เราไปเจอบทความนี้มา เค้าแปลมาจากเว็บของ CNN money แล้วก็ถึงบางอ้อเลย ว่าทำไมไปซื้อเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์แพงๆพนักงานเค้าถึงทำแบบนั้นกับเรา การตลาดล้ำลึกจริงๆ -_-
รู้ไหม? ทำไมพนักงานขายของแบรนด์เนมบริการไม่ดีแต่ก็ยังมีคนซื้อ
สาวๆเคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมร้านแบรนด์เนมหรูๆหรือร้านเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ทั้งหลายที่ปฏิบัติกับลูกค้าแบบเราๆอย่างไม่ค่อยน่ารักนัก บ้างก็ไม่ค่อยสนใจเราแต่หันไปบริการกับลูกค้าอีกคนที่แต่งตัวดีกว่า บ้างก็พูดจาไม่ค่อยดีใส่บ้างล่ะ แต่ก็ยังมีคนซื้อสินค้าของแบรนด์นั้นๆอย่างไม่ขาดสาย วันนี้ Girlsallaround.com มีคำตอบมาบอกสาวๆกันค่ะ
ผลการศึกษาวิจัยของสองศาสตราจารย์จาก Southern Methodist University และ University of British Columbia เมื่อเร็วๆนี้ออกมาว่ายิ่งพนักงานขายของแบรนด์เนมปฏิบัติตัวไม่สุภาพกับลูกค้าเท่าไหร่ ลูกค้ายิ่งมีความต้องการอยากซื้อมากขึ้นเท่านั้น การตลาดนี้เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าอยากพิสูจน์ตัวเอง ว่าตนก็มีกำลังซื้อมากพอที่จะเข้าไปอยู่ใน “คลับเฉพาะของคนมีเงิน” นั้น
ลองมาดูเหตุการณ์จริงที่ศาสตราจารย์ Morgan Ward ไปสัมภาษณ์ McKenzie Kirby สาวจากมหาวิทยาลัย Urbana วัย 21 ปีกันดูนะคะ
“ตอนนั้นฉันอยู่ในห้าง Neiman Marcus ฉันแต่งตัวดีเชียวล่ะ สะพายกระเป๋าพราด้าคู่กับรองเท้าสวยๆเดินเข้าไปถามพนักงานขายเกี่ยวกับสกินแคร์เขากลับตอบมาว่าที่ฉันมาถามเรื่องสกินแคร์แต่ไม่สนใจเครื่องสำอางเนี่ย ก็เพราะมันแพงไปสำหรับฉันใช่มั้ยล่ะ ตอนนั้นฉันโกรธมาก ฉันเลยหยิบอายไลน์ เนอร์ราคา 45 ดอลวางลงตรงหน้าเขาแล้วบอกว่าจะเอาอันนี้ เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าฉันก็มีปัญญาซื้อ” Kirby กล่าว
“นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำให้ลูกค้าอยากพิสูจน์ตัวเองว่าตนสามารถมีเงินมากพอที่คู่ควรจะจ่ายให้แบรนด์หรูเหล่านั้นได้เป็นการตลาดอย่างดีเยี่ยมสำหรับสินค้าหรูหราพวกนี้ อย่างเช่นแบรนด์ หลุยส์ วิตตองหรือกุชชี่” ศาสตารจารย์ Darren Dahl ผู้ทำการวิจัยนี้อีกคนหนึ่งกล่าว
ยกตัวอย่างอีกหนึ่งปัจจัยก็คือ แบรนด์หลุยส์ วิตตอง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 150 ปี “ไม่เคยลดราคาแม้แต่สักครั้งเดียว” เพราะหลุยส์ วิตตอง เชื่อ มั่นในตัวของสินค้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนสินค้าของ หลุยส์ วิตตอง ก็ไม่มีวันที่จะราคาตก ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้เลยว่าสินค้าจะไม่มีวันล้าสมัย และยังคงใหม่อยู่เสมอ และก็ไม่มีนโยบายการให้ของแถมติดไปกับสินค้าหรือการขายสินค้าเป็นเซต ซึ่งเป็นอีกนัยหนึ่งของการลดราคาอีกด้วย
นอกจากนี้หลุยส์ วิตตองยังได้กำหนดกลยุทธ์ในการตลาดด้านอื่นๆ เช่น ห้ามโฆษณาทางโทรทัศน์เหมือนสินค้าอย่างสบู่ แชมพู อาหารทั่วๆไปโดยเด็ดขาด เพื่อจะสื่อว่าสินค้าระดับ หลุยส์ วิตตอง เป็นสินค้าที่เฉพาะกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้น รวมถึงการจำกัดจำนวนลูกค้าภายในร้านเพื่อสร้างบรรยากาศสบายๆไม่แออัดขณะเลือกซื้อสินค้า ลูกค้าบางส่วนจึงต้องจำเป็นยืนรอคิวอยู่หน้าร้านก่อนจนกว่าลูกค้าภายในร้านจะซื้อเสร็จ
อนึ่ง เมื่อ CNN money ติดต่อทาง กุชชี่,หลุยส์ วิตตอง และเบอร์เบอร์รี่ไป เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับชิ้นงานวิจัยนี้ ทางบริษัทก็ไม่ได้ตอบกลับมาแต่อย่างใด
ที่มา:
http://www.girlsallaround.com/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5/
เออนางแรงนะ ส่งไปถามคอมเม้นไม่ตอบกลับด้วย555 เราเคยอ่านเจอเพื่อนในพันทิปตั้งกระทู้คอมเพลนเกี่ยวกับบีเอแบรนด์ดังๆหลายกระทู้ ตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไมเค้าไม่ปรับปรุงนะ การตลาดล้วนๆนี่เองๆ สาวๆรู้แล้วก็มีสติกันด้วยนะคะ >_< อย่าให้เค้าทำเราหมดตัว (แต่เชื่อว่าโดนกันไปแล้วหลายราย5555)
