ขอแนะนำตัวเองก่อนเลยน่ะครับ
"เจ้าของกระทู้ชื่อเจษน่ะครับเด็กต่างจังหวัดแต่มาเรียนจบคณะถาปัดแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพแล้ว(ทำงานในกรุงเทพได้2ปี)"
จากนั่นก็เริ่มมีความคิดที่อยากจะพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ (อันที่จริงได้ยินข่าวจากคนที่เคยมาแล้วเค้ากลับไปเล่าว่าล้างจานที่นี้เงินเดือนเป็นแสนเลยมาT^T )
เงินเดือนที่ไทยผมได้รับอยู่ที่ประมาณ20000บาทนิดนิด อยู่ที่SYDมาตั้งแต่เดือนเมษายน2013 อยู่จนถึงทุกวันนี้ก็ครบหนึ่งปีกับอีก3เดือนพอดี
ช่วงแรกๆที่มาถึงนี้อย่างลำบากครับ ไหนจะค่าห้อง ค่ากิน อยู่ห้องแชร์รูม งานแรกที่ได้คืองานล้างจานครับร้านอยู่ที่ Strath field ร้านต่อมาได้ทำที่ร้านฝรั่ง..........ทำมาจนถึงทุกวันนี้แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นต่อจากนี้แหละครับ
คือช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวทางร้านก็ได้ปลดพนักงานออกผมเป็นหนึ่งในนั่นครับเชี่ยยยแล้วไง งานงอกเลยครับพี่น้องคร๊าบบบบบ ตอนเย็นผู้จัดการร้านได้บอกว่าวันนี้ผมทำงานเป็นวันสุดท้ายแล้วน่ะผมนี้ตกใจมากกไม่รู้จะทำยังไงดีเดินคอตกออกจากร้านมา ร้านที่อยู่Oxford st. เดินมากำลังจะผ่านหน้าร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง(ชื่อร้านแอ๊บแอ๊)ในหัวก็เริ่มคิดไปต่างๆนานาว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ดีเพิ่งจ่ายค่าเทอมไป1200$ ค่าเช่าก็ต้องจ่ายอีก 200 ในวันอังคาร เบลอไปหมดเลยครับในตอนนั่นคิดอะไรไม่ออกเลยจู่ จู่ ..........................................................................................................................
ผมก็เห็นพี่โน๊ต อุดม เดินมากำลังคุยกับใครไม่รู้อีกคนหนึ่งผมอึ๊งงงงงงมากกกกกกกกกก.........
ทำอะไรไม่ถูกพอตั้งสติได้ก็รีบยกมือไหว้ในทันทีแล้วก็พูดสวัสดีครับพี่โน๊ต"ผมขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ"
พี่เค้าก็อัธยาศัยดีมากบอกได้ๆมา มา มา มาถ่ายตรงที่สว่างๆนี้ หลังจากนั่นก็ขอจับมือ ขอกอด ขอลายเซ็น ให้พี่เค้าเซ็นให้ตรงถุงกระดาษที่ผมถือมา เดี๋ยวจะลงรูปให้ดูน่ะครับ
พูดคุยกันได้สักพักหนึ่งพี่เจ้าของร้าน(แอ๊บแอ๊)คนที่เดินมากับพี่โน๊ตนั่นแหละครับก็บอกว่าเข้ามาคุยกันข้างในก่อนข้างนอกหนาว พี่โน๊ตเค้าก็เริ่มถามถึงที่มาที่ไปของผมว่าทำไหมผมถึงมาอยู่ที่นี้ได้ ผมก็เริ่มเล่าให้พี่เค้าฟังบลา บลา บลา แต่ไม่ได้บอกพี่เค้าว่าเพิ่งตกงานวันนี้นี้เอง(แต่บอกพี่เค้าไปว่าเพิ่งเลิกงาน)สักพักผมก็ขอตัวกลับอันที่จริงแล้วเกรงใจพี่เค้าเพราะในระหว่างที่พี่เค้าเซ็นถุงให้ผมนั่นก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย
