สวัสดีค่ะ ชาวพันทิปทุกท่าน...
วันนี้ป้าเน็ทมาชวนทำอาหารแบบผสมผสาน ร่วมสมัย ใน Style Fusion Food กันค่ะ
ของแบบนี้เราสามารถทำกินเองในบ้านได้อย่างสบายๆ อร่อยได้ง่ายๆในครัวบ้านคุณเอง
การจะกินอาหารฟิวชั่นไม่จำเป็นต้องไปนั่งร้านหรูหรานอกบ้าน อาหารแนวๆนี้มักถูกตกแต่งอย่างมีสไตล์ เก๋ไก๋เข้ากับอาหาร
จึงทำให้ร้านอาหารแนวฟิวชั่นฟู้ดเป็นที่นิยมกันอย่างมาก แต่วันนี้ลองมาทำกินเองแบบบ้านๆ กับป้าเน็ทนะคะ...
"มะกะโรนี + ต้มจิ๋ว"
"ต้มจิ๋ว"
เขาว่ากันว่า...เป็นอาหารโบราณนะคะ จะมีรสชาติคล้ายต้มยำปนต้มจืด คือรสจะไม่จัดจ้านแบบต้มยำ
เสียที่เดียวหรอกค่ะ แน่ะ!! คนไทยสมัยก่อนรู้จักทำอาหารแนวฟิวชั่นมาตั้งนานแล้ว มิน่าป้าเน็ทเองเคยกินมาตั้งแต่จำความได้แน่ะ
ส่วนใหญ่จะได้กินช่วงหลังส่างไข้ค่ะ ยิ่งอากาศหนาวๆ ได้ซดเข้าไปสักโฮกนึงละก็สวรรค์ชัดๆ ทีเดียวค่ะ
"มะกะโรนี" (chifferi rigati)
เจ้าพาสต้านี้มันมีชือเรียกหลายชื่อจัง ป้าเน็ทละงงจริงๆ ค่ะ แต่วันนี้เลือกตัวนี้มาผสมกับต้มจิ๋ว
เพราะป้าเน็ทชอบเจ้าข้องอนี่มากกว่าเพื่อนค่ะ และรู้สึกว่ามันจะเข้ากันได้ดีกะต้มจิ๋วนะคะ หรือใครจะเลือกเป็นแบบอื่นก็ได้
วันนี้ต้มหมูติดกระดูกแต่วันหลังจะลองเนื้อลายดูบ้างค่ะ สมัยเป็นเด็กต้มจิ๋วนี้จะเป็นเนื้อลายอร่อยมากทีเดียวค่ะ
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ มันเทศค่ะ
วัตถุดิบมีดังนี้ค่ะ จะขาด จะเกินบ้างไม่ว่ากันนะค๊า...
- ซี่โครงหมู
- มันเทศ หอมแดง
- น้ำมะขาม มะนาว เกลือ น้ำปลา
- ใบกระเพรา ใบโหระพา พริกขี้หนู
เริ่มจากเคี่ยวกระดูกหมู แล้วช้อนฟองทิ้งจนน้ำใสค่ะ
แล้วจึงนำมาตุ๋นต่อในหม้อนี้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีหม้อตุ๋นอย่างนี้ก็เคี่ยวด้วยไฟอ่อนต่อไปได้ค่ะ
อ้าววว....เกือบลืมต้มเจ้าข้องอ ต้มเสร็จแล้วก็นำมาคลุกน้ำมันเสียหน่อย
เส้นมันจะได้ไม่ติดกัน(ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นหรอกค่ะ) ป้าเน็ทเว่อร์ไปงั้นเอ้ง!!
แล้วเก็บมะกะโรนีใส่ภาชนะเก็บไว้ในตู้เย็น ด้วยเหตุฉะนี้จึงต้องใส่น้ำมันกันติดซะหน่อย
จะกินเมื่อไรค่อยนำมาผสมกับต้มจิ๋ว เพราะบางบ้านคนกินไม่พร้อมกันนี่คะ..
เตรียมล้างมันเทศให้สะอาด แล้วแช่น้ำมะนาวไว้จะได้ไม่ดำ หั่นหรือเฉาะให้เป็นชิ้นตามต้องการ
และนำมันเทศที่ได้มาแช่ "น้ำปูนใส" สักพักเพื่อให้ชิ้นมันเทศคงรูปไม่เละ ยุ่ย เดี๋ยวดูตอนสุกได้ค่ะ..
เมื่อซี่โครงหมูเปื่อยได้สักครึ่งทาง ก็นำมันเทศ และ หอมแดงใส่หม้อตุ๋นต่อจนสุก
ปรุงรสในหม้อด้วย น้ำมะขาม เกลือ ชิมรสให้อ่อนๆ ไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวจะเติมน้ำปลากับน้ำมะนาว
ลงในถ้วยเวลาเราจะทานค่ะ ด้วยการที่ป้าเน็ทใช้มันเทศที่เขาเรียกว่ามันญี่ปุ่นนี้ มันทำให้มีรสหวานมากๆ เลยค่ะ
คนที่ไม่ชอบทานหวานมาก ใช้มันเทศของไทยน่าจะดีกว่าค่ะ สังเกตุดูชิ้นมันนะคะ เคี่ยวจนเปื่อยก็ไม่เละค่ะ
และแล้วก็ถึงเวลาฟิวชั่นกันแล้วค่ะ นำมะกะโรนีใส่ชาม ตามด้วยพริกขี้หนู และน้ำปลาดี
บีบมะนาวใส่ตอนนี้แหละค่ะ
อย่าลืมใบโหระพา กระเพราด้วยนะคะ ใส่ตามชอบค่ะ
เติมน้ำต้มร้อนๆ ลงไปเลยค่ะ
มาดูชิ้นซี่โครงสิคะ เปื่อยยุ่ยเชี๊ยะ!!
