เรื่องมันมีอยู่ว่า เราได้แผงขายน้ำที่วิทยาลัยพาณิชเล็กๆแห่งนึง ซึ่งถือได้ว่าเล็กมากจริงๆ
เพราะมีนักเรียนอยู่ประมาณ 200-300 คนมีแผงขายน้ำและอาหารรวมกันแค่ 4 แผง
ร้านเราก็เป็นน้ำขายน้ำและขนมเพียงร้านเดียว อีกสองร้านเป็นร้านขายอาหารตามสั่งและร้านก๋วยเตี๋ยว
ช่วงที่วิทยาลัยยังปิดเทอมอยู่ เรากับเพื่อน(ขอเรียกว่าบี)ก็ช่วยกันมาทำความสะอาดร้าน จัดเก็บนู่นนี่ให้เรียบร้อยรอวันเปิดเทอม
ซึ่งได้ทำให้เราเจอกับคุณป้าคนนึง(ขออนุญาตเรียกว่าป้าเอ) กินนอนอยู่ที่นี่ คาดว่าก็คงนานพอสมควร
คุณป้าดูพูดเก่ง ให้คำแนะนำดีในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องที่ว่าควรเอาอะไรมาขายบ้าง น้ำอันนี้เด็กชอบ อันไหนเด็กไม่ชอบ
แล้วแกก็บอกว่าเจ้าของคนเก่าอายุมากแล้ว เลยมาขายของไม่ได้(ตอนแรกเราก็คิดว่าเพราะขายไม่ดีรึเปล่า)
แรกๆ เราก็คุยกับป้าเอเข้ากันดี สอบถามป้าก็บอกว่าป้าอยู่ที่นี่ ตอนปิดเทอมมาเป็นภารโรงแทนภารโรงคนเก่าที่ออกไป(ตอนนั้นไม่รู้เรื่องของภารโรงคนเก่าเลย)
พอเปิดเทอมเมื่อไหร่ก็จะมีภารโรงคนใหม่มาทำแทน ป้าก็จะมาขายผลไม้ ตรงแผงที่เป็นทั้งที่กินและนอนของป้าเลย
เราก็เออออด้วยเพราะขายผลไม้คงจะดีเด็กๆ ผู้หญิงคงชอบกิน
เราถามป้าว่าถ้าเปิดเทอมเด็กจะวุ่นวายมั้ย เพราะเปิดเทอมเราจะต้องมาขายของคนเดียวจะขายทันรึเปล่า
ป้าเอก็บอกว่าทันสิ แล้วป้าก็ถามเราว่า เธอมาขายคนเดียวหรอ งั้นจ้างป้ามาช่วยมั้ยละ
ในใจคิดว่าป้าก็จะขายของไม่ใช่หรอ? แล้วบอกไม่วุ่นวายคงขายได้อยู่แล้ว
เราก็เลยไม่จ้างป้า เพราะกลัวจะขายของได้น้อยด้วย ยอมขายคนเดียวไปก่อน ไม่ไหวจริงๆ คงจ้างป้าแก
วันเปิดเทอมวันแรก!!!
