อาทิตย์อับแสง (บทที่ 11) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 11)



“หรือว่าควรหาทางออกที่ดีที่สุดแก่ตัวเอง”

เพียงแต่ว่า…ทางออกนั่น…ทางไหน

ในตอนนี้…คิดไม่ออก

คิดคนเดียว…บางที ในบางเรื่อง ก็คิดไม่ออก

ศีรษะของเขารู้สึกหนัก พอๆ กับหน้าอกที่จุกแน่น นัยน์ตาที่ยังคงปิดสนิทรู้สึกแห้งไม่ต่างจากริมฝีปากและลำคอ

ความรู้สึกแบบนี้ ภูเก็ตย่อมรู้…ไม่น่าดื่มเยอะเลย

เสียงหายใจของเขาเบา คงคล้ายกับเลียงครางเบาๆ ในลำคอ

แต่สำหรับหญิงสาวที่นั่งข้างเตียงนอนใหญ่แล้ว ลมหายใจเฮือกนั้นคล้ายว่าเขากำลังสูบมันเป็นครั้งสุดท้าย

“เพราะเธอหรือเปล่า…” พีทซี่แกล้งฮำเป็นเพลง ปรายตามองเพื่อนสาวที่พยายามปิดรอยกังวลบนใบหน้า “เล่นสำแดงเดชดาราใหญ่ วีนซะกลางวงอย่างนั้น ถึงคุณภูจะปากเสียบ้างเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ใช่คนเลว และที่ผ่านมาฉันก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรเธอ นอกจากไม่ยอมเธอเรื่องสัญญาเช่าเท่านั้นเอง ซึ่งเขาก็ไม่ผิด แต่เธอน่ะเกด…เธอมันนางร้ายนอกจอชัดๆ”

“อย่างน้อยฉันก็ให้คนรถของฉันเอา คุณภู ของเธอกลับมา…”

“เชอะ” พีทซี่บุ้ยปากค้อนควับ “เพราะเธอรู้สึกผิดนิดๆ ใช่มั๊ยล่ะ”

“ก็…”

หากไม่ทันที่เกษราจะกล่าวอะไรต่อ คนที่เมาพับนอนอยู่ก็ยกมือเพียงนิดคล้ายหาอะไรบางอย่าง

“…ริน…ระ…ริน”

คำที่ขาดๆ หายๆ ทำให้เกษราต้องหันไปทางพีทซี่ “อีตานี่ ขนาดเมาเละยังจะให้รินอีก” เสียงของหญิงสาวเย้ยเยาะ “ไม่เจียมตัว”

“เขาว่าอย่างอื่นมั้ง”

“จะว่าอะไรล่ะ ชัดขนาดนี้” หญิงสาวเหยียดริมฝีปากเยาะ “อีตาภูเก็ตนี่ครบสูตร สุรานารี…”

“ปีบ…”

คราวนี้เสียงพร่ำของคนเมาที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้ทั้งห้องเงียบสนิท

“ฉันหูฝาด…” พีทซี่เหยียดริมฝีปากเอ่ยช้าๆ ดวงตาเบิ่งค้าง “หูฝาดประสาทหลอน”

ทว่าเกษรารู้ดีว่า…หูไม่ฝาด เพราะคนเมาพึมพำออกมาอีกแล้ว

“หนูปีบ…อ่านอะไร…”


หญิงสาวจำได้เมื่ออาทิตย์ก่อนโน้นตอนที่เธอแกล้งบังคับให้เขาไปส่งที่…บ้าน และในเวลาบ่ายแก่ๆ อีตาภูเก็ตก็ยังเถลไถลไม่ยอมกลับ แม้ว่าจะเธอโดนไล่ทั้งทางตรงและทางอ้อม จนคุณมัลลิกาสงสาร พาเขาออกไปนั่งคุยอีกด้าน โดยที่เธอหลบมาอ่านหนังสือให้ยายฟังเหมือนเช่นที่ได้ทำเป็นประจำเวลาอยู่บ้าน เสียงของเขาก็ดังขึ้นเบาๆ ที่หน้าประตูห้องนอนของยายที่อยู่ด้านล่าง

