อาทิตย์อับแสง (บทที่ 35) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 35)



เกษรายังคงนั่งพิงประตูบานใหญ่ในท่วงท่าอิริยาบถเดิม ไม่แม้แต่จะคิดขยับลุก หรือคลึงมือบีบไปตามตัวที่เจ็บแสบปวดร้าว เธอไม่สนใจที่จะห่อตัวกอดอกปกป้องไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เป็นจนฉ่ำสุดขั้ว ความเย็นเยือกเพราะอาการผวาหวาดระแวงในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้ร่างเล็กสั่นไหวๆ อย่างที่ไม่เคยมาก่อน

กว่าใจจะสงบพอควบคุมร่างที่สั่นเทา ก็นานสุดคณานับในความรู้สึก แต่ไม่นานเท่าการรอคอยผู้ที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ฟากประตูกั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน หญิงสาวคงไม่รอ ไม่ฟังสิ่งที่เขาสั่ง

เพราะถ้า…ใจ อยากจะไปแล้ว ร่างกายก็ต้อง…ไป

ไม่มีใครห้ามเธอได้ ไม่มีใครสามารถบัญชานางเอกหมายเลขหนึ่งได้

แต่ตอนนี้เธอ…รอเขาได้

รอด้วยใจที่จดจ่อเพียงว่าเมื่อไรเขาจะกลับมา

และทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของเขาแว่วผ่านมาจากอีกด้าน ใจของเธอก็ชุ่มฉ่ำขึ้นทวีคูณ

เสียงของภูเก็ตผนวกกับเสียงชุลมุนวุ่นวายข้างนอกพักใหญ่ทำให้หญิงสาวขยับตัว…รู้สึกตัว แต่ก็ยังไม่กล้าลุกขึ้นไปไหน ร่างเล็กที่สั่นไหวๆ สะท้านหนักอีกครั้งเมื่อเสียงเอะอะของณัฐดังลั่น

ความหวาดระแวงแผ่ซ่านไปทั้งร่าง เพราะความทรงจำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ทำให้แม้ว่าเสียงอื้ออึงวุ่นวายจากด้านนอกจะแผ่วลงและเงียบไปในที่สุดแล้ว แต่ร่างเล็กของเธอก็ยังไม่คลายอาการสั่นเทา ขนลุกเกรียว

ความรู้สึกทั้งหลายที่ประดังเข้ามาทำให้สุดเกษรากลั้นหยดน้ำตาไว้ไม่ไหว ริมฝีปากสั่นระริกพยายามสะกดเสียงสะอื้นที่ตีบตันอัดแน่นในลำคอ มือสั่นปาดคราบน้ำตาที่ไหลผ่านพวงแก้มแล้วหยดตกบนต้นขาของเธอ

นึกเสียใจที่ไม่ฟังคำเตือนของเขา และของพีทซี่ แม้กระทั่งยายจ๋าก็ยังดูออก เธอลองแหย่เล่นกับไฟเพื่อความสะใจ และความสนุกที่จะแกล้งภูเก็ต กลับกลายเป็นว่าไฟนั้นเกือบลนเผาเธอให้ตายทั้งเป็น

ยังดีที่มีภูเก็ต

โชคดีที่คืนนี้เขาหวนกลับมา

ถ้าเกิดภูเก็ตถือทิฐิเช่นเธอบ้าง หันกลับไปแล้วไปลับ

ถ้าเป็นเช่นนั้น…ป่านนี้ เธอจะเป็นเช่นไร

แล้วตอนนี้…เขายังจะกลับมาอีกไหม ก็ในเมื่อเขาไม่ได้บอกนี่ว่าจะกลับมา แค่สั่งให้เธอรอ…แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน

และถ้านาน…เท่ากับเวลาที่เขารอผู้หญิงคนนั้น เธอจะทำเช่นไร





ความคิดของหญิงสาวเลืองลางเพราะความอ่อนล้า นัยน์ตาที่ปรากฏสีแดงจางๆ เพราะการร้องไห้เบาๆ เมื่อครู่ ปิดลง…แต่ไม่สนิท เพราะหูของเธอยังตั้งใจฟังเสียงเรียกของเขา

การรอ…เพียงแค่นี้ยังทำให้เธอร้อนรุ่มกลัดกลุ้มด้วยความอ่อนไหวในความรู้สึก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

และเมื่อเสียงออดลากยาวดังขึ้นหนึ่งครั้ง เกษราก็สะดุ้งเฮือกทั้งตัว แทบจะกระโจนขึ้นยืนเมื่อได้ยินแว่วเสียงจากด้านนอก

“หนูปีบ…หนูปีบ”