ยอมรับเลยว่าเป็นแม่ค้ามือใหม่ เงินลงทุนน้อย ของที่เอามาขายก็น้อยตาม แต่วันแรกก็ขายดีมาก
พอจะมีทุนเพิ่มไปซื้อขนมอย่างอื่นมาขาย ให้เยอะกว่าเดิม
แต่ที่แปลกใจคือร้านป้าเอเอาแค่มะม่วงเปรี้ยวกับฝรั่งไม่กี่ลูกมาขาย ทำเราตกใจเลยทีเดียว
ขายของวันแรกเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เด็กพักเที่ยงพร้อมกัน ลงมาที 200-300 คน
ขายของไม่ทันจนอาจารย์ในโรงเรียนต้องมาช่วยตักน้ำแข็งใส่แก้วไว้ให้จะได้ขายทัน
ช่วงที่กำลังขายของวุ่นๆ ป้าแกก็เดินมาบอกให้ไปเก็บขยะและพวกแก้วน้ำที่โรงอาหารเพราะว่ามันเป็นเศษขนมของร้านเรา
ตรงนี้เราไม่คิดอะไรมากค่ะ เพราะว่าร้านขายข้าวร้านอื่นก็ต้องเก็บจานเอง
วันนั้นก็เลยดูวุ่นๆ มากๆ วิ่งไปเก็บขยะ วิ่งมาขายของ ป้าเอเห็นว่าเรายุ่งๆ เลยมาช่วย เพราะไม่ค่อยมีเด็กมาซื้อผลไม้เลย(ผิดคาดเรามากๆ)
เราเลยให้ป้าเอเก็บขวดที่ได้มาทั้งหมดเอาไปไว้ขาย เพราะเราก็ไม่อยากได้เท่าไหร่ ให้ป้าเลย
พอโรงเรียนใกล้เลิก ป้ามาบอกว่าเรากับร้านอื่นๆ ต้องเช็ดโต๊ะและกวาดพื้นถูพื้นโรงอาหารด้วย
อันนี้ถึงกับงงเลยค่ะ ทุกร้านก็งง นั่นหน้าที่ภารโรงไม่ใช่หรอ? ทำไมต้องทำด้วย
ป้าแกเลยบอกว่าผอ.บอกให้ช่วยๆกัน เพราะยังจ้างภารโรงอีกคนไม่ได้ เราก็เลยยอมทำ
แต่เรามีความรู้สึกว่าเราทำคนเดียวเลย คนเดียวจริงๆ ทั้งกวาด ทั้งถู ร้านอื่นล่ะ
ไหนขายของที่วิทยาลัยเสร็จต้องไปช่วยแม่ขายผักอีก บอกเลยว่าวันแรก สลบค่ะ..
วันถัดมาเราเล่าให้บีฟัง บีเลยมาช่วยเราขาย บีช่วยขายของหน้าร้าน ส่วนเราคอยเก็บขยะ เช็ดโต๊ะ
วันนั้นเลยสบายตัวไป แต่ถ้าบีเปิดเทอมไม่ได้มาช่วยเราตายอีกแน่ๆ ลืมบอกไปว่า เรายังอายุน้อยอยู่ค่ะ
แต่เลิกเรียนเพราะเกเร มาถึงวันนี้เสียดายโอกาสมาก อยากเรียนต่อให้จบ แล้วเราก็อายุน้อยที่สุดในบรรดาร้านอื่นๆ ด้วย
วันที่สามบีก็มาช่วยอีกคราวนี้ช่วยทำทุกอย่าง เรารู้ว่าบีคงเหนื่อย เพราะบีถามเราว่าเมื่อไหร่จะมีภารโรงเพิ่ม
บีบอกเราว่าเท่าที่สังเกตมาพี่ที่เป็นภารโรงไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากรับคำสั่งจากป้าเอว่าให้ไปปิดแอร์ห้องไหน
หรือทำความสะอาดอะไรบ้าง บางช่วงที่นักเรียนเลิกพักเที่ยง(ที่เป็นเวลาว่าง และเป็นเวลาทำความสะอาด)
ก็เห็นพี่ภารโรงนั่งอยู่เฉยๆ แล้วบ่นว่าเหนื่อยๆ ทั้งๆที่พี่นั่งอยู่เฉยๆ)
ป้าเอบอกเราว่า ป้าไม่ใช่ภารโรง เป็นแม่ค้าเหมือนกัน ป้าไม่ได้เงินเดือนสักบาท ป้าไม่ทำแต่ป้าใช้เราทำทุกอย่างในโรงอาหารเราเริ่มเบื่อจริงๆ
ทั้งๆที่เราก็เป็นแม่ค้า ป้าเองยังไม่ทำเลย ร้านอื่นไม่ทำ ทำไมเราต้องทำ เพราะเราเด็กสุดป้าเลยสั่งได้ทุกอย่างหรอ?
