กรณี"คนมหาดไทย" สังเวยกรรมที่ไม่ได้ก่อ

กระทู้คำถาม


สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครองในขณะนั้น นายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมการปกครอง และผู้เข้าสอบและผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอ จำนวน 119 คน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161 และ 162(1)(4) ฐานทุจริตต่อหน้าที่และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และมูลความผิดทางอาญา ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

โดยในการพิจารณาคดีได้มีการกันบุคคลจำนวนหนึ่งไว้เป็นพยานในคดี คือ นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ และผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกจำนวน 20 คน เพื่อให้ข้อมูลในการพิจารณาคดี โดยไม่มีการชี้มูลควมากที่สุด และจะเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการที่ร่วมกระทำผิด ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการสอบสวนการทุจริต

คดีนี้เป็นการสอบสวนการสอบเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอ (นอ.) รุ่น 68-70 เมื่อปี 2552 โดยมีผู้ผ่านการอบรมร่วม 300 คน แต่ในภายหลังมีการร้องเรียนว่ามีการทุจริต เมื่อมีการตรวจสอบพบว่ามีการแก้ไขข้อสอบ จากผู้ไม่มีอำนาจ และกระดาษคำตอบมีการเขียนลายมือเหมือนกัน และมีคำตอบเหมือนกันเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่ากระบวนการนี้ย่อมมีการทุจริตเกิดขึ้น ทว่าจะเป็นการทุจริตจากจุดใด

หลังจากการชี้มูล นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ได้ออกมาตอบโต้ทันทีว่า การสอบสวนไต่สวนของ ป.ป.ช.ทำโดยมิชอบ มีวาระซ่อนเร้น และไม่ให้ความเป็นธรรม เนื่องจากเรื่องนี้เหตุเกิดจากมีกรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่ง ได้มาขอฝากลูกตัวเองเข้าโรงเรียนนายอำเภอกับนายวงศ์ศักดิ์ แต่นายวงศ์ให้ไม่ได้ กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าวจึงโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว

สุดท้าย นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง มีคำสั่งไล่ออกข้าราชการทั้ง 119 คน รวมถึงนายครรชิต สลับแสง และนายสำราญ ตันเรืองศรี ส่วนนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ เป็นคำสั่งไล่ออกจากนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

กรณีนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคำตัดสินของ ป.ป.ช.เกินกว่าเหตุ เพราะข้าราชการ 119 คนที่โดนลงโทษไปด้วยนั้น ไม่สมควรมีจะลงโทษไล่ออก เพราะบางคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝั่งตรงข้าม และพยายามที่จะโยงถึงนักการเมือง แต่ไปไม่ถึง ทำให้ "เด็ก" ต้องเป็น "แพะ" แทน ทั้งที่บางคนยังมีอนาคตอีกไกล

ความหวังที่เหลืออยู่ตอนนี้คือข้าราชการ 119 คน ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) เพื่ออุทธรณ์คำสั่งอธิบดีกรมการปกครอง ที่มีคำสั่งไล่ออก ให้เป็นคำสั่งปลดออกแทน เพราะส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคน วัยทำงาน นอกจากนี้ ผู้ถูกชี้มูลทั้งหมดได้ฟ้องศาลอาญาเอาผิดอนุกรรมการ ป.ป.ช. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนข้าราชการที่รอดพ้นจากการชี้มูลในครั้งนี้ ต้องใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าจะได้รับการบรรจุ ในตำแหน่งชำนาญการพิเศษ หรือ 8ว. ในช่วงเดือนตุลาคมหรือไม่ เพราะมีการปล่อยข่าวไปทั่วว่าการอบรมในครั้งนี้จะเป็นโมฆะทั้งหมด เพราะมีการทุจริตในการสอบ

แต่ยังมีการเอาใจช่วยลุ้นให้ นอ.รุ่น 68-70 ยังมีอยู่ต่อไป โดยระบุว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่จะต้องได้รับผลกรรม ทำให้หมดกำลังใจเสียทั้งเวลาและเสียโอกาส

พร้อมกับเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณา โดยไม่ใช้อคติเรื่องสถาบันการศึกษาเป็นที่ตั้ง ทุกวันนี้โลกกว้างขึ้น ทุกสถาบันการศึกษา ล้วนมีเจตนาทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ

หน้า 8 มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2557  


*** เพราะอะไร ***
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1403434717  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่