อานิสงส์เม็ดเงินชาวนา 9.2 หมื่นล้านบานสะพรั่งทั่วประเทศ บวกมาตรการผลักดันงบฯค้างท่อ ปั้นมู้ด-บรรยากาศจับจ่ายดีดกลับ เฉพาะเงินจำนำข้าว มีโอกาสสะพัดเป็น 1.5 แสนล้าน "ธุรกิจ" เร่งอัดงบฯพิเศษทันควัน ออกแคมเปญเฉพาะกิจปั๊มยอดขาย กลุ่มเซ็นทรัลผนึก 5,000 ซัพพลายเออร์จัดบิ๊กเซล 40 วัน ปูพรม 53 ศูนย์การค้าทั่วประเทศ คาดไตรมาส 3 สินค้าดาหน้าโตละลิ่ว
ภายหลังจาก "เคอร์ฟิวเข้มข้น" ตลอด 6 วันแรกภายหลังการยึดอำนาจ ซึ่งส่งผลโดยตรงถึงผู้ประกอบการธุรกิจต้องเตรียมแผนและปรับตัวกันยกใหญ่ เมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลาขายที่สั้นลง แต่พลันที่จ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนากลายเป็นภารกิจเร่งด่วนควบคู่ไปกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 กลายเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาปลดล็อก และหนุนเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้ โดยเฉพาะมู้ดการจับจ่ายที่หยุดชะงักมานาน ให้กลับคืนมาเป็นปกติ
เงินหมุนเข้าระบบ 100%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์กับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงผลลัพธ์ภายหลังเม็ดเงิน 9.2 หมื่นล้านกระจายสู่มือชาวนา เชื่อว่าเงินจำนวนนี้จะถูกใช้ทันที ส่วนหนึ่งเพื่อจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ ที่เหลือจะนำไปจับจ่ายอื่น ๆ อาทิ เตรียมการเพาะปลูกฤดูกาลใหม่และซื้อสินค้าจำเป็น เพราะฉะนั้นเงินจะหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้ง 100%
"เวลาหมุน เงินจะหมุนไปทั่วประเทศ แทบทุกจังหวัด โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือ ซึ่งเงินของเกษตรกรจะหมุนประมาณ 2 รอบ กลายเป็น 1.5-1.6 แสนล้าน และจะเห็นภาพชัดประมาณไตรมาส 3 จะสะพัดเต็มที่"
ขณะเดียวกันในแง่ความรู้สึกและบรรยากาศจะเริ่มกลับมา คนจะจับจ่ายใช้สอย ไม่เพียงเฉพาะชาวนาแต่จะเกิดผลในแง่จิตวิทยาไปทั่ว คนก็รู้สึกว่าเศรษฐกิจดูดีขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งการปลดล็อกงบประมาณภาครัฐปี"57 ที่ค้างท่ออยู่ บวกกับมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อจะหนุนเศรษฐกิจ จิตวิทยาในเชิงบวกจะกลับมาดันสินค้าทุกกลุ่มพุ่งปรี้ด
นอกจากนี้ช่วงเดือนมิถุนายนจะมีมหกรรมฟุตบอลโลกเข้ามาหนุนซึ่งปกติจะมีเงินสะพัดอีกราว 4-5 หมื่นล้าน และส่งผลบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
"เงินชาวนาที่หมุนออกมา 1.5-1.6 แสนล้านบาท จะช่วยดันเศรษฐกิจโตเพิ่มจากเดิม 0.5% สมมติว่าเดิมเรามองว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 1.5-2% จะกลายเป็น 2-2.5% และถ้ารวมกับการจับจ่ายใช้สอยอื่น ๆ ยิ่งถ้าหากเศรษฐกิจไทยมีความพร้อม จะเข้ามาช่วยให้เติบโตได้อีก 0.7-1% ทีเดียว"
ทั้งนี้ สินค้าส่วนใหญ่ที่ได้อานิสงส์อันดับแรก ๆ คือเครื่องจักรกลทางการเกษตร ปุ๋ย พันธุ์พืช เครื่องสูบน้ำ และกลุ่มสินค้าที่อำนวยความสะดวกและเติมคุณภาพชีวิต อาทิ มอเตอร์ไซค์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถกระบะ รวมถึงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ก่อสร้าง เป็นต้น
อัดงบฯมาร์เก็ตติ้งเร่ง
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ระบุว่า เม็ดเงินที่ลงไปกว่า 9 หมื่นล้าน เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมอย่างแน่นอน เพราะเงินจะถูกนำมาใช้จ่ายทำให้มีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบ บวกกับสถานการณ์ตอนนี้มีความสงบนิ่งมากขึ้น คนอยากออกมาใช้จ่าย
ล่าสุดสิงห์ได้เปิดตัวแคมเปญคอร์เปอเรตขององค์กร ใช้งบฯกว่า 200 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังจะมีแคมเปญใหม่ ๆ ออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นการสร้างแบรนด์แคแร็กเตอร์ให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น