ป้าเอเริ่มบงการให้เราเอาไอ้นั่นไอ้นี่มาขาย ทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะซื้อของมาใหม่จนเต็มไปหมด
ป้าเอยัดเยียดเอากระดาษทิชชู่ที่คนขายคนเก่าให้ไว้มาขายให้เรา ซึ่งเรารู้ว่าซื้อมาเองจะถูกกว่าเราก็ยังเอาไว้
แต่อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์เรายอมเก็บกวาดเช็ดถูให้ทั้งหมดแทนพี่ภารโรงแล้วพยายามคิดว่าช่วยๆ กันทำเห็นใจผอ.ด้วย
อาทิตย์ต่อมาบียังมาช่วยเหมือนเดิมพร้อมกับการปรากฏตัวของพี่ภารโรงคนเก่า(ขอเรียกพี่ซี) ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นน้องสะใภ้ป้าเอ และทำมานานแล้ว
แต่พี่ซีไม่ได้มาในฐานะภารโรงและไม่ได้เป็นอะไรกับวิทยาลัยแล้ว ไม่ได้มาช่วยทำอะไร แค่คุยกะครูอาจารย์ แล้วช่วยนิดๆ หน่อยๆ
เริ่มต้นอาทิตย์บีบอกเราว่าถ้าเรากวาด แต่ไม่ถูให้ จะเป็นอะไรมั้ย วันนั้นเราเลยไม่ได้ถูรอดูว่าจะเป็นยังไง
เช้าวันต่อมาเป็นอย่างที่คาด ป้าเอมาด่าเรา บอกผอ.ด่าอย่างนู้นอย่างนี้ เราก็อึดอัดมาก
เลยถามป้าว่าตกลงเราต้องทำหรอป้า สรุปเราเป็นคนทำแล้วใช่มั๊ย ป้าตะคอกใส่ขึ้นเสียงแบบอารมณ์เสียว่าไปถามผอ.เองเลยไปเลย
คือเราโกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ บอกได้แค่ว่าโอเคค่ะ เท่านั้น แต่เก็บกวาดเช็ดโต๊ะ เราทำแบบเดิม
แต่ไม่ถู ผอ.เดินมาที่โรงอาหารพอดี บีเลยถามผอ. ซึ่งท่านตอบกลับมาว่าเป็นหน้าที่หลักของภารโรง
แต่ช่วยได้ช่วย เราก็อืม งั้นเราจะทำแบบเดิมคือไม่ถูค่ะ จะหาว่าเราขี้เกียจก็ได้ค่ะ มันก็จริงค่ะ แต่ทำแบบนี้นานไปเหนื่อยค่ะ
เพราะเราทำอยู่คนเดียวค่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหวค่ะ ช่วงไม่กี่วันมานี้พี่ซีกะป้าเอพูด-ดันเราบ่อยมาก หลายครั้งแล้ว บอกว่าอยู่มาแปดเก้าปีไม่เคยมีปัญหา
ไปพูดกะเด็กเรื่องร้านเราว่าขนมน้อยนั่นนี่ เราเครียดมาก มาขายของโดนกดดันทุกวัน
มีวันนึงพี่ซีมากวาดโรงอาหารให้ แล้วเดินมาบอกพี่ภารโรงที่นั่งพักอยู่ว่ากวาดแล้วนะ วันต่อไปให้ทำด้วยเพราะพี่ซีเป็นภารโรงพี่ซีก็ทำ แต่พี่ภารโรงก็หัวเราะแล้วบอกให้ไปบอกพวกร้านค้านู่น พี่แกก็พูดแบบไม่อยากมา แล้วไม่ซื้อน้ำร้านเราอีกเลย
เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่หริกค่ะ แต่เหนื่อยใจนี่มันลำบากมากค่ะ
