คนที่พูดไม่รู้เรื่อง เกิดจากสาเหตุอะไร

มีเพื่อนคนนึง เธอเป็นคนที่มีปัญหาการสื่อสารมาก คือพูดไม่รู้เรื่อง
แรกๆ ก็คิดว่ามีแต่เราที่ไม่รู้เรื่อง แต่พอเช็คเรตติ้งแล้ว ไม่รู้เรื่องจริงๆ ไม่ใช่แค่พูด แชทก็ไม่รู้เรื่อง

อาการพูดไม่รู้เรื่อง เช่น อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีประธานของประโยค มีแค่กริยา หรือกรรม
ก็ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร //ตอบไม่ตรงคำถาม //ใช้คำอ้อมค้อม คำย่อ สรรพนามแทนบุรุษที่3
ที่ไม่รู้คือใคร แต่เธอรู้อย่างเดียว // เหมือนพูดในใจครึ่งนึง อีกครึ่งนึงพูดออกมา เลยไม่ต่อกัน
เยอะค่ะ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องต้องถามหลายที บางทีขี้เกียจถามก็ต้องเออออไปโดยไม่รู้เรื่อง

เธอคงไม่รู้ตัว ไม่มีใครกล้าบอก เราก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าคงเป็นนานแล้ว อยากทราบว่า
อาการแบบนี้เกิดจากสาเหตุอะไร แก้ไขได้มั้ยคะ บางทีก็ดูน่าสงสารเหมือนกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
อาการทางสมองค่ะ
ล้าน% เพราะคนที่รู้จัก ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ
แล้วรักษาทัน ไม่เป็นอัมพฤษ(น่าจะสะกดผิด ขออภัยล่วงหน้า)
หรืออัมพาต แต่กลายเป็นว่า พูดไม่รู้เรื่อง
(เช็คเรทติ้งแล้วเช่นกัน ทุกคนพูดตรงกัน)
คือเราพูดเรื่องนึง ชีก็แทรกขึ้นมา เหมือนจะรู้
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เราคุยกันไง....
บางทีฟังเรื่องเดียวกัน
คนอื่นเข้าใจตรงกันหมด
แต่ชีไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง
โอ้ย อีกเยอะ!!!!

และที่สำคัญ ไม่ต้องไปบอกเค้าหรอกค่ะ
เพราะเค้าเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก
คนเค้าบอกว่าเธอป่วย
เธอก็หาว่าคนอื่นใส่ร้ายเธอ
ว่าเธอเป็นนั่นนี่นู่น
ทั้งๆที่เธอปกติดีทุกอย่าง
(อืม..... งั้นเหรอ!!!
สงสัยคนรอบตัวเธอคงป่วยกันหมด
เพราะเค้าคุยกับเธอ ไม่รู้เรื่อง.....)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
ผมวิจัยเรื่องนี้มาแล้วครับ  คนที่พูดไม่รู้เรื่องเกิดจากอะไร ผมจะบรรยายให้ฟังนะครับ
ยํ่ากระรุณาอ่านให้เข้าใจนะครับเพราะออกแนว ซับซ้อนจริงๆ  ผมจะบอกว่าเขาไม่ได้เป็นบ้าหรือโรคประสาท
Check ตัวเองดูนะครับว่าตัวเองเป็นมาตั้งแต่เด็กๆหรือปล่าว

