(บางส่วน)
[๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อาสวะเหล่าไหนที่จะพึงละได้เพราะความบรรเทา?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
พิจารณาโดยแยบคายแล้ว
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา วิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา ธรรมที่เป็นบาปอกุศล ที่บังเกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็
อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่าใด พึงบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น ผู้ไม่บรรเทาธรรมอันใดอันหนึ่ง
อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่านั้น ย่อมไม่มีแก่ภิกษุผู้บรรเทาอยู่อย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อาสวะเหล่านี้ เรากล่าวว่า จะพึงละได้เพราะความบรรเทา.
[๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อาสวะเหล่าไหนที่จะพึงละได้เพราะอบรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
พิจารณาโดยแยบคายแล้ว
เจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในความสละลง
เจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ... เจริญวิริยสัมโพชฌงค์ ...
เจริญปิติสัมโพชฌงค์ ... เจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ... เจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ ... เจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในความสละลง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่าใด พึงเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น ผู้ไม่อบรมธรรมอันใดอันหนึ่ง
อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่านั้น ย่อมไม่มีแก่ภิกษุนั้นผู้อบรมอยู่อย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อาสวะเหล่านี้ เรากล่าวว่า จะพึงละได้เพราะอบรม.
[๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็เพราะเหตุว่า
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะ
การเห็น อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้น
ละได้แล้วเพราะการเห็น
อาสวะเหล่าใดอันภิกษุใดพึงละได้เพราะ
การสังวร อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้น
ละได้แล้วเพราะการสังวร
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะการ
พิจารณาเสพ อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้น
ละได้แล้วเพราะการพิจารณาเสพ
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใด พึงละได้เพราะ
ความอดกลั้น อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้น
ละได้แล้วเพราะความอดกลั้น
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะ
การเว้นรอบ อาสวะเหล่านั้นอันภิกษุนั้น
ละได้แล้วเพราะการเว้นรอบ
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใด พึงละได้เพราะ
การบรรเทา อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้น
ละได้แล้วเพราะการบรรเทา
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะ
การอบรม อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้น
ละได้แล้วเพราะการอบรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นผู้สำรวมด้วยความสังวรในอาสวะทั้งปวงอยู่ ตัดตัณหาได้แล้ว ยังสังโยชน์ให้ปราศไปแล้ว
ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์เพราะความตรัสรู้ ด้วยการเห็นและการละมานะโดยชอบ.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสสังวรปริยายนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล.
---------------
สัพพาสวสังวรสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๒๓๘ - ๓๘๔. หน้าที่ ๑๑ - ๑๖.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=238&Z=384&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=10
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว......
[๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อาสวะเหล่าไหนที่จะพึงละได้เพราะความบรรเทา?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา วิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ย่อมอดกลั้น ย่อมละ ย่อมบรรเทา ธรรมที่เป็นบาปอกุศล ที่บังเกิดขึ้นแล้ว ทำให้สิ้นสูญ ให้ถึงความไม่มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่าใด พึงบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น ผู้ไม่บรรเทาธรรมอันใดอันหนึ่ง
อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่านั้น ย่อมไม่มีแก่ภิกษุผู้บรรเทาอยู่อย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อาสวะเหล่านี้ เรากล่าวว่า จะพึงละได้เพราะความบรรเทา.
[๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อาสวะเหล่าไหนที่จะพึงละได้เพราะอบรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว
เจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในความสละลง
เจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ... เจริญวิริยสัมโพชฌงค์ ...
เจริญปิติสัมโพชฌงค์ ... เจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ... เจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ ... เจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในความสละลง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่าใด พึงเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น ผู้ไม่อบรมธรรมอันใดอันหนึ่ง
อาสวะและความเร่าร้อนอันกระทำความคับแค้นเหล่านั้น ย่อมไม่มีแก่ภิกษุนั้นผู้อบรมอยู่อย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาสวะเหล่านี้ เรากล่าวว่า จะพึงละได้เพราะอบรม.
[๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็เพราะเหตุว่า
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะการเห็น อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้นละได้แล้วเพราะการเห็น
อาสวะเหล่าใดอันภิกษุใดพึงละได้เพราะการสังวร อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้นละได้แล้วเพราะการสังวร
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะการพิจารณาเสพ อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้นละได้แล้วเพราะการพิจารณาเสพ
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใด พึงละได้เพราะความอดกลั้น อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้นละได้แล้วเพราะความอดกลั้น
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะการเว้นรอบ อาสวะเหล่านั้นอันภิกษุนั้นละได้แล้วเพราะการเว้นรอบ
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใด พึงละได้เพราะการบรรเทา อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้นละได้แล้วเพราะการบรรเทา
อาสวะเหล่าใด อันภิกษุใดพึงละได้เพราะการอบรม อาสวะเหล่านั้น อันภิกษุนั้นละได้แล้วเพราะการอบรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นผู้สำรวมด้วยความสังวรในอาสวะทั้งปวงอยู่ ตัดตัณหาได้แล้ว ยังสังโยชน์ให้ปราศไปแล้ว
ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์เพราะความตรัสรู้ ด้วยการเห็นและการละมานะโดยชอบ.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสสังวรปริยายนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล.
---------------
สัพพาสวสังวรสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๒๓๘ - ๓๘๔. หน้าที่ ๑๑ - ๑๖.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=238&Z=384&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=10