และที่เราทำตอนนี้เราคือเฉย อดทนและทำหน้าที่ของเราไปค่ะ เฉยๆไว้ก่อนค่ะ
วันนี้ตอนเย็นผอ.จะเรียกคุยแม่ค้าทุกร้านค่ะ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่คิดในแง่ดีไว้ก่อนค่ะ
ที่เรามาระบายคือไม่รู้จะทำยังไง ถ้าจะจ้างป้าก็ไม่อยากค่ะ ตอนนี้เรามีอคติกะแกไปแล้วค่ะ
พยายามไม่มองไม่สนใจคำเสียดสี ขวดน้ำก็ยังให้แบบเดิมแต่ให้พี่ภารโรงไปเก็บแทน
ทุกวันนี้แกก็ยังเสียดสีทุกเวลาที่มีโอกาสค่ะ เราไม่อยากมีปัญหา เพราะเราเป็นชนกลุ่มน้อย(ต้วคนเดียว)ในโรงเรียน
ใครบอกว่าเราไม่มีความอดทนเชิญได้ตามสบายค่ะ เพิ่งจะอาทิตย์ที่สอง รอดูกันไปยาวๆ ค่ะ
มาขายของทั้งที เจอมนุษย์ป้าแบบนี้ ทำยังไงดีคะ
เพราะมีนักเรียนอยู่ประมาณ 200-300 คนมีแผงขายน้ำและอาหารรวมกันแค่ 4 แผง
ร้านเราก็เป็นน้ำขายน้ำและขนมเพียงร้านเดียว อีกสองร้านเป็นร้านขายอาหารตามสั่งและร้านก๋วยเตี๋ยว
ช่วงที่วิทยาลัยยังปิดเทอมอยู่ เรากับเพื่อน(ขอเรียกว่าบี)ก็ช่วยกันมาทำความสะอาดร้าน จัดเก็บนู่นนี่ให้เรียบร้อยรอวันเปิดเทอม
ซึ่งได้ทำให้เราเจอกับคุณป้าคนนึง(ขออนุญาตเรียกว่าป้าเอ) กินนอนอยู่ที่นี่ คาดว่าก็คงนานพอสมควร
คุณป้าดูพูดเก่ง ให้คำแนะนำดีในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องที่ว่าควรเอาอะไรมาขายบ้าง น้ำอันนี้เด็กชอบ อันไหนเด็กไม่ชอบ
แล้วแกก็บอกว่าเจ้าของคนเก่าอายุมากแล้ว เลยมาขายของไม่ได้(ตอนแรกเราก็คิดว่าเพราะขายไม่ดีรึเปล่า)
แรกๆ เราก็คุยกับป้าเอเข้ากันดี สอบถามป้าก็บอกว่าป้าอยู่ที่นี่ ตอนปิดเทอมมาเป็นภารโรงแทนภารโรงคนเก่าที่ออกไป(ตอนนั้นไม่รู้เรื่องของภารโรงคนเก่าเลย)
พอเปิดเทอมเมื่อไหร่ก็จะมีภารโรงคนใหม่มาทำแทน ป้าก็จะมาขายผลไม้ ตรงแผงที่เป็นทั้งที่กินและนอนของป้าเลย
เราก็เออออด้วยเพราะขายผลไม้คงจะดีเด็กๆ ผู้หญิงคงชอบกิน
เราถามป้าว่าถ้าเปิดเทอมเด็กจะวุ่นวายมั้ย เพราะเปิดเทอมเราจะต้องมาขายของคนเดียวจะขายทันรึเปล่า
ป้าเอก็บอกว่าทันสิ แล้วป้าก็ถามเราว่า เธอมาขายคนเดียวหรอ งั้นจ้างป้ามาช่วยมั้ยละ
ในใจคิดว่าป้าก็จะขายของไม่ใช่หรอ? แล้วบอกไม่วุ่นวายคงขายได้อยู่แล้ว
เราก็เลยไม่จ้างป้า เพราะกลัวจะขายของได้น้อยด้วย ยอมขายคนเดียวไปก่อน ไม่ไหวจริงๆ คงจ้างป้าแก
วันเปิดเทอมวันแรก!!!