เรื่องนี้เกิดจาก สมองคนบางคนยํ่าว่าบางคนเท่านั้น หรือ1คนใน10000ของโลก>ที่มีความคิดซับซ้อนตั้งแต่ตอนยังเด็กๆ ในช่วงแรกๆ อายุ8-10ปี การพัตนาการสมองจะมีความซับช้อนวุนวาย เป็นกระบวนการหลายมิติ และมีความเที่ยงตรงสูงมาก  ที่พูดไปไม่ใช้ว่าฉลาดiq สูงหรือเก่งอะไรนะครับมันคือ กระบวนการความคิดหมายมิติและมีความวุนวายอยู่ในสมอง
ผมจะยกความคิดที่คนเหล่านี่คิดนะครับจะได้เข้าใจ ยํ่าอ่านให้เข้าใจ เช่น
ในวัยเรียนอายุ10 ปี คนอื่นๆเขานั้งสมาธิกัน แต่ตัวเองดันลืมตาขึ้นมาและคิดว่าตัวเองแปลกอยุ่คนเดียว และพอมองไปรอบๆตัวเองคิดว่าทําไมพวกเขาไม่ลืมตาเหมือนเราบ้าง และมองไปรอบๆอีกที และคิดอีกทีว่า ทําไมคุณครูถึงได้ยืนดูพวกเรา และมองไปรอบๆเห็นผู้ปกครอง ยืนดูพวกเรา แต่เราลืมตาเห็นคนเหล่านี้ มันช่วงดูแปลกๆจริงๆ    อย่างงนะครับมีอีก
--------------------------------------
เรื่องการเรียน
-------------------------------------
การเรียนการคํานวนสมองไม่ได้เรียนหรือจําอะไรได้ไว ถือว่าปกติหรือบางรายตํ่ากว่ามาตฐานเลยก็ว่าได้
อ่าวอย่างนี้ก็โง้ดิ  ไม่ใช้ครับ
คนเหล่านี้ หากได้รับข้อความ หรือความรู้ ความคิดจากผู้อื่น จะตอบไม่ได้ไว เพราะมีการคิดหลายมิติ หลายรูปแบบ บางรายถนัดช้าย
ใช้การจิตนาการณ์ด้วยภาพนี้ยิ่งซับช้อนไปใหญ่ คิดแล้วคิดอีก คิดไปไกลเกินกว่าที่ตนเองจะไปถึง ยกตัวอย่าง...ให้ไปหยิบปากกาให้ครูหลังห้องหน่อยอยู่บนโต๊ะ  .... แต่ดันไปหยิบปากกาบนโต๊ะ สีแดง นํ้าเงิน ดํารวมถึงอาจจะเป็น เมจิก ทุกเท่งเลยโดยไม่คิดว่า อาจารย์ต้องการแค่เท่งเดียว
ในความคิดของคนนี้ขณะที่ไปเอาประกา จะคิดว่าครูจะต้องใช้หลายๆอย่างแน่นอน
------------------------------------------------
การฟังเพลง
------------------------------------------------
หรือขณะที่ฟังเพลง หลายๆแบบ หลายๆแนว  การฟังเพลงทุกครั้ง อารมณ์และจิตนาการณ์จะเปลี่ยนไปทุกแบบ และไม่ซํ่ากันจะคิดภาพตามเพลง
ขณะที่ฟังเพลง ภาพในอดีตตัวเองก็จะปรากฏขึ้นมา หลายมิติ หลายฉาก บางคนถึงคนลอยฟังเพลงแต่รู้สึกสนุกไปกับความคิดตัวเอง  บางคนเพ้อ
พูดอะไรออกมา   บางคนฟังเพลงบ่อยมากจนแถบไม่ต้องฟังและคิดเอาเองได้เลย จะคิดภาพเหมือนกอเทป ไม่ใช้นึกภาพ ความคิดมันวุนวายและซับช้อนจนคิดว่าตัวเองนั้นเป็นบ้า แต่ๆในใจลึกๆเขาก็ไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองทําเกินขอบเขตของสมอง คนเหล่านี้มีEQ สูงเกินกว่าเข้าใจ

อ่านให้ละเอียดนะครับเพราะการบรรยายอาจจะดูงง ....
------------------------------------------------
การสื่อสารกับผู้อื่น  
-------------------------------------------------
โดยการพูดนั้นคนเหล่านี้จะ พูดไวจนหายใจไม่ทันบางคนถึงกับหอมเลยทีเดียว พูดไวจนฟังไม่รู้เรื่อง
ความคิดที่มีความวุยวาย บางคนควบคุมไม่อยู่ การพูดออกมาจะมีหลายรูปแบบ
1. การพูดแบบ fast การพูดแบบโดดไปโดดมา กลับไปกลับมา พูดโดยสมองคิดไวไป จนเกิดช่องว่างระหว่างคําพูดที่สมองคิดไม่ทัน
จนสมองต้องเก็บคําส่วนหนึ่งที่พูดออกไปไม่ทัน และคิดว่าพูดออกไปแล้วแต่ความจิงยังไม่พูด เช่นจะพูดว่า
ในสมองคิดว่า>วันนี้เราต้องไปมหาวิทยาลัยข้าเล่นเกมกับเองไม่ได้หลอก Cover >วันนี..ต้องไปมหาวิทยาลัยเล่นเกมไม่ได้ กุกลัวตก//
ตอนคิดเข้าใจพอพูดออกไปมันเหลือเท่านี้ เหตุผลที่ว่าคือ ในความคิดนั้นมีอาการทางสมองเรื่องความจําที่โดน คิดหลายรูปแบบในพร้อมๆกันในการพุดออกไป อาจจะคิดอยู่3-5แบบในขณะที่พูด จนกระทั้งลืมเค้าโครงดั้งเดิม เพราะคิดไวและไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า พูดแบบผายลม
คนเหล่านี้หากได้ทบทวนความคิดและพูดออกมาหรือ กําหนดมิติที่ตัวเองจะแสดงมันออกมา จะเป็นเรื่องที่ดูเก่งและแตกต่างไปเลย

