“ประภัสร์ จงสงวน” ผู้ว่าการการรถไฟฯ เปิดใจว่าเรื่องน้องแก้มทำให้น้ำตาตก บอกคนร้ายไม่ใช่มนุษย์ เผยหัวอกในฐานะคนเป็นพ่อยังไม่กล้าให้ลูกสาวขึ้นรถไฟ ชี้ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ให้แก่ผู้โดยสารและเยียวยาผู้เสียหาย ระบุสั่งให้ถอนฎีกาคดีสาวปริญญาโทที่ถูกพนักงานรถไฟข่มขืนเมื่อ 13 ปีก่อนแล้ว พร้อมจ่ายเงินชดเชยเป็นเงินห้าล้านแปดแสนกว่าบาท
อยากรู้ว่าตอนนี้คุณกล้าให้ลูกสาวขึ้นรถไฟตู้นอนไหม
ผมเชื่อว่ารถไฟต้องมีมาตรการให้คนเกิดความประทับใจ แต่ถ้าถามว่าผมให้ลูกสาวขึ้นรถไฟไหม ผมคงไม่กล้าเหมือนกัน เพราะมันต้องมีอะไรที่ชัดเจน ผมถึงได้บอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าให้ผู้ว่าการฯ ลาออก ไม่ใช่ว่าน้องแก้มเสียชีวิตแล้ว เรื่องจะจบหรือทุกๆ คนก็ลืมกันไป มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นผมถึงเรียนว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือ ต้องมีมาตรการที่ทำทุกคนเกิดความมั่นใจว่าขึ้นรถไฟแล้วจะมีความปลอดภัย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
อย่างเรื่องรถไฟเกิดเหตุการณ์ผู้โดยสารถูกข่มขืนตอนปี 44 นั้น ผมก็เพิ่งทราบข่าว ผมถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นปี 44 ผ่านมา 10 กว่าปี ผมเป็นผู้ว่าการฯ มาปีกว่าๆ ผมต้องรู้ขนาดปี 44 เลยเหรอ ตอนที่มีคดี เขาไม่ได้รายงานผมว่าคดีอยู่ตรงไหน ตอนที่ยื่นฎีกาคือ 6 สิงหาคม ผมยังไม่ได้มาทำงานเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค้างมาตั้งแต่สมัยผู้ว่าการฯ และรักษาการหลายคน ซึ่งผมเรียนจริงๆ ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้รายงาน ผมต้องอาศัยถามเขา ถ้าไม่ถาม เขาก็ไม่ได้บอก หรือบางทีถามแล้วเขาก็บอก แต่บอกอย่างที่ผมเรียนไป ซึ่งผมก็เสียใจ ฝากบอกผู้เสียหายด้วยนะครับว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง รับรองว่าจบแน่นอน สิ่งที่เธอควรจะได้คือการเยียวยา และควรจะได้รับนานแล้วด้วย
ขอบคุณ ASTV ผู้จัดการ Live คะ
อ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดได้ที่นี่
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000077702
***** คือ ท่านเป็นผู้ว่าการรถไฟนะคะ ตอนเข้ามาทำงานท่านรู้ไหมคะว่า หน้าที่ท่านต้องทำอะไรยังไงบ้าง คือเอาง่ายๆนะคะ
ดิฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดท่านนะ แต่พอที่จะคิดได้ว่า ถ้าได้รับตำแหน่งสูงสุดเช่นนี้มาแล้วควรจะปฏิบัติงานหรือหน้าที่อย่างไรบ้าง
เหตุการณ์นี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย แล้วยิ่งคนกระทำเป็น พนง.ของ รฟท.ยิ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลย
อยากถามนิดนึงคะ
1. การรับคนเข้าทำงานที่ รฟท. ไม่ได้ตรวจสอบประวัติ ตรวจสุขภาพไรเลยหรอคะ ขนาดดิฉันทำงานแค่บ.เล็กๆ ยังต้องตรวจประวัติ ตรวจสุขภาพเลยนะท่าน นี่คือ อยากรับก็รับ เส้นเข้ามาได้สะดวก โอ้ย อกอีแป้นจะแตกคะ
2. งงว่า พนง.รฟท. สามารถดื่มเหล้าได้เวลาปฏิบัติหน้าที่หรอคะ คือแบบปกติ ยังไม่เคยเห็นบริษัทไหน องค์กรไหน ที่ทำงานไปด้วย ดื่มเหล้าไปด้วยได้เลย
แล้วคือ ทุกอย่างที่ท่านพูด ท่านตอบ เหมือนปัดสวะออกจากตัว ท่านตอบขนาดว่าไม่กล้าให้ลูกสาวตัวเองขึ้นรถตู้นอน ขนาดท่านพูดออกมาได้ขนาดนี้ แล้วยังงี้เราจะเรียกหาความปลอดภัยได้อย่างไรคะ*****
ลูกใคร ใครก็รัก ถามหน่อยวันนี้ แม่น้องแก้ม เสียลูกสาวไปอย่างไม่มีวันกลับมา ท่านเยียวยาด้วยอะไร ท่านคิดหรอว่า ครอบครัว ความรู้สึกไรต่างๆเขาจะกลับมาเหมือนเดิมหลังจากที่ท่านเยียวยา "เงินไม่ได้ซื้อทุกอย่างได้นะคะ"
ท่านลาออกไปเถอะ เพราะสิ่งที่ท่านตอบท่านพูด มันยิ่งย้ำให้เห็นว่าท่านนั้นมีวุฒิภาวะน้อยเพียงใด
ท่านเข้ามารับตำแหน่ง แทนที่จะทำให้ รฟท. เจริญยิ่งๆขึ้นไป กลับทำให้ตกต่ำ
อะไรจะมารับประกันได้ว่าท่านจะแก้ไขได้ ขนาดเหตุการณ์เมื่อ 13 ปีที่แล้วท่านยังไม่รู้เลยว่าเกิดไรขึ้น แล้วมาตอบอีกว่าตัวเองเพิ่งรับตำแหน่งได้ปีกว่าๆ
บร๊ะ !!! ตอนที่ท่านรับตำแหน่งมานี่ เอาแต่ตำแหน่งมาเนอะ ไม่รู้เลยหรอว่า มีอะไรยังไงเกิดขึ้นที่ รฟท. ควรจะปรับปรุงอะไรยังไง ต้องสะสางตรงไหน
เอ่อ เงินเดือนก็เยอะนะคะ ทำงานคุ้มเงินเดือนบ้างไหมเนี่ย
“ประภัสร์ ” เผยหัวอกในฐานะคนเป็นพ่อยังไม่กล้าให้ลูกสาวขึ้นรถไฟ !!!! จะบ้าตาย แล้วยังงี้ใครจะกล้าขึ้นรถไฟคะท่าน
อยากรู้ว่าตอนนี้คุณกล้าให้ลูกสาวขึ้นรถไฟตู้นอนไหม
ผมเชื่อว่ารถไฟต้องมีมาตรการให้คนเกิดความประทับใจ แต่ถ้าถามว่าผมให้ลูกสาวขึ้นรถไฟไหม ผมคงไม่กล้าเหมือนกัน เพราะมันต้องมีอะไรที่ชัดเจน ผมถึงได้บอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าให้ผู้ว่าการฯ ลาออก ไม่ใช่ว่าน้องแก้มเสียชีวิตแล้ว เรื่องจะจบหรือทุกๆ คนก็ลืมกันไป มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นผมถึงเรียนว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือ ต้องมีมาตรการที่ทำทุกคนเกิดความมั่นใจว่าขึ้นรถไฟแล้วจะมีความปลอดภัย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
