ว่าด้วยสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ๔ ประการ
(พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๑)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไกลกันแสนไกล ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
(๑) ฟ้ากับแผ่นดิน นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๑
(๒) ฝั่งนี้และฝั่งโน้นแห่งสมุทร นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๒
(๓) พระอาทิตย์ยามขึ้นและยามอัสดงคต นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๓
(๔) ธรรมของสัตบุรุษและธรรมของอสัตบุรุษ นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๔
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไกลกันแสนไกล ๔ ประการนี้แล ฯ
“นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ฟ้ากับดินไกลกัน ฝั่งสมุทรก็ไกลกัน พระอาทิตย์ส่องแสงยามอุทัยกับยามอัสดงคตไกลกัน บัณฑิตกล่าวว่า ธรรมของสัตบุรุษกับธรรมของอสัตบุรุษ ไกลกันยิ่งกว่านั้น การสมาคมของสัตบุรุษมั่นคงยืดยาว ย่อมเป็นอย่างนั้น ตราบเท่ากาลที่พึงดำรงอยู่ ส่วนการสมาคมของอสัตบุรุษ ย่อมจืดจางเร็ว เพราะฉะนั้น ธรรมของสัตบุรุษ จึงไกลจากธรรมของอสัตบุรุษ ฯ”
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๑
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
หน้าที่ ๔๗ ข้อที่ ๔๕
ขอความกรุณา
**ห้ามทะเลาะขัดแย้ง หรือ วิพากษ์วิจารณ์ในความเห็นของสมาชิกท่านอื่นแง่ลบ แต่สามารถออกความเห็นที่แตกต่างได้
ห้ามไม่ใช้คำส่อเสียดประกอบความเห็น หรือ มีการโต้เถียงไปมาเกินความจำเป็น
**งดเว้นการพูดถึงการปฏิบัติธรรมของ สาย ธรรมกาย,สันติอโศก
จขกทขออนุญาต ลบคอมเม้นที่มีพฤติกรรมดังกล่าว
เพื่อไม่ให้ขัดกับเจตนา ที่จขกท ตั้งกระทู้ เพื่อให้ทุกท่าน ได้พิจารณาธรรมค่ะ
[พระไตรปิฏก]ว่าด้วยสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ๔ ประการ
(พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๑)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไกลกันแสนไกล ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
(๑) ฟ้ากับแผ่นดิน นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๑
(๒) ฝั่งนี้และฝั่งโน้นแห่งสมุทร นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๒
(๓) พระอาทิตย์ยามขึ้นและยามอัสดงคต นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๓
(๔) ธรรมของสัตบุรุษและธรรมของอสัตบุรุษ นี้เป็นสิ่งที่ไกลกันแสนไกล ประการที่ ๔
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไกลกันแสนไกล ๔ ประการนี้แล ฯ
“นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ฟ้ากับดินไกลกัน ฝั่งสมุทรก็ไกลกัน พระอาทิตย์ส่องแสงยามอุทัยกับยามอัสดงคตไกลกัน บัณฑิตกล่าวว่า ธรรมของสัตบุรุษกับธรรมของอสัตบุรุษ ไกลกันยิ่งกว่านั้น การสมาคมของสัตบุรุษมั่นคงยืดยาว ย่อมเป็นอย่างนั้น ตราบเท่ากาลที่พึงดำรงอยู่ ส่วนการสมาคมของอสัตบุรุษ ย่อมจืดจางเร็ว เพราะฉะนั้น ธรรมของสัตบุรุษ จึงไกลจากธรรมของอสัตบุรุษ ฯ”
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
หน้าที่ ๔๗ ข้อที่ ๔๕
ขอความกรุณา
**ห้ามทะเลาะขัดแย้ง หรือ วิพากษ์วิจารณ์ในความเห็นของสมาชิกท่านอื่นแง่ลบ แต่สามารถออกความเห็นที่แตกต่างได้
ห้ามไม่ใช้คำส่อเสียดประกอบความเห็น หรือ มีการโต้เถียงไปมาเกินความจำเป็น
**งดเว้นการพูดถึงการปฏิบัติธรรมของ สาย ธรรมกาย,สันติอโศก
จขกทขออนุญาต ลบคอมเม้นที่มีพฤติกรรมดังกล่าว
เพื่อไม่ให้ขัดกับเจตนา ที่จขกท ตั้งกระทู้ เพื่อให้ทุกท่าน ได้พิจารณาธรรมค่ะ