เดจาวู อนาคตที่ยายเห็น เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะเป็นครั้งแรกที่จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวตัวเอง และในวันที่ยายได้จากไป ทั้งหมดนี้อยู่ดีๆไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าทำไมถึงอยากเล่าลงพันทิป

ขอย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วนะคะ 7 ปีที่ยายเราจากครอบครัวของเราไป ยายเป็นอัมพฤกตั้งแต่ปี 2547 ตอนนั้นแกบอกมะม่วงอยู่ที่หน้าบ้าน (ยายอยู่ที่อยุธยา บ้านของย่าค่ะ) อยู่ดีๆแขนขวาก็อ่อนแรง มีดที่แกถืออยู่ก็ร่วงหล่นลงสู่พื้น เหตุการณ์นี้นะคะทำให้ย่าพายายกลับมากรุงเทพ มาให้แม่เราซึ่งเป็นลูกแท้ๆดูแล ตลอด 3 ปีที่ยายอยู่กับเราและแม่ก็มักจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดหลายๆครั้ง

เริ่มจากช่วงแรกที่ยายย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ เราก็เตรียมห้องจัดที่นอนให้ยาย ยายเดินไม่ได้เป็นอัมพฤกซีกขวา ขยับได้เล็กน้อยลุกนั่งเองได้ ยายบอกเราว่าอย่าเอาหมาเข้ามาในห้องนะ มันจะมานอนบนตัวยาย แม่กับเราก็คอยดูอยู่ตลอดเวลาเปิดเข้าห้องยาย ผ่านไป 2 เดือน ไม่รู้วันนั้นแม่เราลืมปิดห้อง ไอยุ่ง ชื่อหมาที่เราเลี้ยงเป็นพุดเดิ้ลตัวเล็กนะคะ มันเข้าไปในห้อง ตกเย็นแม่เราเอาข้าวไปให้ยาย แม่เห็นไอยุ่งนอนอยู่บนตัวยาย นอนอยู่บนพุงยายค่ะ ยายผลักมันมันก็ไม่ไป ยายบอกหายใจไม่ออก แม่เราก็อุ้มมันลงไปชั้นล่าง

เวลาก็ผ่านไป 1 ปี แม่เราเล่าเรื่องตอนที่แม่ยังเป็นเด็กให้ฟัง ตอนนั้นบ้านเก่าแม่กับยายอยู่ที่ อำเภอบางบาล จ.อยุธยา อาชีพเก่ายายคือ เก็บผักบุ้งขาย แม่เราก็ไปเรียนหนังสือที่วัด วันนั้นกลับมาบ้าน มีชายรูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเครา ผิวขาวแบบคนจีนคล้ายๆเฒ่าแก่ แกมานั่งรออยู่ตรงชานไม้หน้าบ้าน (บ้านเก่าเป็นทรงไทย มีใต้ถุนสูง) แม่ก็สงสัยว่าเค้าเป็นใคร วันนั้นยายยังไม่กลับบ้านออกไปเก็บผักบุ้ง เฒ่าแก่ก็เรียกแม่เราไปคุย เรื่องที่แม่จำความได้ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากเรื่องราวการใช้ชีวิตในวัยเด็กแล้ว เรื่องเฒ่าแก่หมอดูคนนี้ก็ยังคงจำได้ไม่ลืมเลือน เฒ่าแก่คนนั้นบอกกับแม่เราว่าเดินผ่านเลยแวะมากินน้ำหน้าบ้าน ร้อนเลยแวะพักเหนื่อยหน่อย บ้านนี้หนูอยู่กับแม่ใช่มั้ย(คือยายเรา) อนาคตแม่หนูจะต้องนั่งกินนอนกิน ส่วนหนูจะลำบาก และเฒ่าแก่ก็จากไป