-----------------------------------------------------------
สงสัยตัวเองคิดว่าตัวเองผิดปกติมีความ ยั้งคิดยั้งทํา
------------------------------------------------------------
ขณะที่เรียนหนังสือ ได้สงสัยว่าคนอื่นก็หายใจเราก็หายใจแต่ในขณะนั้น คุณครูกําลังสอนหนังสือเราฟังอยู่ ส่วนมือกําลังแคะเล็บ
และแว๊วหนึ่งคิดว่า ทําไมตัวเองถึงหายใจอัตโนมัสหว่า งงวะมันหายใจแบบauto ได้ไง
จึงบังคับห้ามหายใจ แต่สุดท้ายก็เกือบตาย เพราะความไม่รู้เรียกว่าโง้ก็ไม่ได้

หรือขณะที่ตัวเองนอนหรือหลับต้องจับผิดร่างกายตัวเองจนสงสัย เรื่องการเต้นหัวใจที่ไม่คงที่ และโยงไปเรื่องนี้เรื่องนั้นมากกว่า 10เรื่อง
และคิดว่าตัวเองกําลังจะตาย จนในที่สุดเข้าโรงพยบาล

หากมีคนพูดว่าโง้ คนเหล่านี้จะคิดและทบทวน ทั้งชีวิต ทุกการกระทําหมดเองประมวลเองโดยไม่ถามใคร คิดและยํ่าทําอยู่เป็นอาทิต
สอมงจะทํางานหนักบางคน สมองเฉื่อยไปเลย กว่าจะได้รับคําตอบว่าตัวเอง รับรู้และเข้าใจไม่ได้โง้  เกิดจากตัวเองประมวลเองคิดเองตอบเอง
งงชิบเรื่องนี้

------------------------------------------------
ปัญหาการสับสนกับตนเอง และมีความหมั้นใจในตัวเองสูงผิดปกติ และการหลอกตัวเอง และการพูดไม่ตรง
-----------------------------------------------
คนเหล่านี้เข้าใจว่าตนเองเก่งและฉลาดหากเข้าใจ ท่องแท้แล้วและมีความหมั้นใจที่เรียกว่าโม้ เลยก็ว่าได้
บางรายถึงกับคิดว่าตนเองถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งนี้ หรือถึงกับยกตัวเองเป็นพระราชา ทั้งที่คนอื่นมองว่าบ้า หรือขี้โม้
และเอกลักของคนเหล่านี้ คือมีการยึดติดสูง เช่นชอบอันนี้ก็เอาอันนี้ตลอดชีวิต แต่พอเบื่อแล้วก็ไม่หันมามองเลย แต่พอคิดถึงหามันจนเจอประมาณนี้ บางรายคุมไม่อยู่ถึงกับ ลอยได้เหาะได้เพราะความคิดมันหลุดมิติ สุดท้ายไม่พ้น ศีทันยา

การหลอกตัวเอง
คนเหล่านี้ทุกการพูดและทําจะหลอกหมด ความจริงอยู่ในใจเพราะพูดออกไปหรือการกระทํา  หาความจริงไม่ได้เต็ม100  ถามว่าทําไปเพื่ออะไร
เพราะสมองนั้นคิดว่า การพูดไม่จริงคือสิ่งที่ดีที่สุด เช่น

กลับบ้านตอนใหน >> เล่นเกมก่อนค่อยกลับ ทั้งๆที่กําลังจะเดินกลับบ้าน

กินข้าวเย็นยัง >ยังไม่กินเลยทั้งที่กินแล้ว แต่อยากกินอีก

พรุ้งนี้มาเรียนใหม > ไปดิ  แต่ไม่อยากไป

บ้านอยู่ใหน > อยู่กรุงเทพ   แต่อยู่นนทบุรีเพราะ เพื่อนส่วนใหญ่ตอบกรุงเทพ กลัวอาย

การหลอกตัวเอง มีอีกแบบ คือ การคิดว่าตนเป็นบุคคลสําคัญอะไรก็ได้แล้วตั้งตนว่าตัวเองคือบุคคนสําคัญ
และดิ้นลน จนมีคนสังเกต

