ช่วงนี้เห็นคน แชร์และแสดงความคิดเห็นกันเยอะ เรื่องข่าวฆ่าข่มขืน
ผมจึงพยายามคิดเป็นคนร้ายและพยายามหาเหตุผลหรือแรงจูงใจในการฆ่าหลังจากข่มขืนแล้ว
สิ่งที่จะทำให้เหยื่อไม่รอดมีไม่กี่อย่างครับ... ตาม คหสต. นะครับ
1.เหยื่อต่อสู้หรือตอบโต้รุนแรง จนทำให้ผู้ร้ายบาดเจ็บหรือเกิดความโมโห เพราะความโมโหที่เกิดการจากถูกขัดใจ
จะพาให้ผู้ร้ายใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
2.เหยื่อขัดขืนดิ้นรนจนร่างกายได้รับบาดแผลหรือบอบชำมาก โอกาสที่ผู้ร้ายจะฆ่ามีสูงมาก เพราะผู้ร้ายจะคิดว่า
โทษจะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการทำร้ายร่างกาย การจะปล่อยให้รอดไปคงไม่ดีแน่ คนที่ทำผิดจะเซนซิทีฟกับเรื่องนี้ครับ
เหมือนรถคุณถูกชน ค่าซ่อมก็จะสูงตามความเสียหายที่ได้รับ จริงมั้ยครับ?
เหมือนตอนเด็กๆ ที่คุณทำข้าวของอะไรของพ่อแม่พัง ส่วนใหญ่เด็กเลือกที่จะบอกว่าหายหรือหาไม่เจอ
มากกว่าจะนำของที่ทำเสียมาให้พ่อแม่ เพราะว่ายังไงก็ต้องถูกต่อว่า...
3.เหยื่อใช้คำพูด คำด่า ต่างๆนาๆ ว่าให้หรือดูถูกผู้ร้าย อาจจะไปแทงใจดำหรือทำให้เกิดความโกรธ
โอกาสที่ผู้ร้ายจะฆ่าบรรดาโทสะก็สูงครับ
4.เหยื่อใช้คำข่มขู่ ให้ผู้ร้ายกลัว เช่น ถ้ากุรอดไปได้กุจะไปแจ้งความจับ
รู้มั้ยพ่อกุเป็นใคร? ฯลฯ
โอกาสที่เหยื่อจะรอดก็มีน้อยครับ
ถ้านอกเหนือจากนี้หรืออื่นๆ คือผู้ร้ายอาจจะฆ่าปกปิดเพื่อหนีความผิดเองนะครับ(คหสต.คิดว่ามีน้อย)
ผมคิดว่าอารมณ์ข่มขืน กับอารมณ์ฆ่าคนมันคนล่ะอารมณ์กัน มันต้องมีตัวเชื่อมตามกรณีที่ได้กล่าวมาแล้ว
เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตั้งสติให้ดีนะครับ โอกาสที่คุณจะรอด ผมว่าสูงกว่ากรณีที่กล่าวมา...
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ เมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
ผมไม่ได้บอกว่าให้ยอม100%นะครับ แต่ควรใช้สติประเมินสถาณการณ์และคิดให้ดีๆ ก่อนจะทำอะไร เพราะว่าเราเป็นรองอยู่...
การทำให้ตัวเองรอดจากการถูกฆ่าตกรรมถือว่าสำคัญที่สุดครับ...
ปล.ใครมีข้อเสนอแนะหรือแนวทางอื่นๆ เขียนกันมาได้นะครับ ^^
ทำมั้ยผู้ร้ายข่มขืน ถึงฆาตกรรเหยื่อ !!
ผมจึงพยายามคิดเป็นคนร้ายและพยายามหาเหตุผลหรือแรงจูงใจในการฆ่าหลังจากข่มขืนแล้ว
สิ่งที่จะทำให้เหยื่อไม่รอดมีไม่กี่อย่างครับ... ตาม คหสต. นะครับ
1.เหยื่อต่อสู้หรือตอบโต้รุนแรง จนทำให้ผู้ร้ายบาดเจ็บหรือเกิดความโมโห เพราะความโมโหที่เกิดการจากถูกขัดใจ
จะพาให้ผู้ร้ายใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
2.เหยื่อขัดขืนดิ้นรนจนร่างกายได้รับบาดแผลหรือบอบชำมาก โอกาสที่ผู้ร้ายจะฆ่ามีสูงมาก เพราะผู้ร้ายจะคิดว่า
โทษจะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการทำร้ายร่างกาย การจะปล่อยให้รอดไปคงไม่ดีแน่ คนที่ทำผิดจะเซนซิทีฟกับเรื่องนี้ครับ
เหมือนรถคุณถูกชน ค่าซ่อมก็จะสูงตามความเสียหายที่ได้รับ จริงมั้ยครับ?
เหมือนตอนเด็กๆ ที่คุณทำข้าวของอะไรของพ่อแม่พัง ส่วนใหญ่เด็กเลือกที่จะบอกว่าหายหรือหาไม่เจอ
มากกว่าจะนำของที่ทำเสียมาให้พ่อแม่ เพราะว่ายังไงก็ต้องถูกต่อว่า...
3.เหยื่อใช้คำพูด คำด่า ต่างๆนาๆ ว่าให้หรือดูถูกผู้ร้าย อาจจะไปแทงใจดำหรือทำให้เกิดความโกรธ
โอกาสที่ผู้ร้ายจะฆ่าบรรดาโทสะก็สูงครับ
4.เหยื่อใช้คำข่มขู่ ให้ผู้ร้ายกลัว เช่น ถ้ากุรอดไปได้กุจะไปแจ้งความจับ รู้มั้ยพ่อกุเป็นใคร? ฯลฯ
โอกาสที่เหยื่อจะรอดก็มีน้อยครับ
ถ้านอกเหนือจากนี้หรืออื่นๆ คือผู้ร้ายอาจจะฆ่าปกปิดเพื่อหนีความผิดเองนะครับ(คหสต.คิดว่ามีน้อย)
ผมคิดว่าอารมณ์ข่มขืน กับอารมณ์ฆ่าคนมันคนล่ะอารมณ์กัน มันต้องมีตัวเชื่อมตามกรณีที่ได้กล่าวมาแล้ว
เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตั้งสติให้ดีนะครับ โอกาสที่คุณจะรอด ผมว่าสูงกว่ากรณีที่กล่าวมา...
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ เมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
ผมไม่ได้บอกว่าให้ยอม100%นะครับ แต่ควรใช้สติประเมินสถาณการณ์และคิดให้ดีๆ ก่อนจะทำอะไร เพราะว่าเราเป็นรองอยู่...
การทำให้ตัวเองรอดจากการถูกฆ่าตกรรมถือว่าสำคัญที่สุดครับ...
ปล.ใครมีข้อเสนอแนะหรือแนวทางอื่นๆ เขียนกันมาได้นะครับ ^^