อย่างเรื่องรถไฟเกิดเหตุการณ์ผู้โดยสารถูกข่มขืนตอนปี 44 นั้น ผมก็เพิ่งทราบข่าว ผมถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นปี 44 ผ่านมา 10 กว่าปี ผมเป็นผู้ว่าการฯ มาปีกว่าๆ ผมต้องรู้ขนาดปี 44 เลยเหรอ ตอนที่มีคดี เขาไม่ได้รายงานผมว่าคดีอยู่ตรงไหน ตอนที่ยื่นฎีกาคือ 6 สิงหาคม ผมยังไม่ได้มาทำงานเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค้างมาตั้งแต่สมัยผู้ว่าการฯ และรักษาการหลายคน ซึ่งผมเรียนจริงๆ ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้รายงาน ผมต้องอาศัยถามเขา ถ้าไม่ถาม เขาก็ไม่ได้บอก หรือบางทีถามแล้วเขาก็บอก แต่บอกอย่างที่ผมเรียนไป ซึ่งผมก็เสียใจ ฝากบอกผู้เสียหายด้วยนะครับว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง รับรองว่าจบแน่นอน สิ่งที่เธอควรจะได้คือการเยียวยา และควรจะได้รับนานแล้วด้วย
ขอบคุณ ASTV ผู้จัดการ Live คะ
อ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดได้ที่นี่ http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000077702
***** คือ ท่านเป็นผู้ว่าการรถไฟนะคะ ตอนเข้ามาทำงานท่านรู้ไหมคะว่า หน้าที่ท่านต้องทำอะไรยังไงบ้าง คือเอาง่ายๆนะคะ
ดิฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดท่านนะ แต่พอที่จะคิดได้ว่า ถ้าได้รับตำแหน่งสูงสุดเช่นนี้มาแล้วควรจะปฏิบัติงานหรือหน้าที่อย่างไรบ้าง
เหตุการณ์นี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย แล้วยิ่งคนกระทำเป็น พนง.ของ รฟท.ยิ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลย
อยากถามนิดนึงคะ
1. การรับคนเข้าทำงานที่ รฟท. ไม่ได้ตรวจสอบประวัติ ตรวจสุขภาพไรเลยหรอคะ ขนาดดิฉันทำงานแค่บ.เล็กๆ ยังต้องตรวจประวัติ ตรวจสุขภาพเลยนะท่าน นี่คือ อยากรับก็รับ เส้นเข้ามาได้สะดวก โอ้ย อกอีแป้นจะแตกคะ
2. งงว่า พนง.รฟท. สามารถดื่มเหล้าได้เวลาปฏิบัติหน้าที่หรอคะ คือแบบปกติ ยังไม่เคยเห็นบริษัทไหน องค์กรไหน ที่ทำงานไปด้วย ดื่มเหล้าไปด้วยได้เลย
แล้วคือ ทุกอย่างที่ท่านพูด ท่านตอบ เหมือนปัดสวะออกจากตัว ท่านตอบขนาดว่าไม่กล้าให้ลูกสาวตัวเองขึ้นรถตู้นอน ขนาดท่านพูดออกมาได้ขนาดนี้ แล้วยังงี้เราจะเรียกหาความปลอดภัยได้อย่างไรคะ*****
ลูกใคร ใครก็รัก ถามหน่อยวันนี้ แม่น้องแก้ม เสียลูกสาวไปอย่างไม่มีวันกลับมา ท่านเยียวยาด้วยอะไร ท่านคิดหรอว่า ครอบครัว ความรู้สึกไรต่างๆเขาจะกลับมาเหมือนเดิมหลังจากที่ท่านเยียวยา "เงินไม่ได้ซื้อทุกอย่างได้นะคะ"
ท่านลาออกไปเถอะ เพราะสิ่งที่ท่านตอบท่านพูด มันยิ่งย้ำให้เห็นว่าท่านนั้นมีวุฒิภาวะน้อยเพียงใด
ท่านเข้ามารับตำแหน่ง แทนที่จะทำให้ รฟท. เจริญยิ่งๆขึ้นไป กลับทำให้ตกต่ำ
อะไรจะมารับประกันได้ว่าท่านจะแก้ไขได้ ขนาดเหตุการณ์เมื่อ 13 ปีที่แล้วท่านยังไม่รู้เลยว่าเกิดไรขึ้น แล้วมาตอบอีกว่าตัวเองเพิ่งรับตำแหน่งได้ปีกว่าๆ
บร๊ะ !!! ตอนที่ท่านรับตำแหน่งมานี่ เอาแต่ตำแหน่งมาเนอะ ไม่รู้เลยหรอว่า มีอะไรยังไงเกิดขึ้นที่ รฟท. ควรจะปรับปรุงอะไรยังไง ต้องสะสางตรงไหน
เอ่อ เงินเดือนก็เยอะนะคะ ทำงานคุ้มเงินเดือนบ้างไหมเนี่ย