"ผมว่าไม่ต้องรอถึงครึ่งปีหลัง แค่เดือนหน้าก็ดีขึ้นแล้ว ไม่เฉพาะสินค้าเรา แต่ในทุกสินค้าทั้งตลาด ทุกตัวจะโพซิทีฟขึ้น ดังนั้นมาร์เก็ตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำทันที เมื่อเงินเข้าระบบมาจำนวนมหาศาลขนาดนี้ กลายเป็นจังหวะที่ฟ้าเปิด ต้องเร่งเรียกโมเมนตัมจับจ่ายและมู้ดคืนกลับมา"
มู้ดจับจ่าย-ลงทุนฟื้น
นางสาวเมทินีอิสรจินดา รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตอนนี้เริ่มเห็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคเริ่มกลับมา เป็นปัจจัยทำให้เศรษฐกิจไทยที่ซึมมานานฟื้นกลับมาได้ และการจ่ายเงินให้แก่ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว 9 หมื่นล้าน กลายเป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ชาวนามีกำลังซื้อและเริ่มจับจ่ายใช้สอย ทำให้การบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption) น่าจะกลับมา
ทั้งนี้ สินค้าของเบอร์ลี่ฯซึ่งเน้นทำตลาดต่างจังหวัดจะส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งจะเห็นภาพชัดในไตรมาส 3 รวมทั้งการอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณได้เร็ว ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีในกลุ่มของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือทางการแพทย์ของบริษัท หลังจากที่มีปัญหายอดขายมาตลอด 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา
ค้าปลีกส่ง "แคมเปญเฉพาะกิจ"
นายเนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การใช้จ่ายในตลาดต่างจังหวัดที่ผ่านมาได้รับผลกระทบบ้าง เพราะกำลังซื้อของชาวนาหายไป มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ขณะนี้ชาวนาเริ่มได้รับเงินจำนำข้าว แต่เบื้องต้นอาจจะไปใช้จ่ายที่จำเป็นก่อน อาทิ นำไปชำระหนี้ หรือเตรียมการปลูกรอบใหม่ แต่เชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมกระเตื้องขึ้นมาบ้าง
โดยบิ๊กซีได้เตรียมโปรโมชั่นสำหรับดึงดูดให้เข้ามาซื้อสินค้า ซึ่งกำลังพิจารณาแคมเปญใหม่ ๆ ออกมา โดยจะติดตามการใช้จ่ายในช่วงเสาร์และอาทิตย์นี้ จากนั้นคาดว่าจะเห็นความชัดเจนขึ้น รวมถึงการเร่งจ่ายงบประมาณปี 2558 ก็เป็นความหวังว่าจะทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบกระจายไปสู่ส่วนภูมิภาค
ด้าน ดร.ธรรม์ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมีเงินสะพัดเข้าไปในระบบเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญมากที่ทำให้ตลาดมีความเคลื่อนไหว ซึ่งโรบินสันเตรียมแคมเปญที่เป็นในรูปแบบโลคอลเข้ามาเสริมเพื่อให้สอดคล้องกับแต่ละพื้นที่ ปัจจุบันโรบินสันมี 34 สาขาทั่วประเทศและเป็นต่างจังหวัดถึง 24 สาขา
5,000 แบรนด์ดัมพ์ราคาทั่ว ปท.
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะของภาคเอกชนกลุ่มเซ็นทรัลต้องการกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจของประเทศด้วยการจัดแคมเปญเซลครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศด้วยจุดแข็งด้านเครือข่ายศูนย์การค้า53 สาขาทั่วประเทศ สำหรับจัดแคมเปญลดราคาสินค้า "The Greatest Grand Sale" ร่วมกับ 5,000 ซัพพลายเออร์ตลอด 40 วันจากนี้
โดยแคมเปญนี้จะเป็นแรงผลักเร่งอารมณ์การจับจ่ายในช่วงนี้ให้ดีขึ้น พร้อมกับกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปมาซินเนอร์ยี่กันทั้งหมดทั่วประเทศจากเดิมที่ต่างคนต่างแยกกันทำ ไม่เพียงเพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายและกำลังซื้อภายในประเทศ แต่ยังสร้างกระแสความแรงของแคมเปญเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นช็อปปิ้งฮับของภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นยอดขาย 20-30%
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 3 มิ.ย. 57
ติดตามข้อคิดการเงินได้ที่ Maibat Fanpage
https://www.facebook.com/maibat.thailand
ถอดสลักปัจจัยลบ"ธุรกิจ"หวังQ3ลิ่ว ปั้นแคมเปญ"เฉพาะกิจ"อานิสงส์เงินสะพัดทั่วปท.