ผมก็กลับห้องมานอนเอาตีนก่ายหน้าผากนอนไม่หลับ คิดอยู่แต่ในหัวว่ากูจะทำไงดีเนี่ยยย ตื่นเช้ามางานเข้าอีกกกกก....เจ้าของกระทู้ ไอ เจ็บคอ ทนแบกสังขารลากตัวเองไปเรียนทนเรียนอยู่ได้ครึ่งวันไม่ไหวครับเลยต้องกลับ(อารมณ์ประมาณขอกลับไปตายที่ห้องดีกว่า) หลังจากเจอพี่โน๊ต
แล้วกลับมาไข้ขึ้นเลย(ที่จริงไม่สบายอยู่แล้วบวกตกใจเรื่องที่ตกงานกับตื่นเต้นที่เจอพี่โน๊ต)
พยายามสมัครงานตามเวปต่างๆที่เค้าต้องการคนเวปดังก็คงไม่พ้น
http://www.natui.com.au/2010/main/ seek หรือ gumtree ส่งเรซูเม่ไปกว่าร้อยที่ปลาบู่ และ ปลากด ว่ารอมา3-4วันไม่มีที่ไหนกริ๊งกร๊างงมาเลยแม่มมมมเอ๋ยยยชิปหายล่ะครับที่นี้(บอกกับตัวเอง)นี้วันอาทิตย์แล้ววันอังคารต้องจ่ายค่าห้อง
เอาว่ะ เป็นไงเป็นกันตัดสินใจเดินไปโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆWynyard stationเพื่อปริ๊นเรซูเม่ปริ๊นมา20-30แผ่น ตอนนั่นเวลาบ่ายโมงครับจากนั่นเดินแจกครับเดินตั้งแต่Darling Harbour ลัดมา Paddy อ้อมไป Broadway ทะลุ Surry hill ที่สุดท้ายที่คิดว่าจะไปคือร้าน"แอ๊บแอ๊ ครับ
เรื่องมันควรจะจบที่ตรงนี้ใช่ไหมครับแต่ไม่ใช่ครับ..........ทันที่ผมเดินเข้าไปที่ร้านพี่โน๊ตคนเดิมคนดีของผมกระโกนเรียกผมทันที เฮ๊ยไอ้น้อง มานี่ มานี่ มานี่ มาทำอะไร ผมก็เดินไปหาพี่เค้าที่โต๊ะครับ แล้วก็บอกพี่เค้าไปว่าวันนี้มาเดินหางานครับ พอดีพี่เค้าก็นั่งอยู่กับพี่คนที่เป็นเจ้าของร้านนั่นแหละครับเค้าเลยบอก"นี้เลยเจ้าของร้านคนนี้เลย"
ผมเลยยื่นเรซูเม่ให้เค้าแผ่นหนึ่งจากนั่นก็เริ่มเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมแต่ไม่ได้บอกว่าเพิ่งหายจากไข้น่ะครับกลัวไม่ได้งาน และก็ไม่ได้งานจริงๆครับเพราะว่าที่ร้านเค้าเพิ่งรับคนไปแล้วช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวด้วย ผมก็เลยSADไปตามระเบียบพวกพี่เค้าก็พยายามจะช่วยแหละครับแต่เค้าไม่รู้จะช่วยยังไง
สักพักหนึ่งผมก็กำลังจะขอตัวกลับพี่โน๊ตเค้าก็บอกผมว่าออกไปคุยกับกูข้างนอกก่อนผมก็ตามเค้าไป พอเริ่มคุยไปได้สักพักพี่เค้าเริ่มถามว่าไปเจออะไรมา จังหวะนี้ผมคุมตัวเองไม่อยู่แล้วครับ เหมือนปัญหามันไม่ได้เคยถูกระบายออกมาก่อนผมระเบิดทุกอย่างให้พี่เค้าฟังพี่ประมาณ15นาที สาระพัดครับผมแจ้งต่อพี่เค้าทั้งเรื่องก่อนมากเมืองนอก ตอนมาใหม่ๆ ตอนวีซ่าใกล้หมด ตอนที่ใกล้จะจ่ายค่าเทอม พี่เค้าก็ฟังไปขำไป แต่ตอนนั่นผมเริ่มของขึ้นแล้วครับพอมันได้ระบายมันก็เลยลากยาวเลย พี่เค้าเลยบอกให้ผมไปสมัครงานร้านไทยชื่อดังร้านหนึ่งแล้วเค้าจะโทรไปฝากให้แต่ผมบอกปัดพี่เค้าไปครับให้เหตุผลไปข้อหนึ่ง................ไม่ขอเล่าน่ะครับ สุดท้ายพี่เค้าบอกว่าตอนนี้ไม่มีสิทธิ์เลือกน่ะมีอะไรก็ทำทำไปก่อน
