ก่อนอื่นเลยผมต้องขอบอกว่าโพสนี้ของผมนั้นไม่ใช่โพสโลกสวยแต่อย่างใดแต่เป็นการโพสถึงความเป็นจริงในสังคมที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสังคมที่มักใช้แต่อารมณ์ในการตัดสินมากกว่าใช้สติปัญญา ถ้าจะให้เห็นภาพจริงๆผมจะยกตัวอย่างให้ดูนะครับ ลองเปิดเข้าไปที่หน้าFacebookของคุณดูนะครับว่าในแต่ละข่าวจะมีคอมเม้นที่ด่าทอกัน ต่อว่า เสียดสี ซึ่งบางทีอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าวหรือกระทั่งพาดพิงบุคคลอื่นๆเสียอีกด้วย หรือที่หนักที่สุดคือการที่ด่าโดยไม่ได้เข้าไปอ่านเนื้อหาข่าว แค่เห็นหัวข้อข่าวก็ด่าก่อนแล้ว "ผมว่าถือเป็นผลร้ายจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่ผิดและน่ากลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว"
และขอเชื่อมโยงสักนิดนะครับกับคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ หลายๆคนอาจจะดูแล้วสะเทือนใจรวมทั้งผมก็เช่นกันนั้นคือคดีฆ่าข่มขืน ซึ่งหลายๆคนได้ออกมาวิพากวิจารณ์กันอย่างมากในสังคมออนไลน์ ซึ่งค่อนข้างที่จะใช้อารมณ์เสียมากกว่าเพราะความโกรธแค้นและหวาดกลัวว่าตนหรือคนที่ตนรักอาจจะต้องระแวงกับภัยคุกคามประเภทนี้ในสังคมจึงออกมาเรียกร้อง
"ให้มีการประหารชีวิตบุคคลที่กระทำผิดฐานข่มขืนเท่านั้น"
ผมว่าจริงๆแล้วเรากำลังหลงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องโทษของการข่มขืนเสียมากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมานักโทษแต่ละคนได้ถูกลงโทษพียงจำคุกตลอดชีวิต แล้วได้รับเหตุลดโทษจนหลุดออกมาจากคุกแล้วออกมาสร้างความเดือดร้อนให้สังคมอีกคนจึงไม่เห็นด้วย ถ้าหากจะพูดให้ถูกคือตอนนี้สังคมโซเชียลเป็นสังคมที่ใช่แต่อารมณ์เพราะไม่ต้องเกรงกลัวว่าใครจะรู้จักตนหรือไม่ ด่าได้ไม่อายใคร บางครั้งพูดถูกใจมีแนวร่วมยิ่งได้ใจจนถอนตัวไม่ขึ้นซึ่งผมว่านี้ก็คือภัยสังคมออนไลน์อย่างหนึ่งที่น่ากลัวมาก จริงๆแล้ว กฏหมายนั้นได้ระบุโทษของการข่มขืนไว้สูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตอยู่แล้ว
ถ้าสังคมอยากที่จะลงโทษจริงๆผมว่าไม่ควรที่จะมาห่วงเรื่องการเพิ่มโทษ แต่ควรจะเน้นที่รูปคดีเสียมากกว่า ว่าฆาตกรคนนี้ควรได้รับการลงโทษอย่างถึงที่สุด มิใช่เน้นตรงการแก้ไขโทษ
แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าปัจจุบันไม่ว่า ชายจะข่มขืนหญิง หรือหญิงข่มขืนชาย หรือชายข่มชืนชาย หรือหญิงข่มขืนหญิง หรือ
แม้กระทั่งสามีข่มขืนภริยา หรือภริยาข่มขืนสามี ก็สามารถฟ้องคดีข่มขืนกระทำชำเราได้เช่นกันและถือเป็นความผิดฐานข่มขืนด้วยถ้าหากอีกฝ่ายไม่ยินยอม
โดยตามหลักแล้วถ้าคุณกระทำต่ออวัยะเพศ ช่องทวาร หรือแม้แต่ช่องปากของผู้เสียหายเพียงแค่กระทำการสอดใส่ไม่ว่าจะเป็นอวัยะในร่างกายหรือสิ่งอื่นใดก็ตาม เข้าไป
เพียง 1 องคุลีคุณก็มีความผิดฐานข่มขืนแล้ว(1 องคุลีชื่อมาตราวัดแต่โบราณ ยาวเท่ากับข้อปลายของ นิ้วกลาง)
ถ้าหากคุณเรียกร้องให้แก้ไขโทษข่มขืนเป็นโทษประหาร สมมตถ้าคุณเป็นสามีต้องการมีเพศสัมพันธ์กับภริยาคุณแล้วภริยาคุณไม่ยอม แล้วได้คุณทำการข่มขืนแล้วภริยา ภายหลังภริยาของคุณไปฟ้องคดีขึ้นสู่ศาลคุณต้องถูกประหารสถานเดียวคุณจะทำอย่างไร?