คนเหล่านี้ มีการปรับตัวค่อนข้างสูง บางรายอายุ30 ต้นให้การว่า
เขาสามารถสร้างอารมขึ้นได้เอง  สุข ทุก เขาเลือกได้  อารมโมโห เกียด เขาสามารถปรับตัวให้ไม่ให้โกธและกลับมาตลกเหมือนเดิม
ได้ไวอย่างกับคนบ้า แต่ในใจรู้ว่าเกียดอยู่ ก็ไม่รู้ว่าทําไปเพื่ออะไร
---------------------------------------------------------
การพูดไม่ตรง เป็นเพราะ เอาคําตอบของหลายๆมุมมาตอบ
คนถาม                   คนเหล่านี้ตอบ
กินข้าวยัง                > ที่บ้านกําลังทําอยู่   ความจริงกําลังจะกลับไปกินที่บ้าน แต่ยิ้มหามิตินี้ไม่ทันก่อนที่สมองจะพูดออกมา
พรุ้งนี้มาใหม            > เจอกันพรุ้งนี้  ความคิดที่ว่ากุมาพรุ้งนี้เจอกัน
คอมเองชื่อที่ใหนวะ   >รุ้น ชัมซูง 4000บาททําไมวะ  ความคิดที่ว่าเขาคิดว่าของเราสวยและคิดว่าเขาคงชอบ เลยบอกรุ้นไปคงจะดีกว่า
ได้เกรดเท่าไร          >พักนี้เรียนไม่ดีวะ   ความจริงคือไม่อยากบอกเลยตอบอ้อมๆ

ผมจะสรุปนะครับ คนเหล่านี้เป็นเรื่องของสมองที่มีความคิดไวกว่าปกติ ความไวเหล่านี้ทําให้สมองช้ากว่าปกติเพราะดันไวเกินกว่าที่เส้นสมองที่จะ    สั้งการด้วยปากพูดสามารถเลือดจับ สิ่งที่ตัวเองคิดหลายๆๆมุมมองหลายๆๆมิติออกมาได้  หากสื่อสารด้วยการพูดไม่เข้าใจ ต้องสื่อสารด้วยการพิม บางรายถึงกับพิมออกมาชัดเจนมากกว่าพูดชะอีกและมีความเข้าใจง่ายกว่าคนปกตืพูดชะอีก  เป็นเพราะกระบวนการแปลงค่าความคิด หลายคนฟังแล้วไม่เข้าใจ
การสื่อสารการพูดการจา อาจจะเข้าใจยากเพราะ ประดิบประต่อไม่รู้เรื่องแต่เขารู้เรื่องดี เขารู้ด้วยว่าคนอื่นมองเขาว่าพูดจาไม่รู้เรื่องและคิดว่าเป้นคนโง้และทิ้ม ในขณะที่เขารู้ความคิดของคนอีกฝ่ายหมดเปลือกโดยไม่ต้องบรรยาย   คนเหล่านี้มีความคิด พื่นที่ส่วนตัวเฉพาะมีขนาดค่อนข้างกว่างคิดอะไรได้อย่างอิสระ บางรายมากไป เพ้อฝันจนเป็นบ้า  เรื่องบุกลิกอาจจะพูด เพียนๆ เช่นพูดมาก เพราะสมองต้องการปลดปล่อย
เรื่องสังคมคนเหล่านี้เข้าใจดี  เขาพยามปรับตัวเพื่อพวกเราเขาพยาม บังคับและปรับให้สมองอยู่ในระดับเท่าเรา  อาการที่ออกมาคือ
ดูกลัวๆกับการกระทํา ไม่หมั้นใจตัวเอง  กลัวคนอื่นจะมองว่าเขาไม่เอาใหน  กลัวจะทํผิดพลาด  และข้อเสียที่สุดของคนเหล่านี้คือ คิดตลอดเวลาไม่พักผ่อนนักจากการฟังเพลง หรือบางคนนอนฝัน บางคนหาอะไรยึดเหนี่ยว
ความคิดเห็นที่ 31
เรานี่แหละคนนึง..อมยิ้ม09

ก็พอรู้ตัวอยู่นะว่าเป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วเพื่อนๆก็กล้าบอกเราด้วย 555555

เราคิดนะว่าสาเหตุน่าจะเพราะตอนเด็กๆเราเป็นเด็กเก็บตัวอ่ะ ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่น ไม่กล้าแสดงออก ชีวิตวัยเด็กนี่อยู่แต่ที่บ้านกับโรงเรียนเท่านั้นแหละ  เลยกลายเป็นว่า ช่วงพัฒนาการที่ควรจะมีการหัดสื่อสารมันก็เลยหายไปเลยมั้ง..

