หุ้น IPO - ทำไมไม่แบ่งให้เป็นธรรม!!! รายย่อยควรมีโอกาสได้กำไรเป็นเท่าตัวบ้างสิ
ช่วงนี้หุ้น IPO ร้อนแรงเกินห้ามใจ เข้าตลาดมากี่ตัวก็บวกกันระเบิดระเบ้อ จนทำให้หุ้น IPO กลายเป็นของหายากที่ผู้คนล้วนไขว่คว้าอยากได้มาเป็นเจ้าของ
ตามมาด้วยเสียงโอดครวญจากฝูงเม่าน้อยๆทั้งหลายว่า ทำไมรายย่อยถึงไม่ได้หุ้นจองเลย มีหุ้นก็แจกแต่รายใหญ่ รายใหญ่รวยแล้วก็มีแต่จะรวยขึ้นไปอีก ทำไมไม่ใช้หลักการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง ให้คนธรรมดาสามัญได้มีโอกาสกำไรจากหุ้นจองบ้าง
จนมีคนกล่าวกันว่า หุ้น IPO ตัวไหนที่รายย่อยได้กันเยอะๆ อย่าเอา!!! เพราะมันไม่ดี มันถึงได้หลุดมาถึงมือรายย่อย
นั่นคือสิ่งที่รายย่อยต้อง "ทำใจ" นะครับ ผมไม่ได้มาพูดถึงเรื่องของความยุติธรรมหรืออะไรหรอก
แต่ผมอยากให้คิดตามนิดนึงนะ
- ถ้าหุ้นอยู่ในมือรายย่อยทั้งหมด รายย่อยมีพลังพอที่จะไล่ราคาหุ้นในวันที่เปิดตลาดหรือไม่??
- รายย่อยคือลูกค้ารายเล็ก ที่ต่างความคิด คนนี้อาจอยากขาย คนนี้อาจอยากรอ มันไม่สามารถควบคุมราคาหุ้นได้เหมือนนักลงทุนรายใหญ่
- IPO ที่เห็นราคาบวกกันที่เป็นเท่าตัว มันเกิดจากการที่รายใหญ่เขาได้หุ้นไปเยอะ แล้วเขา "คุมหุ้นอยู่" จำไว้เลยว่า ถ้าไม่มี "รายใหญ่" คอยคุมราคาไว้ จะอาศัยกำลังของรายย่อยอย่างเดียว หุ้น IPO ไม่มีตัวใดสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน
ฉะนั้น รายย่อยเลิกคิดน้อยใจเลยนะครับ ว่าทำไมเราไม่ได้หุ้น ทำไมเขาแบ่งให้เราบ้าง แล้วก็ไปนั่งฝันถึง IPO หลายๆตัวที่ผ่านมาที่ให้ผลตอบแทนสูงลิบ จำไว้เลย ยิ่งหุ้นกระจายมือไปมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะขึ้นก็น้อยเท่านั้น
ดังนัน นักลงทุนรายใหญ่จึงมีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการกระจายหุ้น IPO เพราะหากไม่มีนักลงทุนเหล่านี้ รายย่อยที่จองหุ้น อาจแทบไม่ได้กำไรเลยจากหุ้นจอง หรือดีไม่ดีจะขาดทุนเสียด้วยซ้ำ
ถ้าใครจำได้ หุ้นสุกี้ MK หรือหุ้น M ในกระดาน ตอนนั้นเอเซียพลัสเห็นว่า หุ้นตัวนี้ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ก็พยายามกระจายหุ้นให้รายย่อยได้หุ้นกันเยอะๆ โดยกระจายให้นักลงทุนสถาบันน้อยมาก และนักลงทุนรายใหญ่ก็ได้แบบกระจายๆกันไป เพราะจำนวนหุ้นค่อนข้างเยอะ
พอเข้าตลาดแล้วเป็นไง ได้เต็มที่ 10%
จะบอกว่าเพราะ MK มันเต็มมูลค่า มีอัพไซด์น้อยตอนเข้าตลาด