ท้ายที่สุดนะครับผมขอพูดตามตรงนะครับว่าผมไม่ชอบให้มีการข่มขืนกระทำชำเราเช่นเดียวกับทุกคนครับ แต่ก็ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ในการตัดสินเช่นกัน เพราะหากคุณไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเค้าแล้วเรียกร้องให้ฆ่าเขา ผมว่าบางทีคุณเองก็ไม่ต่างจากฆาตกร เช่นกัน ผมเชื่อว่ากฏแห่งกรรมมีจริงและเชื่อว่าศาลย่อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้เช่นกัน
เพิ่มเติมนะครับ อันนี้เป็นประเด็นที่น่ากลัวเช่นกัน ข่าวที่ ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนบนรถไฟเมื่อ13ปีก่อนพอกลับมาไทยบอกไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฏหมายหลายๆคนพอเห็นข่าวก็ไม่พอใจกลับต่อว่าด่าทอต่างๆนาๆบ้างก็ว่า ต้องตายก่อนใช่ไหมไปเห็นใจทำไมบ้าง? ผู้หญิงเห็นแก่เงินบ้าง? ฯลฯ แล้วที่หนักสุดๆก็กล่าวหาว่าเค้ายินยอมให้ถูกกระทำชำเราใช่หรือไม่อีก นี้หรือคือสิ่งที่สังคมกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทัศนคติที่น่ากลัวอย่างนี้หรือที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์
เพิ่มเติม2ถ้าไงรบกวนตามไปที่กระทู้นี้ด้วยนะครับ :
http://ppantip.com/topic/32315774
สังคมขาดสติ
และขอเชื่อมโยงสักนิดนะครับกับคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ หลายๆคนอาจจะดูแล้วสะเทือนใจรวมทั้งผมก็เช่นกันนั้นคือคดีฆ่าข่มขืน ซึ่งหลายๆคนได้ออกมาวิพากวิจารณ์กันอย่างมากในสังคมออนไลน์ ซึ่งค่อนข้างที่จะใช้อารมณ์เสียมากกว่าเพราะความโกรธแค้นและหวาดกลัวว่าตนหรือคนที่ตนรักอาจจะต้องระแวงกับภัยคุกคามประเภทนี้ในสังคมจึงออกมาเรียกร้อง "ให้มีการประหารชีวิตบุคคลที่กระทำผิดฐานข่มขืนเท่านั้น"
ผมว่าจริงๆแล้วเรากำลังหลงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องโทษของการข่มขืนเสียมากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมานักโทษแต่ละคนได้ถูกลงโทษพียงจำคุกตลอดชีวิต แล้วได้รับเหตุลดโทษจนหลุดออกมาจากคุกแล้วออกมาสร้างความเดือดร้อนให้สังคมอีกคนจึงไม่เห็นด้วย ถ้าหากจะพูดให้ถูกคือตอนนี้สังคมโซเชียลเป็นสังคมที่ใช่แต่อารมณ์เพราะไม่ต้องเกรงกลัวว่าใครจะรู้จักตนหรือไม่ ด่าได้ไม่อายใคร บางครั้งพูดถูกใจมีแนวร่วมยิ่งได้ใจจนถอนตัวไม่ขึ้นซึ่งผมว่านี้ก็คือภัยสังคมออนไลน์อย่างหนึ่งที่น่ากลัวมาก จริงๆแล้ว กฏหมายนั้นได้ระบุโทษของการข่มขืนไว้สูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตอยู่แล้ว ถ้าสังคมอยากที่จะลงโทษจริงๆผมว่าไม่ควรที่จะมาห่วงเรื่องการเพิ่มโทษ แต่ควรจะเน้นที่รูปคดีเสียมากกว่า ว่าฆาตกรคนนี้ควรได้รับการลงโทษอย่างถึงที่สุด มิใช่เน้นตรงการแก้ไขโทษ
แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าปัจจุบันไม่ว่า ชายจะข่มขืนหญิง หรือหญิงข่มขืนชาย หรือชายข่มชืนชาย หรือหญิงข่มขืนหญิง หรือแม้กระทั่งสามีข่มขืนภริยา หรือภริยาข่มขืนสามี ก็สามารถฟ้องคดีข่มขืนกระทำชำเราได้เช่นกันและถือเป็นความผิดฐานข่มขืนด้วยถ้าหากอีกฝ่ายไม่ยินยอม
โดยตามหลักแล้วถ้าคุณกระทำต่ออวัยะเพศ ช่องทวาร หรือแม้แต่ช่องปากของผู้เสียหายเพียงแค่กระทำการสอดใส่ไม่ว่าจะเป็นอวัยะในร่างกายหรือสิ่งอื่นใดก็ตาม เข้าไปเพียง 1 องคุลีคุณก็มีความผิดฐานข่มขืนแล้ว(1 องคุลีชื่อมาตราวัดแต่โบราณ ยาวเท่ากับข้อปลายของ นิ้วกลาง)
ถ้าหากคุณเรียกร้องให้แก้ไขโทษข่มขืนเป็นโทษประหาร สมมตถ้าคุณเป็นสามีต้องการมีเพศสัมพันธ์กับภริยาคุณแล้วภริยาคุณไม่ยอม แล้วได้คุณทำการข่มขืนแล้วภริยา ภายหลังภริยาของคุณไปฟ้องคดีขึ้นสู่ศาลคุณต้องถูกประหารสถานเดียวคุณจะทำอย่างไร?
ท้ายที่สุดนะครับผมขอพูดตามตรงนะครับว่าผมไม่ชอบให้มีการข่มขืนกระทำชำเราเช่นเดียวกับทุกคนครับ แต่ก็ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ในการตัดสินเช่นกัน เพราะหากคุณไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเค้าแล้วเรียกร้องให้ฆ่าเขา ผมว่าบางทีคุณเองก็ไม่ต่างจากฆาตกร เช่นกัน ผมเชื่อว่ากฏแห่งกรรมมีจริงและเชื่อว่าศาลย่อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้เช่นกัน
เพิ่มเติมนะครับ อันนี้เป็นประเด็นที่น่ากลัวเช่นกัน ข่าวที่ ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนบนรถไฟเมื่อ13ปีก่อนพอกลับมาไทยบอกไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฏหมายหลายๆคนพอเห็นข่าวก็ไม่พอใจกลับต่อว่าด่าทอต่างๆนาๆบ้างก็ว่า ต้องตายก่อนใช่ไหมไปเห็นใจทำไมบ้าง? ผู้หญิงเห็นแก่เงินบ้าง? ฯลฯ แล้วที่หนักสุดๆก็กล่าวหาว่าเค้ายินยอมให้ถูกกระทำชำเราใช่หรือไม่อีก นี้หรือคือสิ่งที่สังคมกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทัศนคติที่น่ากลัวอย่างนี้หรือที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์
เพิ่มเติม2ถ้าไงรบกวนตามไปที่กระทู้นี้ด้วยนะครับ : http://ppantip.com/topic/32315774