เค้าบอกให้ผมตั้งสติก่อน อย่ารก น่ะ อย่ารก เดี๋ยวกูออกค่าห้องของอาทิตย์นี้ให้ คือพี่เค้ารู้จากตอนที่ระบายปัญหาให้พี่เค้าฟัง ผมก็บอกไม่เป็นไรครับพี่(กลัวว่าจะมีคนด่าเหมือนวงโยที่เมืองไทยตอนเค้าไปขอยืมเงินคุณตันนั่นแหละครับ)ในใจก็ยังคิดว่ายังไงผมยังพอหาทัน ยื้อกันไป ยื้อกันมา พี่โน๊ตเค้าก็บอกกับผมว่าเราก็เป็นเป็นคนไทยเหมือนกัน ความรู้สึกน่ะตอนนั่นอยากจะก้มลงกราบตีนพี่เค้าตรงนั่นเลยครับแล้วเรียกให้เด็กเสริฟในร้านมาเป็นพยานว่าผมได้รับเงินช่วยเหลือจากพี่เค้าเป็นจำนวนเงิน200$ สุดท้ายผมก็รับน้ำใจจากพี่โน๊ตไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมารีบวิ่งกลับมาเพื่อที่จะเขียนขอบคุณพี่เค้าและคือสิ่งพี่ผมสามารถตอบแทนพี่เค้าได้ในตอนนี้...................แค่นี้แหละครับ ขอบคุณทุกคนน่ะครับที่เค้ามาอ่าน
ประสบการณ์ตรง"กับคนที่ชื่อ อุดม แต้พานิช
"เจ้าของกระทู้ชื่อเจษน่ะครับเด็กต่างจังหวัดแต่มาเรียนจบคณะถาปัดแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพแล้ว(ทำงานในกรุงเทพได้2ปี)"
จากนั่นก็เริ่มมีความคิดที่อยากจะพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ (อันที่จริงได้ยินข่าวจากคนที่เคยมาแล้วเค้ากลับไปเล่าว่าล้างจานที่นี้เงินเดือนเป็นแสนเลยมาT^T )
เงินเดือนที่ไทยผมได้รับอยู่ที่ประมาณ20000บาทนิดนิด อยู่ที่SYDมาตั้งแต่เดือนเมษายน2013 อยู่จนถึงทุกวันนี้ก็ครบหนึ่งปีกับอีก3เดือนพอดี
ช่วงแรกๆที่มาถึงนี้อย่างลำบากครับ ไหนจะค่าห้อง ค่ากิน อยู่ห้องแชร์รูม งานแรกที่ได้คืองานล้างจานครับร้านอยู่ที่ Strath field ร้านต่อมาได้ทำที่ร้านฝรั่ง..........ทำมาจนถึงทุกวันนี้แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นต่อจากนี้แหละครับ
คือช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวทางร้านก็ได้ปลดพนักงานออกผมเป็นหนึ่งในนั่นครับเชี่ยยยแล้วไง งานงอกเลยครับพี่น้องคร๊าบบบบบ ตอนเย็นผู้จัดการร้านได้บอกว่าวันนี้ผมทำงานเป็นวันสุดท้ายแล้วน่ะผมนี้ตกใจมากกไม่รู้จะทำยังไงดีเดินคอตกออกจากร้านมา ร้านที่อยู่Oxford st. เดินมากำลังจะผ่านหน้าร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง(ชื่อร้านแอ๊บแอ๊)ในหัวก็เริ่มคิดไปต่างๆนานาว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ดีเพิ่งจ่ายค่าเทอมไป1200$ ค่าเช่าก็ต้องจ่ายอีก 200 ในวันอังคาร เบลอไปหมดเลยครับในตอนนั่นคิดอะไรไม่ออกเลยจู่ จู่ ..........................................................................................................................