ยอมรับเลยว่าเป็นแม่ค้ามือใหม่ เงินลงทุนน้อย ของที่เอามาขายก็น้อยตาม แต่วันแรกก็ขายดีมาก
พอจะมีทุนเพิ่มไปซื้อขนมอย่างอื่นมาขาย ให้เยอะกว่าเดิม
แต่ที่แปลกใจคือร้านป้าเอเอาแค่มะม่วงเปรี้ยวกับฝรั่งไม่กี่ลูกมาขาย ทำเราตกใจเลยทีเดียว
ขายของวันแรกเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เด็กพักเที่ยงพร้อมกัน ลงมาที 200-300 คน
ขายของไม่ทันจนอาจารย์ในโรงเรียนต้องมาช่วยตักน้ำแข็งใส่แก้วไว้ให้จะได้ขายทัน
ช่วงที่กำลังขายของวุ่นๆ ป้าแกก็เดินมาบอกให้ไปเก็บขยะและพวกแก้วน้ำที่โรงอาหารเพราะว่ามันเป็นเศษขนมของร้านเรา
ตรงนี้เราไม่คิดอะไรมากค่ะ เพราะว่าร้านขายข้าวร้านอื่นก็ต้องเก็บจานเอง
วันนั้นก็เลยดูวุ่นๆ มากๆ วิ่งไปเก็บขยะ วิ่งมาขายของ ป้าเอเห็นว่าเรายุ่งๆ เลยมาช่วย เพราะไม่ค่อยมีเด็กมาซื้อผลไม้เลย(ผิดคาดเรามากๆ)
เราเลยให้ป้าเอเก็บขวดที่ได้มาทั้งหมดเอาไปไว้ขาย เพราะเราก็ไม่อยากได้เท่าไหร่ ให้ป้าเลย
พอโรงเรียนใกล้เลิก ป้ามาบอกว่าเรากับร้านอื่นๆ ต้องเช็ดโต๊ะและกวาดพื้นถูพื้นโรงอาหารด้วย
อันนี้ถึงกับงงเลยค่ะ ทุกร้านก็งง นั่นหน้าที่ภารโรงไม่ใช่หรอ? ทำไมต้องทำด้วย
ป้าแกเลยบอกว่าผอ.บอกให้ช่วยๆกัน เพราะยังจ้างภารโรงอีกคนไม่ได้ เราก็เลยยอมทำ
แต่เรามีความรู้สึกว่าเราทำคนเดียวเลย คนเดียวจริงๆ ทั้งกวาด ทั้งถู ร้านอื่นล่ะ
ไหนขายของที่วิทยาลัยเสร็จต้องไปช่วยแม่ขายผักอีก บอกเลยว่าวันแรก สลบค่ะ..
วันถัดมาเราเล่าให้บีฟัง บีเลยมาช่วยเราขาย บีช่วยขายของหน้าร้าน ส่วนเราคอยเก็บขยะ เช็ดโต๊ะ
วันนั้นเลยสบายตัวไป แต่ถ้าบีเปิดเทอมไม่ได้มาช่วยเราตายอีกแน่ๆ ลืมบอกไปว่า เรายังอายุน้อยอยู่ค่ะ
แต่เลิกเรียนเพราะเกเร มาถึงวันนี้เสียดายโอกาสมาก อยากเรียนต่อให้จบ แล้วเราก็อายุน้อยที่สุดในบรรดาร้านอื่นๆ ด้วย
วันที่สามบีก็มาช่วยอีกคราวนี้ช่วยทำทุกอย่าง เรารู้ว่าบีคงเหนื่อย เพราะบีถามเราว่าเมื่อไหร่จะมีภารโรงเพิ่ม
บีบอกเราว่าเท่าที่สังเกตมาพี่ที่เป็นภารโรงไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากรับคำสั่งจากป้าเอว่าให้ไปปิดแอร์ห้องไหน
หรือทำความสะอาดอะไรบ้าง บางช่วงที่นักเรียนเลิกพักเที่ยง(ที่เป็นเวลาว่าง และเป็นเวลาทำความสะอาด)
ก็เห็นพี่ภารโรงนั่งอยู่เฉยๆ แล้วบ่นว่าเหนื่อยๆ ทั้งๆที่พี่นั่งอยู่เฉยๆ)
ป้าเอบอกเราว่า ป้าไม่ใช่ภารโรง เป็นแม่ค้าเหมือนกัน ป้าไม่ได้เงินเดือนสักบาท ป้าไม่ทำแต่ป้าใช้เราทำทุกอย่างในโรงอาหารเราเริ่มเบื่อจริงๆ
ทั้งๆที่เราก็เป็นแม่ค้า ป้าเองยังไม่ทำเลย ร้านอื่นไม่ทำ ทำไมเราต้องทำ เพราะเราเด็กสุดป้าเลยสั่งได้ทุกอย่างหรอ?