เอิ่ม IPO ทุกตัวที่เข้าตลาดมันมีส่วนลดก็ไม่เกิน 20 - 30% จากราคาเหมาะสมเหมือนกันทุกตัวล่ะครับ (ในทางหลักการคำนวณราคาพื้นฐานนะ) ลองคิดดูสิ เจ้าของที่ไหนจะยอมขายให้มีส่วนลดเยอะๆ ให้คนอื่นรวย แต่บริษัทได้เงินน้อย (เว้นแต่เจ้าของที่เก็งกำไรหุ้นตัวเองด้วย)
แต่สาเหตุที่ M ให้ผลตอบแทนได้แค่นั้น เพราะหุ้นถูกกระจายอยู่ในมือรายย่อยมากจนเกิดไป มันเลยออกอาการตื้อ ไม่ไปไหน
จำไว้เลยนะครับ สำหรับรายใหญ่ การได้หุ้นตอน IPO กับการมาไล่ซื้อในกระดานในวันแรก ความรู้สึกมันต่างกันมากนะ บางทีเขาอยากได้ตอน IPO แล้วไม่ได้ พอหุ้นเข้าตลาดเปิดไม่ได้สูงกว่าจองเท่าไหร่ แต่รายใหญ่อาจไม่อยากได้หุ้นแล้วก็เป็นได้
ดังนั้น ผมไม่อยากให้รายย่อยอย่างเราโอดโอยกันมากกับการได้หุ้น IPO เทรดให้เยอะ เดี๋ยวก็ได้เอง ถ้าเทรดไม่ถึงเกณฑ์มันก็ไม่ได้ และการเปิดโบรก มันคือธุรกิจนะครับ จะเรียกร้องหาความยุติธรรมคงเป็นไปไม่ได้ ลูกค้ารายใหญ่เป็นผู้มีอุปการะคุณต่อโบรกมาก เขาย่อมต้องได้รับการตอบแทนที่มาก เพราะบางทีการเสียลูกค้ารายใหญ่ไปแค่รายเดียว อาจทำให้โบรกบางแห่งสั่นคลอนได้เลยทีเดียว
สำหรับรายย่อย เราค่อยๆสร้างพอร์ตนะครับ แล้วเราจะค่อยๆใหญ่ขึ้น ใครจะไปรู้วันนึงเราอาจจะเป็นรายใหญ่กับเขาบ้างก็ได้ เพราะหากเราดูประวัติของพวกรายใหญ่ในปัจจุบัน เขาไม่ได้มีเป็นร้อยกันมาก่อนนะ บางคนเขาสร้างพอร์ตจากเงินหลักแสนจนมีเป็นพันล้านเลย
ว่าแต่ ทำไมครั้งนี้ผมไม่ได้ PCA กับ SAPPE หว่า เดี๋ยวขอโทรไปถามมาร์ก่อน 55555
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความ : Wattana Stock Page (facebook) ด้วยครับ
หุ้น IPO - ทำไมไม่แบ่งให้เป็นธรรม!!! รายย่อยควรมีโอกาสได้กำไรเป็นเท่าตัวบ้างสิ [กระทู้บอกเล่า]
ช่วงนี้หุ้น IPO ร้อนแรงเกินห้ามใจ เข้าตลาดมากี่ตัวก็บวกกันระเบิดระเบ้อ จนทำให้หุ้น IPO กลายเป็นของหายากที่ผู้คนล้วนไขว่คว้าอยากได้มาเป็นเจ้าของ
ตามมาด้วยเสียงโอดครวญจากฝูงเม่าน้อยๆทั้งหลายว่า ทำไมรายย่อยถึงไม่ได้หุ้นจองเลย มีหุ้นก็แจกแต่รายใหญ่ รายใหญ่รวยแล้วก็มีแต่จะรวยขึ้นไปอีก ทำไมไม่ใช้หลักการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง ให้คนธรรมดาสามัญได้มีโอกาสกำไรจากหุ้นจองบ้าง
จนมีคนกล่าวกันว่า หุ้น IPO ตัวไหนที่รายย่อยได้กันเยอะๆ อย่าเอา!!! เพราะมันไม่ดี มันถึงได้หลุดมาถึงมือรายย่อย
นั่นคือสิ่งที่รายย่อยต้อง "ทำใจ" นะครับ ผมไม่ได้มาพูดถึงเรื่องของความยุติธรรมหรืออะไรหรอก
แต่ผมอยากให้คิดตามนิดนึงนะ
- ถ้าหุ้นอยู่ในมือรายย่อยทั้งหมด รายย่อยมีพลังพอที่จะไล่ราคาหุ้นในวันที่เปิดตลาดหรือไม่??
