ผมออกตัวก่อนเลยว่าไม่ได้เป็นคนที่เรื่องมาก ขนาดบางทีผมไปซื้อไส้กรอก พอคิดตังค์เสร็จแล้ว พนักงานถึงได้บอกว่าซอสหมด ผมก็เสียความรุ้สึกนิดๆ เหมือนเราถูกหลอก แต่ผมก็หยวนๆ ไม่เคยบ่นอะไรครับ ก็เข้าใจพนักงาน
แต่เซเว่นแถวหอผม ชอบมีกรณีอย่างนี้ ซื้อสปาเกตตี้ เวฟแล้ว คิดตังเสร็จแล้ว หยิบช้อนมาให้อย่างเดียว ผมก็ท้วงว่า ขอส้อมด้วยครับ พนักงงานก็ตอบมาว่าส้อมหมด อันนี้น่าหงุดหงิดกว่าซอสไส้กรอกอีกครับ คือเส้นสปาก็ทั้งยาวทั้งลื่นจะให้ทานด้วยช้อนหรอครับ
ส่วนอันนี้โหดสุด ผมตั้งใจจะซื้อบิ๊กกัฟกลับไปดื่มที่ห้อง เพราะมีพิซซ่าเหลืออยู่ แต่ผมก็ซื้ออย่างอื่นตุนไปด้วยไม่ว่าจะเป็นน้ำแข็ง ของก็ค่อนข้างเยอะ แต่พอคิดตังค์เสร็จพนักงานบอกว่าฝาหมด หน้าผมถอดสีเลยครับ ผมขับรถมอเตอรืไซค์มา ต้องหิ้วถุงพะรุงพะรังใส่ในแฮนด์อีก ด้วยความที่ผมกลัวมันกระเฉาะ ระหว่างกลับหอ จึงต้องยอมดื่มไปครึ่งแก้ว พอกลับไปถึงห้อง ระหว่างที่ทานพิซซ่า ต้องประหยัดโค้กสุดๆ
ปล. เรื่องส้อม บางคนอาจจะคิดว่า ทำไมผมไม่ใช้ส้อมที่บ้าน ตอนนี้ผมอยู่หอน่ะครับ อาจจะมีคำถามต่อมาว่า ทำไมไม่หัดเตรียม ทำไมไม่ซื้อช้อนส้อมไว้ที่ห้อง คือ ผมทานข้าวข้างนอกตลอดครับ ที่ซื้อมาทานห้องก็จะมีแต่อาหารเซเว่น ก็รู้ครับว่าควรจะมีติดห้องไว้ หลังจากที่ผมได้เจอแบบนี้หลายรอบ ก็คิดอยู่ว่าจะไปหาซื้อมาติดห้องแหละครับ อย่างไรก็ดี ทั้งหมดที่กล่าวมาผมก็ไม่อะไรมากครับ มันเสียความรู้สึกๆนิดน่ะครับ แบบว่า เห้ย มันคือสิ่งที่เราควรจะได้ ก็เข้าใจครับว่าของมันมีหมดกันได้ แต่ผมคิดว่าจะเป็นการดีมากหากช่วยติดป้ายบอกลูกค้าด้วย ข้อความเช่น ขออภัย ส้อมหมด / ช้อนหมด / ฝาบิ๊กกัฟหมด อะไรก็ว่ากันไป แบบนี้น่ะครับ ลูกค้าจะได้ไปซื้ออย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้ของที่ว่ามานั้นแทน เช่นส่อมหมด ก็จะได้ซื้อข้าว ไม่ซื้อสปาเกตตี
ถึง เซเว่น... สาขาไหน ส้อมหมด ช้อนหมด ฝาบิ๊กกัฟหมด ช่วยติดป้ายบอกลูกค้าหน่อยก็ดีนะครับ
แต่เซเว่นแถวหอผม ชอบมีกรณีอย่างนี้ ซื้อสปาเกตตี้ เวฟแล้ว คิดตังเสร็จแล้ว หยิบช้อนมาให้อย่างเดียว ผมก็ท้วงว่า ขอส้อมด้วยครับ พนักงงานก็ตอบมาว่าส้อมหมด อันนี้น่าหงุดหงิดกว่าซอสไส้กรอกอีกครับ คือเส้นสปาก็ทั้งยาวทั้งลื่นจะให้ทานด้วยช้อนหรอครับ
ส่วนอันนี้โหดสุด ผมตั้งใจจะซื้อบิ๊กกัฟกลับไปดื่มที่ห้อง เพราะมีพิซซ่าเหลืออยู่ แต่ผมก็ซื้ออย่างอื่นตุนไปด้วยไม่ว่าจะเป็นน้ำแข็ง ของก็ค่อนข้างเยอะ แต่พอคิดตังค์เสร็จพนักงานบอกว่าฝาหมด หน้าผมถอดสีเลยครับ ผมขับรถมอเตอรืไซค์มา ต้องหิ้วถุงพะรุงพะรังใส่ในแฮนด์อีก ด้วยความที่ผมกลัวมันกระเฉาะ ระหว่างกลับหอ จึงต้องยอมดื่มไปครึ่งแก้ว พอกลับไปถึงห้อง ระหว่างที่ทานพิซซ่า ต้องประหยัดโค้กสุดๆ
ปล. เรื่องส้อม บางคนอาจจะคิดว่า ทำไมผมไม่ใช้ส้อมที่บ้าน ตอนนี้ผมอยู่หอน่ะครับ อาจจะมีคำถามต่อมาว่า ทำไมไม่หัดเตรียม ทำไมไม่ซื้อช้อนส้อมไว้ที่ห้อง คือ ผมทานข้าวข้างนอกตลอดครับ ที่ซื้อมาทานห้องก็จะมีแต่อาหารเซเว่น ก็รู้ครับว่าควรจะมีติดห้องไว้ หลังจากที่ผมได้เจอแบบนี้หลายรอบ ก็คิดอยู่ว่าจะไปหาซื้อมาติดห้องแหละครับ อย่างไรก็ดี ทั้งหมดที่กล่าวมาผมก็ไม่อะไรมากครับ มันเสียความรู้สึกๆนิดน่ะครับ แบบว่า เห้ย มันคือสิ่งที่เราควรจะได้ ก็เข้าใจครับว่าของมันมีหมดกันได้ แต่ผมคิดว่าจะเป็นการดีมากหากช่วยติดป้ายบอกลูกค้าด้วย ข้อความเช่น ขออภัย ส้อมหมด / ช้อนหมด / ฝาบิ๊กกัฟหมด อะไรก็ว่ากันไป แบบนี้น่ะครับ ลูกค้าจะได้ไปซื้ออย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้ของที่ว่ามานั้นแทน เช่นส่อมหมด ก็จะได้ซื้อข้าว ไม่ซื้อสปาเกตตี