และยังไม่ทันสิ้นเสียงเรียก ประตูห้องก็เปิดออกทันที

เกษรามองเขา ไม่แน่ใจหรอกนักว่าสายตาตัวเองสื่อความรู้สึกอะไรออกไปบ้าง แต่แววตาของเขาซิ มันกำลังบอกความลึกล้ำในใจบางอย่าง แล้วยังแววปลอบประโลมที่ไม่ปกปิดการแสความห่วงใยที่ฉายชัดเจน

ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้า…อ่อนแรง แต่ไม่มีร่อยรอยเจ็บปวดจากการต่อสู้เมื่อครู่ เพียงแต่ว่าคราบหยดเลือดบนหน้าอกเสื้อและที่แขนนั่นทำให้เกษรามองอย่างวิตก

“ผมโดนไอ้ณัฐสอยสองหมัด หมัดละห้อง กว่าจะเอาอยู่ก็สู้กันที่ห้องโน้นครู่นึง ขนาดมีขาเดียวแบบนั้นมันยังไม่ยอมหมดฤทธิ์ง่ายๆ” เขาบอกด้วยเสียงขันๆ คล้ายรับรู้ถึงความคิดของเธอ ก่อนที่สีหน้าจะปรับเปลี่ยนเข้มขึ้นจริงจังอย่างจงใจ “ผมขอเข้าไปได้ไหม คุยธุระครู่เดียว ไม่รบกวนคุณนานหรอก”

คำขอของเขาทำให้หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย เปิดประตูห้องให้กว้างขึ้น มือเล็กกุมด้ามลูกปิดประตูแน่น ไม่ต่างจากในใจที่อัดแน่นด้วยความรู้สึก เธอมองร่างสูงที่ก้าวเข้ามาภายในห้องพักกว้าง และดั่งเช่นเมื่อห้าหกวันก่อนหน้า เขายังคงยืนลังเลเพียงครู่ หันกลับมาทางเธอราวว่า…รอ อย่างเกรงใจ หรือเพราะว่าเขาไม่แน่ใจ

เกษราปิดประตูบานใหญ่ ลงกลอนหนา แล้วเดินผ่านเขานำเข้าไปยังบริเวณส่วนห้องรับแขก เธอหมุนตัวหันยืนประจันหน้า มองเขาเต็มตา เห็นรอยแผลสดที่ริมฝีปากด้านล่างของใบหน้าคมคายที่มักทำให้คนที่ได้เห็นหลงใหล

“ผมอยากให้เราโกหกตรงกัน”

คำบอกของเขาทำให้หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง สังเกตว่าภูเก็ตลอบระบายลมหายใจอย่างหนักอก

“คุณมีชื่อเสียง มีงานมีการ ส่วนผม…ไม่มีอะไรที่จะเสียไปมากกว่านี้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต เพราะไม่อยากให้คุณเป็นข่าว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมเลยทำให้มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับมัน” ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายไม่วางตา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เพียงหนึ่งก้าว “เรื่องผมเคยเช่าห้องคุณก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นณัฐจะมาหาผมที่นี่ก็ไม่แปลก แต่ผมบอกเบลล์ของตึกไปว่า คุณคิดจะปล่อยห้องนั้นคืนให้ผม เลยให้กุญแจไว้กับผมสำหรับเข้ามาดูห้อง”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เกษราคงแย้ง…ใครบอก!

แต่ว่าตอนนี้ เธอจึงรับฟัง รับรู้เงียบๆ

“ผมบอกนิติฯ ไปว่า จะแจ้งให้คุณรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนี่…ก็เลยมาแจ้ง แต่ผมไม่ได้แจ้งความ ไม่เอาความ เพราะไม่อยากให้นักข่าวหรือคนอื่นสืบไปสืบมาแล้วสาวถึงคุณ เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตึก ให้นิติฯ จัดการ ส่วนจะจัดการแบบไหน ผมก็ให้แล้วแต่เขา มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้”

นัยคำพูดของเขา ความคิดที่ดูรอบคอบ แล้วยังน้ำเสียงนั่น ทำให้คนฟังอดรู้สึกไม่ได้ว่า ภูเก็ตห่วงชื่อเสียงของเธอ…ห่วงเธอ และนั่นมันทำให้หัวใจของเธออบอุ่นอย่างประหลาด

“แล้ว…ณัฐ”

“ณัฐมีคดีติดตัว ได้รับประกันตัวออกมา การที่ทำแบบนี้อาจโดนถอนประกัน แต่นั่นก็แล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่และศาล”

“ภูเก็ต…” ศีรษะปวดหนึบ ดวงตาร้อนผ่าว ทำให้หญิงสาวพลันนิ่งไป ทิ้งให้ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะกลั้นใจกล่าวออกไปในที่สุด “ขอบใจนะ ฉันคงแย่ถ้าไม่มีคุณ”

