ผมได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ Honda Jazz จากไฟแนนซ์ของบริษัทไทยสมุทร เลขที่สัญญา 15992/52 ตกลงผ่อนชำระเป็นจำนวน 60 งวด ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ เหลือค่างวดอีกประมาณ 6 งวด
ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมก็เคยมีการชำระล่าช้าบ้าง แต่ก็มีการบอกกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทอยู่ตลอด เนื่องจากกลัวว่าเรื่องจะไปถึงแผนกติดตามรถยนต์
และในปัจจุบันนี้ผมมีความต้องการจะปิดยอดเช่าซื้อทั้งหมดที่เหลือ แต่เมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องชำระค่างวดที่ค้าง พร้อมกับค่าปรับและค่าธรรมเนียมหนังสือ รวมจำนวนถึง 36,070 บาท โดยแบ่งออกเป็นค่าปรับจำนวน 11,170 บาท และค่าหนังสืออีก 26,800 บาท
ซึ่งบริษัทคิดค่าหนังสือแจ้งผมถึงเดือนละ 900 บาท ซึ่งจากการที่ผมได้ศึกษาหาข้อมูลด้านกฏหมาย ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พศ.2543 ข้อ 3 (8) ได้กำหนดให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการทวงถามรวมทั้งค่าหนังสือบอกเลิกสัญญาให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ ทั้งนี้มีสิทธิ์เรียกเก็บได้ไม่เกินค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปจริง และมีเหตุอันควร
ผมจึงได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัท ว่าเหตุใดค่าหนังสือถึงแพงถึงเดือนละ 900 บาท และขอให้แจกแจงค่าใช้จ่ายให้ฟัง แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าเป็นข้อมูลภายในไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ ผมจึงบอกว่าค่าธรรมเนียมสูงขนาดนี้พอจะลดให้ได้มั๊ย แต่เจ้าหน้าที่ยืนกรานว่าไม่ได้ และบอกผมว่าถ้าทุกคนมาขอลดกันหมด บริษัทไม่แย่หรอ
เรื่องนี้ผมสรุปได้ดังนี้ครับ
1.ผมอ่านในสัญญาเช่าซื้ออย่างละเอียดแล้ว มีเพียงการกำหนดค่าปรับไว้ แต่ไม่ได้มีการระบุการเรียกค่าหนังสือเลย นั่นหมายความว่า ถ้าบริษัทเรียกเก็บฉบับละ 5,000 ผู้เช่าซื้อก็ต้องจ่ายหรอครับ
2.ในเมื่อกฏหมายกำหนดให้ไฟแนนซ์เรียกเก็บค่าทวงถามได้ไม่เกินที่ใช้จ่ายไปจริง เหตุใดบริษัทถึงคิดค่าหนังสือแพงถึงเดือนละ 900 บาท ทั้งๆที่เคสของผม ผมมีการบอกกล่าวไปยังบริษัทตลอดเวลา และเรื่องก็ยังไม่ได้ไปถึงฝ่ายติดตาม กับแค่จดหมายมีค่าใช้จ่ายมากถึง 900 บาทเชียวหรือ เมื่อผมขอให้เจ้าหน้าที่แจกแจงรายละเอียดให้ฟัง ก็พูดเอาง่ายๆว่า เรื่องภายในไม่จำเป็นต้องบอกลูกค้า อ้าว ไม่จำเป็นได้ยังไงครับ ผมต้องจ่ายค่าธรรมเนียมถึง สามหมื่นกว่าบาทนะครับ
ทุกๆท่านครับเมื่อเราตกลงผ่อนรถกับไฟแนนซ์ ไฟแนนซ์ก็คิดดอกเบี้ยกับเราอยู่แล้ว ไม่ใช่ถูกๆนะครับ เป็นแสนๆบาท เมื่อเราชำระล่าช้าเค้าก็คิดค่าปรับเรา คิดเป็นรายวันเลยทีเดียว แล้วเหตุใดถึงมาหากินบนความขัดสนของชาวบ้าน ด้วยการคิดค่าหนังสืออีกเดือนละ 900 รวมแล้วเป็นสามหมื่นกว่าบาท ทั้งๆที่กฏหมายกำหนดให้เรียกเก็บเพียงเท่าที่มีค่าใช้จ่ายจริง แต่บริษัทไฟแนนซ์ของไทยสมุทร ยังฉวยโอกาสคิดค่าหนังสือแพงๆ ทั้งๆที่ความจริงไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย
ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ไปยื่นคำร้องไว้ที่สคบ.แล้วครับ
ไม่ทราบว่าทุกๆท่าน พอจะมีวิธีการดำเนินการกับบริษัทที่ฉวยโอกาสหากำไรจากผู้เช่าซื้อตาดำๆอย่างไรบ้างครับ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ให้คนไทยไม่ถูกบริษัทไฟแนนซ์เอาเปรียบ หากินบนความเดือดร้อนแบบนี้ครับ