ในปีเดียวกัน ยายเริ่มไม่สบายหนักและเป็นแผลกดทับ เพราะว่านอนอยู่บนเตียงเกือบทั้งวัน จะมีก็แค่ตอนบ่ายแก่ๆที่แม่เราพาแกนั่งวิลแชร์ออกมาเดินเล่นในหมู่บ้าน ตอนหัวค่ำเรานั่งดูทีวีกันอยู่ในห้องยาย ตอนนั้นเราหันไปเห็นยายหลับไปแล้ว แม่ก็ลงไปชั้นล่าง ตอนนั้นยายบอกกับเราว่า ยายเห็นพ่อเรานอนอยู่ในโรงพยาบาล แม่แกก็นั่งเฝ้า เราก็บอกกับยายไปว่าพ่อกินข้าวอยู่ข้างล่าง ไม่มีใครเอะใจและล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นอีก 2 ปีที่พ่อเราต้องไปอยู่โรงพยาบาลและไม่กลับมาอีกเลย

2 ปีผ่านไป ยายเริ่มอ่อนแรง เริ่มพูดไม่ไหว ลุกนั่งเองเริ่มไม่ค่อยได้ เราต้องนอนเฝ้ายายแทนแม่ในตอนดึกๆของปีที่ 3 ตอนนั้นเราอยู่ประมาณ ม.5 ช่วงกลางดึกยายชอบพูดคนเดียว เรียกชื่อตา เรียกชื่อแม่ แล้วแกก็มักจะบอกว่าละเมอ

เวลาผ่านไปในวันที่ 11 เดือนกันยายนปี 2547 ตอนเช้าเราจำได้แม่นค่ะเพราะคืนนั้นเรานอนกับยาย
ยาย : เอ็งยายอยากกินน้ำเต้าหู้ อยากเจอน้านิดกับย่าริ
เรา : เดี๋ยวให้แม่ซื้อมาให้นะยาย

เราก็เล่าให้แม่ฟังก่อนแกไปตลาด แม่เราลืมน้ำเต้าหู้ไว้ที่ร้าน บ่ายโมงตรง มีรถมาจอดหน้าบ้านเรา แม่ก็เดินออกไปดู วันนั้นน้านิดกับย่าริมาหายาย และเอาน้ำเต้าหู้มาให้ ย่าริขึ้นมาบนห้องป้อนน้ำเต้าหู้ยาย เราเห็นทุกอย่างตอนนั้น ยายเราน้ำตาไหล หลังจากนั้นทุกคนก็ได้กลิ่นธูป ยายหลับตาและจากไปอย่างสงบ เรากับแม่ขนลุกเลย และภาพตอนยายบวชชีก็เข้ามาในหัว เราเป็นคนออกไปธูปมาไหว้ยายเป็นครั้งสุดท้าย แม่เป็นคนเก็บห้องที่ยายเคยนอนและทำเป็นห้องเก็บของแทน

ทุกๆปีเราและแม่ก็จะทำบุญไปให้ยาย และทุกๆปีเราจะได้กลิ่นยายที่บ้าน ตั้งแต่ตอนนั้นย่าและน้าก็ไม่เคยมาที่บ้านเราอีกเลย ติดต่อไม่ได้ เมื่อปีที่แล้วช่วงกรกฎา วันเกิดแม่เราเรากับแม่ก็ไปทำบุญ ตอนเช้าเราลงมาจากชั้นสองจะลงมาอาบน้ำ มันเป็นความรู้สึกแบบ 2 วินาทีค่ะว่ามีคนยืนมองเราอยู่ คือมันก็อาจจะอธิบายได้ว่า เราเบลอ เราตาลาย และเราคิดไปเอง แต่แม่เราก็มาเล่าให้เราฟังว่ายายมาเข้าฝันอยากกินน้ำพริก แม่เราก็ทำบุญไปให้

เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดที่เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนมีตัวตน เป็นเรื่องวิจารญาณส่วนบุคคลนะคะ คนเราจะสามารถเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าก่อนการเสียชีวิต ได้หรือว่าบังเอิญ แม้เค้าจะจากไปแล้วแต่เรายังมีความรู้สึกว่าเค้ายังคงอยู่ใกล้ๆเรา

ใครมีเหตุการณ์แบบเราแชร์กันได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่