“ผมก็คงแย่เช่นกันถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แต่ตอนนี้เรื่องแย่ๆ ผ่านพ้นไปแล้ว อย่าคิดมานะหนูปีบ” เขาทอดเสียงอย่างประเล้าประโลม นึกอยากจะยื่นแขนออกไปคว้าร่างเล็กเขามากอด อยากปลอบ อยากทำหลายสิ่งหลายอย่างนัก “ช่วงนี้คุณไม่ควรอยู่ลำพังคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ามาที่คอนโด ไปอยู่ที่บ้านใหญ่ของคุณพีทซี่ดีกว่า เพราะต่อให้ณัฐไม่ได้ประกัน แต่เราก็ไม่ควรวางใจนักเพราะณัฐร่วมมือกับมาเฟียมาเลย์ที่ตอนนี้ตำรวจก็ยังจับไม่ได้

“แล้วคุณล่ะ ไม่กลัวเหรอ”

“ไม่ ผมไม่มีอะไรต้องห่วง สิ่งที่ผมห่วงที่สุดคือคุณนะหนูปีบ”

และถ้าเป็นเมื่อก่อน เกษราก็คงโวยวายลั่นว่า…เลี่ยน!

แต่ตอนนี้เธอได้แต่เพียงก้มหน้าพยายามซ่อนดวงหน้าซีดที่เป็นสีจัดขึ้น เห็นว่าขาของเขาขยับเข้ามาอีกก้าวเกือบชิดตัวเธอ มือของเขายกขึ้นเอื้อมมาแตะแขนนวลผ่อง ท่วงท่านั้นอ่อนโยนไม่ต่างจากมืออีกข้างที่ชายหน้าเธอขึ้นมอง นิ้วไล้เบาๆ ละมุนละไมที่ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ เลยมายังพวงแก้มที่ไม่นานมานี้รองรับหยดน้ำตาของความหวาดกลัวตกใจ สายตาประสานกันแน่วแน่จนหญิงสาวรู้สึกหัวใจกระตุกอย่างแรง

ภูเก็ตรวบเอวของเธอมาในอ้อมแขน กอดเธอนิ่งๆ ภายใต้ความเงียบ แล้วก้มลงจนไออุ่นจากลมหายใจแนบชิดพวงแก้ม ทุกสัมผัสอ่อนโยน จนหญิงสาวไม่แม้แต่จะคิดขัดขืนฝืนตัว

“แม่ฝากความคิดถึงถึงคุณด้วยนะ ฝากขอบคุณช่วยเหลือดูแล”

“ฉันสงสารคุณป้า…” เกษราสารภาพ ไม่ละสายตาไปจากดวงหน้าของเขา สังเกตกระทั่งว่าอีกฝ่ายลอบระบายลมหายใจอย่างหนักอก

“ผมเป็นลูกที่ไม่ดีนักหรอก ผูกใจเจ็บกับแม่ ยกหลายเหตุผลมาสร้างกำแพงกับแม่ เพียงเพราะรู้สึกว่าแม่ไม่ยุติธรรมที่ทิ้งผมกับพ่อไป จะมาเข้าใจก็ตอนโตว่า ชีวิตคนเรามันไม่สุขสมหวังไปทุกอย่าง มีพบ…ก็ต้องมีจาก และเมื่อหมดรักหมดใจ อยู่กันไปมันมีแต่ทุกข์ แล้วจะฝืนอยู่ทำไม”

หางเสียงมีแววยอมรับ ไร้ซึ่งริ้วรอยขื่นใดๆ จนเกษราอยากจะย้อนเขานักเชียวว่า…เหมือนนานมาแล้วที่ผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ทนแล้วทิ้งเขาไปใช่ไหม

แต่เธอก็สะกัดกั้นทุกคำพูด ปล่อยตัวให้อยู่ในอ้อมแขนของเขา คอยฟังทุกคำพูดที่ทอดอ่อนอย่างสนิทใจ

“หลายวันมานี่ผมวุ่นอยู่กับการเตรียมตัวเรื่องคดีและเรื่องเจรจากับแอลทัส พอเสร็จธุระก็เลยหนีไปปราจีนฯ อยู่กับแม่ นี่ก็เพิ่งรู้ว่าแม่มีหลานย่า…ลูกของลูกเลี้ยงแม่ อย่างน้อยก็ทำให้ผมไม่รู้สึกเลวร้ายไปนัก เพราะเห็นว่าแม่ก็มีความสุข ลูกๆ ของพ่อเลี้ยงของผมยอมรับแม่ รักแม่เหมือนแม่แท้ๆ ของพวกเขา”

“แต่ต่อให้เขารักอย่างไร มันก็ไม่เหมือนความรักที่มาจากคุณ”

