ธรรมะ : ปริยัติ ปฎิบัติ และปฏิเวธ



เมื่อวานนี้ 01/06/2557 ตอนค่ำว่างๆ ผมน้องนัทตี้ก็เลยแวะไปเรียนนักธรรมตรี ที่วัดแถวสนามหลวงวัดหนึ่งครับ ไปเจอหลวงพี่เณรรูปหนึ่งกำลังท่องบาลี เค้าเรียก ก็เลยแวะเข้าไปทักทาย ผมบอกว่า ช่วงนี้ไม่อยากสวดมนต์บ่อย อยากเอาเวลามานั่งสมาธิให้เยอะๆ หลวงพี่เณร หรือผมจะเรียกต่อไปว่า พี่เณรแว่นดำ บอกว่า พระพุทธศาสนาเน้น ปริยัติ ปฎิบัติ และปฎิเวธ

ผมถามพี่เณรแว่นดำว่า จะต้องรู้ป...ริยัติถึงประโยคไหน ถึงจะเริ่มปฎิบัติได้ พี่เณรแว่นดำตอบไม่ออก บอกไม่ถูก อันนี้ไม่ว่ากัน แต่พี่เณรแว่นดำ ก็ได้ย้ำว่า ถ้าปฎิบัติ โดยไม่มีความรู้ปริยัติเลย จะไม่ดี พอดีผมต้องไปธุระก็เลยขอตัวกลับก่อน เลยไม่ได้สนทนาต่อ

แต่ระหว่างทาง ก็ได้ครุ่นคิดว่า ผู้คนสมัยนี้ หรือแม้แต่พระภิกษุ พระเถรานุเถระ ไม่ใช่พระเถรานุเถเลอะ ต่างก็เชื่อว่า ปริยัติ ปฎิบัติ และปฏิเวธ เป็นสูตรตายตัว ทันใดนั้น ความคิดของผมก็แวบไปคิดถึง สมัยพุทธกาล ที่พระจูฬปันถก ผู้มีปัญญาทึบมาก ไม่สามารถท่องมนต์หรือเข้าใจอะไรได้เลย จึงทำให้ท่านถูกพระพี่ชายของท่านขับไล่ออกจากสำนัก เมื่อพระพุทธเจ้าทราบความจึงได้ให้ประทานผ้าเช็ดพระบาทสีขาวบริสุทธิ์ให้ท่านไปลูบ รโชหรณัง จนในที่สุดท่านพิจารณาเห็นว่าผ้าขาวเมื่อถูกลูบมีสีคล้ำลง จึงนำมาเปรียบกับชีวิตของคนเราที่ไม่มีความยั่งยืน ท่านจึงได้เจริญวิปัสสนาและบรรลุพระอรหันต์เพราะสิ่งที่ท่านพบจากการลูบผ้าขาวนั่นเอง ท่านพบปริยัติจากการปฎิบัตินั่นเอง

เอะ ต้องหาหลายๆรูปมาแย้งหน่อยนะ เช่น ยสกุลบุตร ก็ไม่ได้รู้ปริยัติอะไรมากมาย ฟังพระพุทธองค์ตรัสสอนเรื่อง อนุปุพพิกถา ก็ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน

เห็นมั้ยว่า พระจูฬบันถกก็ดี ยสกุลบุตรก็ดีก็ไม่เห็นมีปริยัติ หรือเรียนรู้อะไรมากมาย แต่ก็ยังสำเร็จเป็นพระอรหันต์ หรือพระโสดาบันได้ ดังนั้น ทฤษฎี ที่ว่า

ปริยัติ ปฎิบัติ และปฏิเวธ จึงน่าจะไม่ใช่สูตรตายตัว หรืออาจจะไม่ใช่พระพุทธพจน์ก็เป็นได้ครับ

อธิบายอย่างนี้แล้ว จะดูว่าพี่แว่นดำจะหาเหตุผลอะไรมาแย้งเราได้อีก

บางครั้งสูตรอาจจะออกมาเป็นว่า ปฎิบัติ ปริยัติ และปฏิเวธ ก็เป็นได้ครับ พี่เณรแว่นดำ

น้องนัทตี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่