อานิสงส์เม็ดเงินชาวนา 9.2 หมื่นล้านบานสะพรั่งทั่วประเทศ บวกมาตรการผลักดันงบฯค้างท่อ ปั้นมู้ด-บรรยากาศจับจ่ายดีดกลับ เฉพาะเงินจำนำข้าว มีโอกาสสะพัดเป็น 1.5 แสนล้าน "ธุรกิจ" เร่งอัดงบฯพิเศษทันควัน ออกแคมเปญเฉพาะกิจปั๊มยอดขาย กลุ่มเซ็นทรัลผนึก 5,000 ซัพพลายเออร์จัดบิ๊กเซล 40 วัน ปูพรม 53 ศูนย์การค้าทั่วประเทศ คาดไตรมาส 3 สินค้าดาหน้าโตละลิ่ว
ภายหลังจาก "เคอร์ฟิวเข้มข้น" ตลอด 6 วันแรกภายหลังการยึดอำนาจ ซึ่งส่งผลโดยตรงถึงผู้ประกอบการธุรกิจต้องเตรียมแผนและปรับตัวกันยกใหญ่ เมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลาขายที่สั้นลง แต่พลันที่จ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนากลายเป็นภารกิจเร่งด่วนควบคู่ไปกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 กลายเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาปลดล็อก และหนุนเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้ โดยเฉพาะมู้ดการจับจ่ายที่หยุดชะงักมานาน ให้กลับคืนมาเป็นปกติ
เงินหมุนเข้าระบบ 100%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์กับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงผลลัพธ์ภายหลังเม็ดเงิน 9.2 หมื่นล้านกระจายสู่มือชาวนา เชื่อว่าเงินจำนวนนี้จะถูกใช้ทันที ส่วนหนึ่งเพื่อจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ ที่เหลือจะนำไปจับจ่ายอื่น ๆ อาทิ เตรียมการเพาะปลูกฤดูกาลใหม่และซื้อสินค้าจำเป็น เพราะฉะนั้นเงินจะหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้ง 100%
"เวลาหมุน เงินจะหมุนไปทั่วประเทศ แทบทุกจังหวัด โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือ ซึ่งเงินของเกษตรกรจะหมุนประมาณ 2 รอบ กลายเป็น 1.5-1.6 แสนล้าน และจะเห็นภาพชัดประมาณไตรมาส 3 จะสะพัดเต็มที่"
ขณะเดียวกันในแง่ความรู้สึกและบรรยากาศจะเริ่มกลับมา คนจะจับจ่ายใช้สอย ไม่เพียงเฉพาะชาวนาแต่จะเกิดผลในแง่จิตวิทยาไปทั่ว คนก็รู้สึกว่าเศรษฐกิจดูดีขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งการปลดล็อกงบประมาณภาครัฐปี"57 ที่ค้างท่ออยู่ บวกกับมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อจะหนุนเศรษฐกิจ จิตวิทยาในเชิงบวกจะกลับมาดันสินค้าทุกกลุ่มพุ่งปรี้ด
นอกจากนี้ช่วงเดือนมิถุนายนจะมีมหกรรมฟุตบอลโลกเข้ามาหนุนซึ่งปกติจะมีเงินสะพัดอีกราว 4-5 หมื่นล้าน และส่งผลบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
"เงินชาวนาที่หมุนออกมา 1.5-1.6 แสนล้านบาท จะช่วยดันเศรษฐกิจโตเพิ่มจากเดิม 0.5% สมมติว่าเดิมเรามองว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 1.5-2% จะกลายเป็น 2-2.5% และถ้ารวมกับการจับจ่ายใช้สอยอื่น ๆ ยิ่งถ้าหากเศรษฐกิจไทยมีความพร้อม จะเข้ามาช่วยให้เติบโตได้อีก 0.7-1% ทีเดียว"
ทั้งนี้ สินค้าส่วนใหญ่ที่ได้อานิสงส์อันดับแรก ๆ คือเครื่องจักรกลทางการเกษตร ปุ๋ย พันธุ์พืช เครื่องสูบน้ำ และกลุ่มสินค้าที่อำนวยความสะดวกและเติมคุณภาพชีวิต อาทิ มอเตอร์ไซค์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถกระบะ รวมถึงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ก่อสร้าง เป็นต้น
อัดงบฯมาร์เก็ตติ้งเร่ง
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ระบุว่า เม็ดเงินที่ลงไปกว่า 9 หมื่นล้าน เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมอย่างแน่นอน เพราะเงินจะถูกนำมาใช้จ่ายทำให้มีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบ บวกกับสถานการณ์ตอนนี้มีความสงบนิ่งมากขึ้น คนอยากออกมาใช้จ่าย
ล่าสุดสิงห์ได้เปิดตัวแคมเปญคอร์เปอเรตขององค์กร ใช้งบฯกว่า 200 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังจะมีแคมเปญใหม่ ๆ ออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นการสร้างแบรนด์แคแร็กเตอร์ให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น