เกษรารู้สึกว่าอ้อมแขนของเขารัดร่างเธอแน่นขึ้น แล้วยังเสียงเบาๆ ที่อยู่ข้างหู

“หนูปีบพูดถูก เพราะบางทีผมก็รู้สึกว่ายังรักแม่ไม่ได้เท่าครึ่งของพวกเขาเลย หฯปีบมองเห็นหลายอย่างที่ผมเมินที่จะมอง มิน่าแม่ถึงชมไม่ขาดปาก” ว่าแล้วเขาก็หัวเราะ สูดลมหายใจเข้าลึก รับรู้ถึงกลิ่นกรุ่นอ่อนหวานจากร่างน้อยในอ้อมกอด ก่อนจะค่อยๆ คลายมือออก “แม่บอกให้ชวนหนูปีบไปที่บ้าน วันไหนถ้าพอมีเวลาก็บอก ผมจะพาไป บ้านแม่อยู่ห่างจากแปดริ้วไม่ถึงชั่วโมง ไม่ไกลหรอก ถ้าหนูปีบไม่รังเกียจ วันนี้เจอเรื่องเยอะแยะ หนูปีบพักเถอะนะ ผมไม่กวนแล้ว ถ้ามีอะไรก็โทรฯ เข้ามือถือ ผมอยู่ข้างล่างนี้เอง แล้วจะรีบขึ้นมา”

ร่างสูงถอยห่างสองสามก้าวก่อนจะหันก้มลงหยิบถุงกระดาษที่ใส่ชุดเสื้อผ้าที่เขาตั้งใจเอามาคืน วางมันบนหลังเปียโนสีดำ แล้วจึงคว้าเน็คไทเส้นงามที่ตกอยู่บนพื้นข้างๆ รับรู้ถึงสายตาของผู้เป็นเจ้าของห้องที่มองมาทุกย่างก้าว เขาหันกลับไปมองร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่งในที่เดิม นึกอยากจะรวบกอดร่างน้อยไว้อีกครั้ง แต่ก็คงทำได้เพียงคิด จนต้องรีบหันเดินออกไป หากแล้วภูเก็ตก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง

“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว คืนนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม” คำขอเรียบๆ แฝงความประหม่า ทำให้อีกฝ่ายหันมาทันที แววตาโตประหลาดใจ แต่ประกายนั่น…ดีใจ จนหญิงสาวต้องรีบบอก “ฉันมีห้องนอนว่างอีกสามห้อง หรือจะอยู่ห้องหนังสือก็ได้ เลือกเอา”

ถ้าเป็นเวลาอื่น เธอคงนึกขบขันกับสีหน้าของเขา

ดีใจ พอใจ ผิดหวัง และทำใจ สลับไปมาอย่างรวดเร็วนัก

แต่ว่าในที่สุดแล้วเขาก็พยักหน้าตกลง รอยยิ้มแย้มน้อยๆ

“ได้ซิ แต่ไม่มีห้องอื่นให้เลือกเหรอ”

“ก็…” เกษราหันไปรอบๆ ตัว “ห้องรับแขก หรือไม่ก็ห้องคนใช้แล้วก็ห้องซักล้างก็ได้ แล้วแต่”

“ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือหนูปีบ”

“ไม่หรอก” คนพูดปฏิเสธเสียงสูง เว้นจังหวะหัวเราะ “เลือกตามสบายนะ เดี๋ยวจะไปเอาผ้าเช็ดตัวและชุดนอนมาให้”

“คุณมีชุดนอนไซส์ผมเหรอ ทำไมถึงมี ใครมาเหรอ” เขาซักไซ้ก้าวเท้าเดินตามหลังผู้เป็นเจ้าของห้อง

“ของพีทซี่”

และเมื่อนั้นเขาจึงหยุดถาม หยุดตาม ยืนกอดอกพิงบานประตูของหนึ่งในบรรดาห้องนอน “ชุดนอนไม่ต้องหรอก หนูปีบก็น่าจะรู้ผมไม่ค่อยชอบใส่อะไรเวลาอยู่บ้าน”

“แต่นี่บ้านฉัน และเท่าที่เคยเห็น คุณไม่มีอะไรน่าดูนักนะภูเก็ต” หญิงสาวย้ำเสียงหนัก แววตาขบขัน ไม่ได้เกรี้ยวกาจใส่เขาเหมือนเช่นเวลาปรกติ ก่อนที่เธอจะเดินหายเข้าไปในหนึ่งของบรรดาห้องหับมากมายภายในห้องพักหรู ปิดประตูลงกลอนแน่น

ไม่ได้กลัวอะไรเขานักหรอก กลัวใจตัวเองเสียมากกว่า




(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่