รู้ละ ว่าทำไมบีเอเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ถึงบริการเราแบบไม่ค่อยดี
สาวๆเคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมร้านแบรนด์เนมหรูๆหรือร้านเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ทั้งหลายที่ปฏิบัติกับลูกค้าแบบเราๆอย่างไม่ค่อยน่ารักนัก บ้างก็ไม่ค่อยสนใจเราแต่หันไปบริการกับลูกค้าอีกคนที่แต่งตัวดีกว่า บ้างก็พูดจาไม่ค่อยดีใส่บ้างล่ะ แต่ก็ยังมีคนซื้อสินค้าของแบรนด์นั้นๆอย่างไม่ขาดสาย วันนี้ Girlsallaround.com มีคำตอบมาบอกสาวๆกันค่ะ
ผลการศึกษาวิจัยของสองศาสตราจารย์จาก Southern Methodist University และ University of British Columbia เมื่อเร็วๆนี้ออกมาว่ายิ่งพนักงานขายของแบรนด์เนมปฏิบัติตัวไม่สุภาพกับลูกค้าเท่าไหร่ ลูกค้ายิ่งมีความต้องการอยากซื้อมากขึ้นเท่านั้น การตลาดนี้เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าอยากพิสูจน์ตัวเอง ว่าตนก็มีกำลังซื้อมากพอที่จะเข้าไปอยู่ใน “คลับเฉพาะของคนมีเงิน” นั้น
ลองมาดูเหตุการณ์จริงที่ศาสตราจารย์ Morgan Ward ไปสัมภาษณ์ McKenzie Kirby สาวจากมหาวิทยาลัย Urbana วัย 21 ปีกันดูนะคะ
“ตอนนั้นฉันอยู่ในห้าง Neiman Marcus ฉันแต่งตัวดีเชียวล่ะ สะพายกระเป๋าพราด้าคู่กับรองเท้าสวยๆเดินเข้าไปถามพนักงานขายเกี่ยวกับสกินแคร์เขากลับตอบมาว่าที่ฉันมาถามเรื่องสกินแคร์แต่ไม่สนใจเครื่องสำอางเนี่ย ก็เพราะมันแพงไปสำหรับฉันใช่มั้ยล่ะ ตอนนั้นฉันโกรธมาก ฉันเลยหยิบอายไลน์ เนอร์ราคา 45 ดอลวางลงตรงหน้าเขาแล้วบอกว่าจะเอาอันนี้ เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าฉันก็มีปัญญาซื้อ” Kirby กล่าว
“นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำให้ลูกค้าอยากพิสูจน์ตัวเองว่าตนสามารถมีเงินมากพอที่คู่ควรจะจ่ายให้แบรนด์หรูเหล่านั้นได้เป็นการตลาดอย่างดีเยี่ยมสำหรับสินค้าหรูหราพวกนี้ อย่างเช่นแบรนด์ หลุยส์ วิตตองหรือกุชชี่” ศาสตารจารย์ Darren Dahl ผู้ทำการวิจัยนี้อีกคนหนึ่งกล่าว
ยกตัวอย่างอีกหนึ่งปัจจัยก็คือ แบรนด์หลุยส์ วิตตอง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 150 ปี “ไม่เคยลดราคาแม้แต่สักครั้งเดียว” เพราะหลุยส์ วิตตอง เชื่อ มั่นในตัวของสินค้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนสินค้าของ หลุยส์ วิตตอง ก็ไม่มีวันที่จะราคาตก ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้เลยว่าสินค้าจะไม่มีวันล้าสมัย และยังคงใหม่อยู่เสมอ และก็ไม่มีนโยบายการให้ของแถมติดไปกับสินค้าหรือการขายสินค้าเป็นเซต ซึ่งเป็นอีกนัยหนึ่งของการลดราคาอีกด้วย
นอกจากนี้หลุยส์ วิตตองยังได้กำหนดกลยุทธ์ในการตลาดด้านอื่นๆ เช่น ห้ามโฆษณาทางโทรทัศน์เหมือนสินค้าอย่างสบู่ แชมพู อาหารทั่วๆไปโดยเด็ดขาด เพื่อจะสื่อว่าสินค้าระดับ หลุยส์ วิตตอง เป็นสินค้าที่เฉพาะกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้น รวมถึงการจำกัดจำนวนลูกค้าภายในร้านเพื่อสร้างบรรยากาศสบายๆไม่แออัดขณะเลือกซื้อสินค้า ลูกค้าบางส่วนจึงต้องจำเป็นยืนรอคิวอยู่หน้าร้านก่อนจนกว่าลูกค้าภายในร้านจะซื้อเสร็จ
อนึ่ง เมื่อ CNN money ติดต่อทาง กุชชี่,หลุยส์ วิตตอง และเบอร์เบอร์รี่ไป เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับชิ้นงานวิจัยนี้ ทางบริษัทก็ไม่ได้ตอบกลับมาแต่อย่างใด
ที่มา: http://www.girlsallaround.com/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5/
เออนางแรงนะ ส่งไปถามคอมเม้นไม่ตอบกลับด้วย555 เราเคยอ่านเจอเพื่อนในพันทิปตั้งกระทู้คอมเพลนเกี่ยวกับบีเอแบรนด์ดังๆหลายกระทู้ ตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไมเค้าไม่ปรับปรุงนะ การตลาดล้วนๆนี่เองๆ สาวๆรู้แล้วก็มีสติกันด้วยนะคะ >_< อย่าให้เค้าทำเราหมดตัว (แต่เชื่อว่าโดนกันไปแล้วหลายราย5555)