ผมก็เห็นพี่โน๊ต อุดม เดินมากำลังคุยกับใครไม่รู้อีกคนหนึ่งผมอึ๊งงงงงงมากกกกกกกกกก.........
ทำอะไรไม่ถูกพอตั้งสติได้ก็รีบยกมือไหว้ในทันทีแล้วก็พูดสวัสดีครับพี่โน๊ต"ผมขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ"
พี่เค้าก็อัธยาศัยดีมากบอกได้ๆมา มา มา มาถ่ายตรงที่สว่างๆนี้ หลังจากนั่นก็ขอจับมือ ขอกอด ขอลายเซ็น ให้พี่เค้าเซ็นให้ตรงถุงกระดาษที่ผมถือมา เดี๋ยวจะลงรูปให้ดูน่ะครับ
พูดคุยกันได้สักพักหนึ่งพี่เจ้าของร้าน(แอ๊บแอ๊)คนที่เดินมากับพี่โน๊ตนั่นแหละครับก็บอกว่าเข้ามาคุยกันข้างในก่อนข้างนอกหนาว พี่โน๊ตเค้าก็เริ่มถามถึงที่มาที่ไปของผมว่าทำไหมผมถึงมาอยู่ที่นี้ได้ ผมก็เริ่มเล่าให้พี่เค้าฟังบลา บลา บลา แต่ไม่ได้บอกพี่เค้าว่าเพิ่งตกงานวันนี้นี้เอง(แต่บอกพี่เค้าไปว่าเพิ่งเลิกงาน)สักพักผมก็ขอตัวกลับอันที่จริงแล้วเกรงใจพี่เค้าเพราะในระหว่างที่พี่เค้าเซ็นถุงให้ผมนั่นก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย
ผมก็กลับห้องมานอนเอาตีนก่ายหน้าผากนอนไม่หลับ คิดอยู่แต่ในหัวว่ากูจะทำไงดีเนี่ยยย ตื่นเช้ามางานเข้าอีกกกกก....เจ้าของกระทู้ ไอ เจ็บคอ ทนแบกสังขารลากตัวเองไปเรียนทนเรียนอยู่ได้ครึ่งวันไม่ไหวครับเลยต้องกลับ(อารมณ์ประมาณขอกลับไปตายที่ห้องดีกว่า) หลังจากเจอพี่โน๊ต
แล้วกลับมาไข้ขึ้นเลย(ที่จริงไม่สบายอยู่แล้วบวกตกใจเรื่องที่ตกงานกับตื่นเต้นที่เจอพี่โน๊ต)
พยายามสมัครงานตามเวปต่างๆที่เค้าต้องการคนเวปดังก็คงไม่พ้น http://www.natui.com.au/2010/main/ seek หรือ gumtree ส่งเรซูเม่ไปกว่าร้อยที่ปลาบู่ และ ปลากด ว่ารอมา3-4วันไม่มีที่ไหนกริ๊งกร๊างงมาเลยแม่มมมมเอ๋ยยยชิปหายล่ะครับที่นี้(บอกกับตัวเอง)นี้วันอาทิตย์แล้ววันอังคารต้องจ่ายค่าห้อง
เอาว่ะ เป็นไงเป็นกันตัดสินใจเดินไปโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆWynyard stationเพื่อปริ๊นเรซูเม่ปริ๊นมา20-30แผ่น ตอนนั่นเวลาบ่ายโมงครับจากนั่นเดินแจกครับเดินตั้งแต่Darling Harbour ลัดมา Paddy อ้อมไป Broadway ทะลุ Surry hill ที่สุดท้ายที่คิดว่าจะไปคือร้าน"แอ๊บแอ๊ ครับ