‘อ่านอะไรเหรอหนูปีบ เพราะเชียว’

เสียงทอดเกือบอ่อนโยน เพียงแต่ไอ้แววตากรุ้มกริ่มเป็นประกายของคนร่างสูงที่ยืนกอดอกมองอย่างสนใจนั่นแหละที่ทำให้หญิงสาวมีน้ำโห แม้เมื่อกำลังท่องบทกลอนอันไพเราะให้ผู้เป็นยาย

หลงอะไรจะเหมือนหลงมนุษย์
ที่โศกสุดเศร้าแสนเสน่หา
จนลืมตัวมัวหมองเพราะต้องตา
ต้องตรึกตราตรอมจิตเพราะปิดความ

[Note : “พระอภัยมณี” ประพันธ์โดย สุนทรภู่]


“คุณภูรู้จักชื่อเล่นของเธอ?”

บัดนี้คำถามเบาของพีทซี่ปลุกอีกฝ่ายจากห้วงความคิด

หนูปีบ...ชื่อเล่นจริงๆ ที่สมัยก่อนดูเชยๆ ของนางเอกสาวนั้น นอกจากคนในครอบครัว หรือเพื่อนสนิทแล้วก็ไม่มีใครอื่นเรียก แม้แต่พีทซี่ก็ยังเรียก...เกด

“ก็…” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร อยากบอกเหลือเกินว่าอีตาภูเก็ตเมาแล้วมั่ว

“สนิทกันขนาดไหนเนี่ย...เธอมีอะไรกัน” ผู้จัดการส่วนตัวคาดคั้น

“พีทซี่! ฉันกับเขาไม่…”

เพียงแต่ยังไม่ทันเริ่มอธิบาย คนเมาเพราะพิษเหล้าก็ขยับพลิกตัวไปมา ทำให้เกษราต้องรีบลุกขึ้นยืนถอยห่าง

“โอย…” อาการนิ่วหน้าเหมือนดั่งว่า...คนเมา...พยายามกลั้นความจุกแน่นในหน้าอก

เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น นัยน์ตาหรี่เปิดเพียงนิด แต่เหมือนว่าเขาไม่เห็นอีกสองคนที่อยู่ในห้องด้วย เพราะร่างสูงเดินโซวัดโซเซเข้าไปในห้องน้ำใหญ่ที่อยู่ห่างไปเพียงสี่ห้าก้าว

“แน่มาก…เมาอย่างนี้ยังรู้ตัวว่าต้องไปอ้วกในห้องน้ำ” พีทซี่ชำเรืองไปทางประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มๆ ที่มีเสียงกดชักโครกเล็ดลอดออกมา “ที่สุดของความสุดยอด ไม่รู้ว่าเป็นนิสัยส่วนตัว หรือว่าเพราะความเป็นหลานชายของคุณหญิงผกามาศ”

คนพูดหัวเราะคิก และย่อมสังเกตเห็น

การพูดถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ‘ธัชชาติ’ เช่นคุณหญิงผกามาศผู้เป็นย่าของอรจิรา ไม่ได้ทำให้เกษราขุ่นเคืองเหมือนเมื่อก่อน

“ทำไมอีตาภูเก็ตเป็นเอามากขนาดนี้ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเขามากมายนะ” สีหน้าของหญิงสาวจริงจังแกมเป็นกังวล

“ไม่มากหรอกย่ะ เธอแค่ด่ากราดเขาเสียงดังลั่นร้านต่อหน้าลูกน้องเขาเท่านั้นเอง” พีทซี่มองเพื่อนแล้วหันไปทางชายหนุ่มที่กำลังเดินเซออกมาจากห้องน้ำ

ดูแล้วเหมือนว่าเขาได้ล้างหน้าล้างตาเสียด้วย แต่นัยน์ตาก็ยังหรี่ลง เปิดไม่เต็มที่และอาการโซเซนั้นยังชัดเจน