โตมานี่เราก็ลำบากนะ ถึงจะกล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้นแล้ว แต่กลายเป็นว่าสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจไม่เป็น ต้องทบทวนคำพูดหลายๆรอบให้แน่ใจว่าคนอื่นเค้ารู้เรื่องแน่ๆแล้ว เวลาจะพูดอะไรต้องคิดคำพูดให้ดีๆก่อนถึงจะพูด เพราะบางทีพูดออกไปเลยมันจะเกิดการเรียงประโยคไม่ถูกอ่ะค่ะ (อันนี้เราว่าน่าจะเกี่ยวกับสมอง) หรือไม่ก็ ชอบพูดเสียงเบาๆ.. บางทีนึกเพลินๆจู่ๆในหัวมันก็มีคำพูดนึงขึ้นมา แล้วค่อยพูดส่วนที่เหลือออกไป 555555 (อย่างที่จขกท.บอกเป๊ะ) แต่อันนี้จะเป็นประมาณว่าเราพูดกับตัวเองมากกว่า ไม่ได้อยากจะสื่อสารกับใครเท่าไหร่ค่ะอมยิ้ม16

ก็ไม่รู้จะแก้ไขยังไงอยู่เหมือนกัน เวลาที่พิมพ์คอมเมนต์อะไรนี่ก็ต้องย้อนดูทบทวนแล้ว กลั่นกรอง ขัดเกลาคำพูดตัวเองหลายรอบเหมือนกัน ให้แน่ใจว่าที่เราพูดเราเขียนไปคนอื่นจะรู้เรื่องด้วย เฮ้อออออ~ ก็พยายามที่สุดแล้วนะคะ เราคิดว่าการที่เราฝึกพูดบ่อยๆนี่แหละอาจจะช่วยได้บ้าง ยังไงถ้าเกิดจขกท.มีคนใกล้ตัวแบบเราก็ช่วยบอกเค้าเลยเถอะค่ะ.. เราก็สังเกตเห็นนะบางทีที่เราพูดอะไรออกไปแล้วมีคนฟังเราไม่รู้เรื่อง แต่เหมือนเค้าก็ทำตัวแบบ ไม่ได้สนใจอะไร เราก็เลยต้องปล่อยผ่านไปด้วย.. คือทางที่ดีก็ต้องบอกอ่ะค่ะ ทวนคำพูดอีกรอบ ให้แน่ใจว่าเราเข้าใจตรงกันแล้วรึยัง ประมาณนี้ค่ะ
.
.
ความคิดเห็นที่ 15
มองในอีกแง่นึง  ถ้าเขาไม่เป็นคนอาร์ตจัด ๆ ก็ไอคิวสูงเกินคนปกติล่ะมั้งครับ

ผมอยู่กับคนกลุ่มนี้บ่อย ๆ  เลยคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะ
แนวคนอาร์ตนี่จะ
1.ออกแนวรำเพ้อรำพัน  
2.ชอบพูดกลางประโยคหรือใจความก่อน แล้วตัดมาหน้า  แล้วค่อยไปหลัง  ไม่ก็สลับกัน
3.บางทีพูดยาวเว่อร์  บางทีก็สั้นเกิน
4.ใช้คำแทนสรรพนามอย่างที่ จขกท ว่า

ส่วนแนวไอคิวสูงที่ถ้าผมเดาไม่ผิดความคิดเขาจะไปก่อน ปากจะทันได้พูดเสียอีก
1.พูดคำขาดคำ   แล้วก็วนพูดใหม่อีกรอบกับคำที่ขาดไป
2.มักพูดค่อนข้างเร็ว
3.ผลลัพธ์มักจะออกจากปากเขาก่อนวิธีการเสมอ   (อารมณ์ฉันเห็นจุดจบของเรื่องนี้แล้ว)
4.ถ้าไม่ดูเป็นคนคิดมาก ก็จะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจอะไรเท่าไหร่ (แต่จริง ๆ แล้วใส่ใจนะ)

บางทีอาจจะไม่ใช่โรคทางสมองหรือเปล่าครับ ??
คห. ส่วนตัว
ความคิดเห็นที่ 7
พยายามใช้สมาธิขั้นสูงฟังแล้ว แต่ไม่สำเร็จค่ะ เธอเป็นคนเก่ง (หมายถึงเรียนเก่ง) ฉลาด (หมายถึงคิดทันคนอื่น อ่านอะไรเข้าใจหมด)
แต่สื่อสารออกมาไม่ได้ค่ะ บางคนฟังแล้วก็เงียบ ไม่รู้จะตอบอะไร ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด แล้วค่อยแอบมาถามกันว่า เมื่อกี๊แปลว่าอะไรนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่