ป้าเอเริ่มบงการให้เราเอาไอ้นั่นไอ้นี่มาขาย ทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะซื้อของมาใหม่จนเต็มไปหมด
ป้าเอยัดเยียดเอากระดาษทิชชู่ที่คนขายคนเก่าให้ไว้มาขายให้เรา ซึ่งเรารู้ว่าซื้อมาเองจะถูกกว่าเราก็ยังเอาไว้
แต่อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์เรายอมเก็บกวาดเช็ดถูให้ทั้งหมดแทนพี่ภารโรงแล้วพยายามคิดว่าช่วยๆ กันทำเห็นใจผอ.ด้วย
อาทิตย์ต่อมาบียังมาช่วยเหมือนเดิมพร้อมกับการปรากฏตัวของพี่ภารโรงคนเก่า(ขอเรียกพี่ซี) ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นน้องสะใภ้ป้าเอ และทำมานานแล้ว
แต่พี่ซีไม่ได้มาในฐานะภารโรงและไม่ได้เป็นอะไรกับวิทยาลัยแล้ว ไม่ได้มาช่วยทำอะไร แค่คุยกะครูอาจารย์ แล้วช่วยนิดๆ หน่อยๆ
เริ่มต้นอาทิตย์บีบอกเราว่าถ้าเรากวาด แต่ไม่ถูให้ จะเป็นอะไรมั้ย วันนั้นเราเลยไม่ได้ถูรอดูว่าจะเป็นยังไง
เช้าวันต่อมาเป็นอย่างที่คาด ป้าเอมาด่าเรา บอกผอ.ด่าอย่างนู้นอย่างนี้ เราก็อึดอัดมาก
เลยถามป้าว่าตกลงเราต้องทำหรอป้า สรุปเราเป็นคนทำแล้วใช่มั๊ย ป้าตะคอกใส่ขึ้นเสียงแบบอารมณ์เสียว่าไปถามผอ.เองเลยไปเลย
คือเราโกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ บอกได้แค่ว่าโอเคค่ะ เท่านั้น แต่เก็บกวาดเช็ดโต๊ะ เราทำแบบเดิม
แต่ไม่ถู ผอ.เดินมาที่โรงอาหารพอดี บีเลยถามผอ. ซึ่งท่านตอบกลับมาว่าเป็นหน้าที่หลักของภารโรง
แต่ช่วยได้ช่วย เราก็อืม งั้นเราจะทำแบบเดิมคือไม่ถูค่ะ จะหาว่าเราขี้เกียจก็ได้ค่ะ มันก็จริงค่ะ แต่ทำแบบนี้นานไปเหนื่อยค่ะ
เพราะเราทำอยู่คนเดียวค่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหวค่ะ ช่วงไม่กี่วันมานี้พี่ซีกะป้าเอพูด-ดันเราบ่อยมาก หลายครั้งแล้ว บอกว่าอยู่มาแปดเก้าปีไม่เคยมีปัญหา
ไปพูดกะเด็กเรื่องร้านเราว่าขนมน้อยนั่นนี่ เราเครียดมาก มาขายของโดนกดดันทุกวัน
มีวันนึงพี่ซีมากวาดโรงอาหารให้ แล้วเดินมาบอกพี่ภารโรงที่นั่งพักอยู่ว่ากวาดแล้วนะ วันต่อไปให้ทำด้วยเพราะพี่ซีเป็นภารโรงพี่ซีก็ทำ แต่พี่ภารโรงก็หัวเราะแล้วบอกให้ไปบอกพวกร้านค้านู่น พี่แกก็พูดแบบไม่อยากมา แล้วไม่ซื้อน้ำร้านเราอีกเลย
เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่หริกค่ะ แต่เหนื่อยใจนี่มันลำบากมากค่ะ
และที่เราทำตอนนี้เราคือเฉย อดทนและทำหน้าที่ของเราไปค่ะ เฉยๆไว้ก่อนค่ะ
วันนี้ตอนเย็นผอ.จะเรียกคุยแม่ค้าทุกร้านค่ะ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่คิดในแง่ดีไว้ก่อนค่ะ
ที่เรามาระบายคือไม่รู้จะทำยังไง ถ้าจะจ้างป้าก็ไม่อยากค่ะ ตอนนี้เรามีอคติกะแกไปแล้วค่ะ
พยายามไม่มองไม่สนใจคำเสียดสี ขวดน้ำก็ยังให้แบบเดิมแต่ให้พี่ภารโรงไปเก็บแทน
ทุกวันนี้แกก็ยังเสียดสีทุกเวลาที่มีโอกาสค่ะ เราไม่อยากมีปัญหา เพราะเราเป็นชนกลุ่มน้อย(ต้วคนเดียว)ในโรงเรียน
ใครบอกว่าเราไม่มีความอดทนเชิญได้ตามสบายค่ะ เพิ่งจะอาทิตย์ที่สอง รอดูกันไปยาวๆ ค่ะ