"ผมว่าไม่ต้องรอถึงครึ่งปีหลัง แค่เดือนหน้าก็ดีขึ้นแล้ว ไม่เฉพาะสินค้าเรา แต่ในทุกสินค้าทั้งตลาด ทุกตัวจะโพซิทีฟขึ้น ดังนั้นมาร์เก็ตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำทันที เมื่อเงินเข้าระบบมาจำนวนมหาศาลขนาดนี้ กลายเป็นจังหวะที่ฟ้าเปิด ต้องเร่งเรียกโมเมนตัมจับจ่ายและมู้ดคืนกลับมา"
มู้ดจับจ่าย-ลงทุนฟื้น
นางสาวเมทินีอิสรจินดา รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตอนนี้เริ่มเห็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคเริ่มกลับมา เป็นปัจจัยทำให้เศรษฐกิจไทยที่ซึมมานานฟื้นกลับมาได้ และการจ่ายเงินให้แก่ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว 9 หมื่นล้าน กลายเป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ชาวนามีกำลังซื้อและเริ่มจับจ่ายใช้สอย ทำให้การบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption) น่าจะกลับมา
ทั้งนี้ สินค้าของเบอร์ลี่ฯซึ่งเน้นทำตลาดต่างจังหวัดจะส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งจะเห็นภาพชัดในไตรมาส 3 รวมทั้งการอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณได้เร็ว ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีในกลุ่มของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือทางการแพทย์ของบริษัท หลังจากที่มีปัญหายอดขายมาตลอด 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา
ค้าปลีกส่ง "แคมเปญเฉพาะกิจ"
นายเนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การใช้จ่ายในตลาดต่างจังหวัดที่ผ่านมาได้รับผลกระทบบ้าง เพราะกำลังซื้อของชาวนาหายไป มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ขณะนี้ชาวนาเริ่มได้รับเงินจำนำข้าว แต่เบื้องต้นอาจจะไปใช้จ่ายที่จำเป็นก่อน อาทิ นำไปชำระหนี้ หรือเตรียมการปลูกรอบใหม่ แต่เชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมกระเตื้องขึ้นมาบ้าง
โดยบิ๊กซีได้เตรียมโปรโมชั่นสำหรับดึงดูดให้เข้ามาซื้อสินค้า ซึ่งกำลังพิจารณาแคมเปญใหม่ ๆ ออกมา โดยจะติดตามการใช้จ่ายในช่วงเสาร์และอาทิตย์นี้ จากนั้นคาดว่าจะเห็นความชัดเจนขึ้น รวมถึงการเร่งจ่ายงบประมาณปี 2558 ก็เป็นความหวังว่าจะทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบกระจายไปสู่ส่วนภูมิภาค
ด้าน ดร.ธรรม์ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมีเงินสะพัดเข้าไปในระบบเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญมากที่ทำให้ตลาดมีความเคลื่อนไหว ซึ่งโรบินสันเตรียมแคมเปญที่เป็นในรูปแบบโลคอลเข้ามาเสริมเพื่อให้สอดคล้องกับแต่ละพื้นที่ ปัจจุบันโรบินสันมี 34 สาขาทั่วประเทศและเป็นต่างจังหวัดถึง 24 สาขา
5,000 แบรนด์ดัมพ์ราคาทั่ว ปท.
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะของภาคเอกชนกลุ่มเซ็นทรัลต้องการกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจของประเทศด้วยการจัดแคมเปญเซลครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศด้วยจุดแข็งด้านเครือข่ายศูนย์การค้า53 สาขาทั่วประเทศ สำหรับจัดแคมเปญลดราคาสินค้า "The Greatest Grand Sale" ร่วมกับ 5,000 ซัพพลายเออร์ตลอด 40 วันจากนี้
โดยแคมเปญนี้จะเป็นแรงผลักเร่งอารมณ์การจับจ่ายในช่วงนี้ให้ดีขึ้น พร้อมกับกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปมาซินเนอร์ยี่กันทั้งหมดทั่วประเทศจากเดิมที่ต่างคนต่างแยกกันทำ ไม่เพียงเพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายและกำลังซื้อภายในประเทศ แต่ยังสร้างกระแสความแรงของแคมเปญเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นช็อปปิ้งฮับของภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นยอดขาย 20-30%
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 3 มิ.ย. 57
ติดตามข้อคิดการเงินได้ที่ Maibat Fanpage
https://www.facebook.com/maibat.thailand