ใครเคยเจอค่าธรรมเนียมจดหมายที่เป็นธรรมจากไฟแนนซ์บ้าง
ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมก็เคยมีการชำระล่าช้าบ้าง แต่ก็มีการบอกกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทอยู่ตลอด เนื่องจากกลัวว่าเรื่องจะไปถึงแผนกติดตามรถยนต์
และในปัจจุบันนี้ผมมีความต้องการจะปิดยอดเช่าซื้อทั้งหมดที่เหลือ แต่เมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องชำระค่างวดที่ค้าง พร้อมกับค่าปรับและค่าธรรมเนียมหนังสือ รวมจำนวนถึง 36,070 บาท โดยแบ่งออกเป็นค่าปรับจำนวน 11,170 บาท และค่าหนังสืออีก 26,800 บาท
ซึ่งบริษัทคิดค่าหนังสือแจ้งผมถึงเดือนละ 900 บาท ซึ่งจากการที่ผมได้ศึกษาหาข้อมูลด้านกฏหมาย ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พศ.2543 ข้อ 3 (8) ได้กำหนดให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการทวงถามรวมทั้งค่าหนังสือบอกเลิกสัญญาให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ ทั้งนี้มีสิทธิ์เรียกเก็บได้ไม่เกินค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปจริง และมีเหตุอันควร
ผมจึงได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัท ว่าเหตุใดค่าหนังสือถึงแพงถึงเดือนละ 900 บาท และขอให้แจกแจงค่าใช้จ่ายให้ฟัง แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าเป็นข้อมูลภายในไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ ผมจึงบอกว่าค่าธรรมเนียมสูงขนาดนี้พอจะลดให้ได้มั๊ย แต่เจ้าหน้าที่ยืนกรานว่าไม่ได้ และบอกผมว่าถ้าทุกคนมาขอลดกันหมด บริษัทไม่แย่หรอ
เรื่องนี้ผมสรุปได้ดังนี้ครับ
1.ผมอ่านในสัญญาเช่าซื้ออย่างละเอียดแล้ว มีเพียงการกำหนดค่าปรับไว้ แต่ไม่ได้มีการระบุการเรียกค่าหนังสือเลย นั่นหมายความว่า ถ้าบริษัทเรียกเก็บฉบับละ 5,000 ผู้เช่าซื้อก็ต้องจ่ายหรอครับ
2.ในเมื่อกฏหมายกำหนดให้ไฟแนนซ์เรียกเก็บค่าทวงถามได้ไม่เกินที่ใช้จ่ายไปจริง เหตุใดบริษัทถึงคิดค่าหนังสือแพงถึงเดือนละ 900 บาท ทั้งๆที่เคสของผม ผมมีการบอกกล่าวไปยังบริษัทตลอดเวลา และเรื่องก็ยังไม่ได้ไปถึงฝ่ายติดตาม กับแค่จดหมายมีค่าใช้จ่ายมากถึง 900 บาทเชียวหรือ เมื่อผมขอให้เจ้าหน้าที่แจกแจงรายละเอียดให้ฟัง ก็พูดเอาง่ายๆว่า เรื่องภายในไม่จำเป็นต้องบอกลูกค้า อ้าว ไม่จำเป็นได้ยังไงครับ ผมต้องจ่ายค่าธรรมเนียมถึง สามหมื่นกว่าบาทนะครับ
ทุกๆท่านครับเมื่อเราตกลงผ่อนรถกับไฟแนนซ์ ไฟแนนซ์ก็คิดดอกเบี้ยกับเราอยู่แล้ว ไม่ใช่ถูกๆนะครับ เป็นแสนๆบาท เมื่อเราชำระล่าช้าเค้าก็คิดค่าปรับเรา คิดเป็นรายวันเลยทีเดียว แล้วเหตุใดถึงมาหากินบนความขัดสนของชาวบ้าน ด้วยการคิดค่าหนังสืออีกเดือนละ 900 รวมแล้วเป็นสามหมื่นกว่าบาท ทั้งๆที่กฏหมายกำหนดให้เรียกเก็บเพียงเท่าที่มีค่าใช้จ่ายจริง แต่บริษัทไฟแนนซ์ของไทยสมุทร ยังฉวยโอกาสคิดค่าหนังสือแพงๆ ทั้งๆที่ความจริงไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย
ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ไปยื่นคำร้องไว้ที่สคบ.แล้วครับ
ไม่ทราบว่าทุกๆท่าน พอจะมีวิธีการดำเนินการกับบริษัทที่ฉวยโอกาสหากำไรจากผู้เช่าซื้อตาดำๆอย่างไรบ้างครับ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ให้คนไทยไม่ถูกบริษัทไฟแนนซ์เอาเปรียบ หากินบนความเดือดร้อนแบบนี้ครับ