปได้ว่า ถ้าเราจะศึกษาพุทธศาสนาเพื่อดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ตามหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า เราจะต้องเริ่มต้นศึกษาร่างกายกับจิตใจ (ขันธ์ ๕) ของเราเอง ให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องก่อน ว่ามันไม่ได้มีสิ่งที่เป็นตัวตน (หรือตัวเรา) อยู่จริงในชีวิตนี้ มีแต่ตัวตนชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งการศึกษานี้ก็คือ การศึกษาเพื่อทำลายสักกายทิฏฐิ อันเป็นสังโยชน์หยาบๆตัวแรกที่สุด อันจะนำไปสู่การเกิดดวงตาเห็นธรรมนั่นเอง
การศึกษาพุทธศาสนา ต้องเริ่มต้นที่ทำลายสักกายทิฏฐิให้ได้ก่อน
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเน้นสอนอยู่เสมอก็คือเรื่องการปฏิบัตเพื่อดับทุกข์
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ผู้ที่ยังไม่รู้วิธีการดับทุกข์ก็คือการสอนให้มีดวงตาเห็นธรรมก่อน
ดวงตาเห็นธรรมก็คือ การเกิดปัญญาเห็นแจ้งชีวิตว่า มันไม่ได้มีสิ่งใดเป็นตัวตนอมตะ (อัตตา) อย่างที่พราหมณ์สอน เมื่อเห็นแจ้งจุดนี้แล้วทุกข์ก็จะเริ่มดับลง
ความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกาย เรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า เรื่องกรรมชนิดข้ามภพข้ามชาติ เป็นต้นนั้น ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีสิ่งที่เป็นอัตตาอยู่ในชีวิตของเรา ซึ่งความเข้าใจผิดว่ามีอัตตาที่เป็นตัวตนของเราจริงๆนี้เอง ที่ทำให้เกิดความยึดมันถือมั่นว่ามีตัวเราอยู่จริง อันเป็นสาเหตุให้จิตที่ยึดมั่นนี้เกิดความทุกข์ขึ้นมา
วิธีปฏิติเพื่อดับทุกข์ของพระพุทธเจ้านั้น จะใช้ปัญญาที่เข้าใจและเห็นแจ้งว่า ไม่มีสิ่งใดในร่างกายและจิตใจ (ที่สมมติเรียกว่า) ของเราที่จะเป็นอัตตาตามที่พราหมษ์สอนได้ คือพระพุทธเจ้าสอนว่า ทั้งร่างกายและจิตใจของเรานี้เป็นอนัตตา (คือไม่ใช่อัตตา) เมื่อเข้าใจและเห็นแจ้งเรื่องอนัตตาในชีวิตแล้ว และมีสมาธิอยู่ด้วย ก็จะทำให้จิตปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในชีวิตลงได้ แล้วความทุกข์ก็จะไม่มี จิตก็จะนิพพาน หรือสงบเย็น (แม้เพียงชั่วคราว)
สรุปได้ว่า ถ้าเราจะศึกษาพุทธศาสนาเพื่อดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ตามหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า เราจะต้องเริ่มต้นศึกษาร่างกายกับจิตใจ (ขันธ์ ๕) ของเราเอง ให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องก่อน ว่ามันไม่ได้มีสิ่งที่เป็นตัวตน (หรือตัวเรา) อยู่จริงในชีวิตนี้ มีแต่ตัวตนชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งการศึกษานี้ก็คือ การศึกษาเพื่อทำลายสักกายทิฏฐิ อันเป็นสังโยชน์หยาบๆตัวแรกที่สุด อันจะนำไปสู่การเกิดดวงตาเห็นธรรมนั่นเอง