เรื่องมันควรจะจบที่ตรงนี้ใช่ไหมครับแต่ไม่ใช่ครับ..........ทันที่ผมเดินเข้าไปที่ร้านพี่โน๊ตคนเดิมคนดีของผมกระโกนเรียกผมทันที เฮ๊ยไอ้น้อง มานี่ มานี่ มานี่ มาทำอะไร ผมก็เดินไปหาพี่เค้าที่โต๊ะครับ แล้วก็บอกพี่เค้าไปว่าวันนี้มาเดินหางานครับ พอดีพี่เค้าก็นั่งอยู่กับพี่คนที่เป็นเจ้าของร้านนั่นแหละครับเค้าเลยบอก"นี้เลยเจ้าของร้านคนนี้เลย"
ผมเลยยื่นเรซูเม่ให้เค้าแผ่นหนึ่งจากนั่นก็เริ่มเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมแต่ไม่ได้บอกว่าเพิ่งหายจากไข้น่ะครับกลัวไม่ได้งาน และก็ไม่ได้งานจริงๆครับเพราะว่าที่ร้านเค้าเพิ่งรับคนไปแล้วช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวด้วย ผมก็เลยSADไปตามระเบียบพวกพี่เค้าก็พยายามจะช่วยแหละครับแต่เค้าไม่รู้จะช่วยยังไง
สักพักหนึ่งผมก็กำลังจะขอตัวกลับพี่โน๊ตเค้าก็บอกผมว่าออกไปคุยกับกูข้างนอกก่อนผมก็ตามเค้าไป พอเริ่มคุยไปได้สักพักพี่เค้าเริ่มถามว่าไปเจออะไรมา จังหวะนี้ผมคุมตัวเองไม่อยู่แล้วครับ เหมือนปัญหามันไม่ได้เคยถูกระบายออกมาก่อนผมระเบิดทุกอย่างให้พี่เค้าฟังพี่ประมาณ15นาที สาระพัดครับผมแจ้งต่อพี่เค้าทั้งเรื่องก่อนมากเมืองนอก ตอนมาใหม่ๆ ตอนวีซ่าใกล้หมด ตอนที่ใกล้จะจ่ายค่าเทอม พี่เค้าก็ฟังไปขำไป แต่ตอนนั่นผมเริ่มของขึ้นแล้วครับพอมันได้ระบายมันก็เลยลากยาวเลย พี่เค้าเลยบอกให้ผมไปสมัครงานร้านไทยชื่อดังร้านหนึ่งแล้วเค้าจะโทรไปฝากให้แต่ผมบอกปัดพี่เค้าไปครับให้เหตุผลไปข้อหนึ่ง................ไม่ขอเล่าน่ะครับ สุดท้ายพี่เค้าบอกว่าตอนนี้ไม่มีสิทธิ์เลือกน่ะมีอะไรก็ทำทำไปก่อน
เค้าบอกให้ผมตั้งสติก่อน อย่ารก น่ะ อย่ารก เดี๋ยวกูออกค่าห้องของอาทิตย์นี้ให้ คือพี่เค้ารู้จากตอนที่ระบายปัญหาให้พี่เค้าฟัง ผมก็บอกไม่เป็นไรครับพี่(กลัวว่าจะมีคนด่าเหมือนวงโยที่เมืองไทยตอนเค้าไปขอยืมเงินคุณตันนั่นแหละครับ)ในใจก็ยังคิดว่ายังไงผมยังพอหาทัน ยื้อกันไป ยื้อกันมา พี่โน๊ตเค้าก็บอกกับผมว่าเราก็เป็นเป็นคนไทยเหมือนกัน ความรู้สึกน่ะตอนนั่นอยากจะก้มลงกราบตีนพี่เค้าตรงนั่นเลยครับแล้วเรียกให้เด็กเสริฟในร้านมาเป็นพยานว่าผมได้รับเงินช่วยเหลือจากพี่เค้าเป็นจำนวนเงิน200$ สุดท้ายผมก็รับน้ำใจจากพี่โน๊ตไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมารีบวิ่งกลับมาเพื่อที่จะเขียนขอบคุณพี่เค้าและคือสิ่งพี่ผมสามารถตอบแทนพี่เค้าได้ในตอนนี้...................แค่นี้แหละครับ ขอบคุณทุกคนน่ะครับที่เค้ามาอ่าน