ทานด้วยกันสักคำ...สิคะ ดูชิ้นมันเทศสิเปื่อยยังไงก็ไม่ยุ่ยยยย....อ้ำ ๆๆๆ ยั่วกันหน่อย
พรุ่งนี้วันหยุด คุณแม่บ้านอย่าลืมทำให้พวกลูกๆ ทานกันนะคะ อ้อ!! คุณสามีทานด้วยค๊า...
นี่เป็นพยานได้ค่ะ ฝีปากป้าเน็ทเองคร๊า... บ่องตง!! ไม่เคยกินอะไรได้เกลี้ยงงงง ชามขนาดนี้เบย...
"สุขใดหรือจะเท่า สุขที่เราได้กินของโปรด"
ขอบคุณที่ติดตาม
สวัสดีค่ะ
@ เมนูในความทรงจำ แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา...........มะกะโรนี+ต้มจิ๋ว (Fusion Food)
วันนี้ป้าเน็ทมาชวนทำอาหารแบบผสมผสาน ร่วมสมัย ใน Style Fusion Food กันค่ะ
ของแบบนี้เราสามารถทำกินเองในบ้านได้อย่างสบายๆ อร่อยได้ง่ายๆในครัวบ้านคุณเอง
การจะกินอาหารฟิวชั่นไม่จำเป็นต้องไปนั่งร้านหรูหรานอกบ้าน อาหารแนวๆนี้มักถูกตกแต่งอย่างมีสไตล์ เก๋ไก๋เข้ากับอาหาร
จึงทำให้ร้านอาหารแนวฟิวชั่นฟู้ดเป็นที่นิยมกันอย่างมาก แต่วันนี้ลองมาทำกินเองแบบบ้านๆ กับป้าเน็ทนะคะ...
"มะกะโรนี + ต้มจิ๋ว"
เขาว่ากันว่า...เป็นอาหารโบราณนะคะ จะมีรสชาติคล้ายต้มยำปนต้มจืด คือรสจะไม่จัดจ้านแบบต้มยำ
เสียที่เดียวหรอกค่ะ แน่ะ!! คนไทยสมัยก่อนรู้จักทำอาหารแนวฟิวชั่นมาตั้งนานแล้ว มิน่าป้าเน็ทเองเคยกินมาตั้งแต่จำความได้แน่ะ
ส่วนใหญ่จะได้กินช่วงหลังส่างไข้ค่ะ ยิ่งอากาศหนาวๆ ได้ซดเข้าไปสักโฮกนึงละก็สวรรค์ชัดๆ ทีเดียวค่ะ
เจ้าพาสต้านี้มันมีชือเรียกหลายชื่อจัง ป้าเน็ทละงงจริงๆ ค่ะ แต่วันนี้เลือกตัวนี้มาผสมกับต้มจิ๋ว
เพราะป้าเน็ทชอบเจ้าข้องอนี่มากกว่าเพื่อนค่ะ และรู้สึกว่ามันจะเข้ากันได้ดีกะต้มจิ๋วนะคะ หรือใครจะเลือกเป็นแบบอื่นก็ได้
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ มันเทศค่ะ
วัตถุดิบมีดังนี้ค่ะ จะขาด จะเกินบ้างไม่ว่ากันนะค๊า...
- ซี่โครงหมู
- มันเทศ หอมแดง
- น้ำมะขาม มะนาว เกลือ น้ำปลา
- ใบกระเพรา ใบโหระพา พริกขี้หนู
เส้นมันจะได้ไม่ติดกัน(ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นหรอกค่ะ) ป้าเน็ทเว่อร์ไปงั้นเอ้ง!!
จะกินเมื่อไรค่อยนำมาผสมกับต้มจิ๋ว เพราะบางบ้านคนกินไม่พร้อมกันนี่คะ..
และนำมันเทศที่ได้มาแช่ "น้ำปูนใส" สักพักเพื่อให้ชิ้นมันเทศคงรูปไม่เละ ยุ่ย เดี๋ยวดูตอนสุกได้ค่ะ..
ลงในถ้วยเวลาเราจะทานค่ะ ด้วยการที่ป้าเน็ทใช้มันเทศที่เขาเรียกว่ามันญี่ปุ่นนี้ มันทำให้มีรสหวานมากๆ เลยค่ะ
คนที่ไม่ชอบทานหวานมาก ใช้มันเทศของไทยน่าจะดีกว่าค่ะ สังเกตุดูชิ้นมันนะคะ เคี่ยวจนเปื่อยก็ไม่เละค่ะ
พรุ่งนี้วันหยุด คุณแม่บ้านอย่าลืมทำให้พวกลูกๆ ทานกันนะคะ อ้อ!! คุณสามีทานด้วยค๊า...
ขอบคุณที่ติดตาม
สวัสดีค่ะ