- รายย่อยคือลูกค้ารายเล็ก ที่ต่างความคิด คนนี้อาจอยากขาย คนนี้อาจอยากรอ มันไม่สามารถควบคุมราคาหุ้นได้เหมือนนักลงทุนรายใหญ่
- IPO ที่เห็นราคาบวกกันที่เป็นเท่าตัว มันเกิดจากการที่รายใหญ่เขาได้หุ้นไปเยอะ แล้วเขา "คุมหุ้นอยู่" จำไว้เลยว่า ถ้าไม่มี "รายใหญ่" คอยคุมราคาไว้ จะอาศัยกำลังของรายย่อยอย่างเดียว หุ้น IPO ไม่มีตัวใดสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน
ฉะนั้น รายย่อยเลิกคิดน้อยใจเลยนะครับ ว่าทำไมเราไม่ได้หุ้น ทำไมเขาแบ่งให้เราบ้าง แล้วก็ไปนั่งฝันถึง IPO หลายๆตัวที่ผ่านมาที่ให้ผลตอบแทนสูงลิบ จำไว้เลย ยิ่งหุ้นกระจายมือไปมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะขึ้นก็น้อยเท่านั้น
ดังนัน นักลงทุนรายใหญ่จึงมีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการกระจายหุ้น IPO เพราะหากไม่มีนักลงทุนเหล่านี้ รายย่อยที่จองหุ้น อาจแทบไม่ได้กำไรเลยจากหุ้นจอง หรือดีไม่ดีจะขาดทุนเสียด้วยซ้ำ
ถ้าใครจำได้ หุ้นสุกี้ MK หรือหุ้น M ในกระดาน ตอนนั้นเอเซียพลัสเห็นว่า หุ้นตัวนี้ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ก็พยายามกระจายหุ้นให้รายย่อยได้หุ้นกันเยอะๆ โดยกระจายให้นักลงทุนสถาบันน้อยมาก และนักลงทุนรายใหญ่ก็ได้แบบกระจายๆกันไป เพราะจำนวนหุ้นค่อนข้างเยอะ
พอเข้าตลาดแล้วเป็นไง ได้เต็มที่ 10%
จะบอกว่าเพราะ MK มันเต็มมูลค่า มีอัพไซด์น้อยตอนเข้าตลาด
เอิ่ม IPO ทุกตัวที่เข้าตลาดมันมีส่วนลดก็ไม่เกิน 20 - 30% จากราคาเหมาะสมเหมือนกันทุกตัวล่ะครับ (ในทางหลักการคำนวณราคาพื้นฐานนะ) ลองคิดดูสิ เจ้าของที่ไหนจะยอมขายให้มีส่วนลดเยอะๆ ให้คนอื่นรวย แต่บริษัทได้เงินน้อย (เว้นแต่เจ้าของที่เก็งกำไรหุ้นตัวเองด้วย)
แต่สาเหตุที่ M ให้ผลตอบแทนได้แค่นั้น เพราะหุ้นถูกกระจายอยู่ในมือรายย่อยมากจนเกิดไป มันเลยออกอาการตื้อ ไม่ไปไหน
จำไว้เลยนะครับ สำหรับรายใหญ่ การได้หุ้นตอน IPO กับการมาไล่ซื้อในกระดานในวันแรก ความรู้สึกมันต่างกันมากนะ บางทีเขาอยากได้ตอน IPO แล้วไม่ได้ พอหุ้นเข้าตลาดเปิดไม่ได้สูงกว่าจองเท่าไหร่ แต่รายใหญ่อาจไม่อยากได้หุ้นแล้วก็เป็นได้
ดังนั้น ผมไม่อยากให้รายย่อยอย่างเราโอดโอยกันมากกับการได้หุ้น IPO เทรดให้เยอะ เดี๋ยวก็ได้เอง ถ้าเทรดไม่ถึงเกณฑ์มันก็ไม่ได้ และการเปิดโบรก มันคือธุรกิจนะครับ จะเรียกร้องหาความยุติธรรมคงเป็นไปไม่ได้ ลูกค้ารายใหญ่เป็นผู้มีอุปการะคุณต่อโบรกมาก เขาย่อมต้องได้รับการตอบแทนที่มาก เพราะบางทีการเสียลูกค้ารายใหญ่ไปแค่รายเดียว อาจทำให้โบรกบางแห่งสั่นคลอนได้เลยทีเดียว
สำหรับรายย่อย เราค่อยๆสร้างพอร์ตนะครับ แล้วเราจะค่อยๆใหญ่ขึ้น ใครจะไปรู้วันนึงเราอาจจะเป็นรายใหญ่กับเขาบ้างก็ได้ เพราะหากเราดูประวัติของพวกรายใหญ่ในปัจจุบัน เขาไม่ได้มีเป็นร้อยกันมาก่อนนะ บางคนเขาสร้างพอร์ตจากเงินหลักแสนจนมีเป็นพันล้านเลย
ว่าแต่ ทำไมครั้งนี้ผมไม่ได้ PCA กับ SAPPE หว่า เดี๋ยวขอโทรไปถามมาร์ก่อน 55555
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความ : Wattana Stock Page (facebook) ด้วยครับ