ร่างสูงค่อยๆ เดินมาที่เตียงนอน ราวว่าไม่รับรู้ถึงคนอีกสองคนในห้อง ทว่าเมื่อใกล้เข้ามา ร่างของเขาก็ถลาเข้าหาดาราสาวทันที

ด้วยแรงของคนที่เซมาและการตกใจของเกษราทำให้ร่างของคนทั้งคู่ ถลาไปบนเตียงนอนใหญ่

เสียงกรี๊ดกร๊าดของพีทซี่นั้นดัง พอๆ กับเสียงและอาการเกี้ยวกราดของดาราสาวที่ทั้งผลักทั้งดันคนตัวใหญ่กว่าออกไป แล้วเธอจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง ถลากรูดออกห่าง

“ไอ้บ้า! ไอ้ชีกอ! โรคจิต!” เกษรากราดคำสบถที่พอจะนึกออกในเวลานี้

เพียงแต่ว่า เสียงที่แม้ไม่ดังนัก หากก็ชัดเจนทำให้เธอพลันหุบปากเงียบ และทำให้พีทซี่อ้าปากหวอ

“เกด…เกดจ๋า” คนเมาลืมตาเพียงนิด น้ำเสียงออดอ้อน “ผมขอโทษ...อย่าโกรธผมนะเกด”

“นี่มันอะไรกัน” ผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกสาวอุทาน แล้วหันไปคาดคั้น “เธอกับคุณภูเก็ต?”

ทว่าไม่มีคำตอบใดๆ จากเกษราที่รีบชุดข้อมือของพีทซี่ให้เดินออกมาจากห้องนอนและจากห้องพักของผู้ที่เช่า

เสียงประตูห้องปิดปังใหญ่ ทำให้คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงถอนหายใจ รับรู้ถึงกรุ่นกลิ่นของร่างเล็กที่เมื่อครู่เขาได้ใกล้ชิด เพียงแต่ว่าร่างกายของเขากระตุกเบาๆ เพราะอาการติดขัดจุกหน้าท้อง

ความพะอืดพะอมเพราะการดื่มหนัก ทำให้เขาต้องปรี่เข้าห้องน้ำอีกที ก่อนจะออกมาอีกสักครู่ ทิ้งตัวนอนบนเตียงใหญ่

ความคิดและสติที่มีอยู่เมื่อครู่เริ่มจางไปอีกครั้ง มโนภาพของเขาเห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เข้ามามากมาย

ความทรงจำบางอย่างทำให้ชายหนุ่มถอนอาวรณ์

บ้าน…เคยเป็นห้องพักแสนสบายบนตึกสูงในมหานครนิวยอร์ค

บ้าน…มักจะมีเสียเปียโนต้อนรับเวลาที่เขากลับมาถึงเสมอ

อ้อมแขนของผู้หญิงคนนั้นทำให้…บ้าน…อบอุ่น จนแม้ในเวลานี้ในห้วงภวังค์เขาก็ยังไม่วายรู้สึก

หรือแม้แต่เสียงเปียโนที่เขาก็ยังได้ยิน

เห็นนิ้วเรียวไล้ไปตามแป้นสีขาวดำของเปียโนตัวใหญ่ ในท่วงทำนองเพลงที่แสนคุ้นเคย

ทว่าในตอนนี้ สิ่งที่ภูเก็ตชายหนุ่มกลับเป็นเสียงเพลงบรรเลงเป็นเพลงที่ไม่คุ้นหู

และภาพที่เห็น มันเป็นบ้านไม้หลังเก่าใต้ร่มเงาของต้นไม้หลากชนิด

บ้าน...ในต่างจังหวัด ร่มรื่น

เสียงท่องบทกลอนที่ไม่คุ้นหูดังแว่ว แจ้วเจื้อย ผสมผสานกับเสียงหัวเราะสดใส

ภูเก็ตเห็นตัวเองยืนแหงนมองต้นไม้สูงที่แลดูบอบบาง มือที่แบบออกไปพลันหดกลับ

“นี่เหรอต้นปีบ ทำไมสูงจัง”



(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่