หลวงพ่อวัดปากน้ำเทศน์เรื่อง "สติปัฏฐานสูตร" ไว้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2497 ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันกับเวลาที่มหาโชดกบังคับให้เอาอบรมวิชายุบหนอพองหนอในโบสถ์ของวัดปากน้ำ
ขอนำเสนอการเทศน์ตั้งแต่แรกก่อนดังนี้ :
ตอนนี้ขอให้ดูข้อความเน้นสีเขียวไว้ว่า "เห็นจิตในจิตนี่ ต้องกล่าว "เห็น" นะ ไม่ใช่กล่าว "รู้" นะ เห็นจิตในจิต"
ข้อความดังกล่าวนี้ ยืนยันได้ว่า
"หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ได้เลิกสอนวิชาธรรมกาย และไม่ได้เชื่อถือวิชายุบหนอพองหนอของพระพม่าเลย"
พระพม่าบิดเบือน "ตามเห็น/เห็นเนือง" โดยปริยัติ คือ แปลเป็นว่า "รู้" ซึ่งมันผิด หลวงพ่อวัดปากน้ำจึงมาเทศน์ยืนยันไว้
พระพม่าบิดเบือนและผิดไปมากขึ้นในตอนปฏิบัติ เพราะ "ไม่รู้อะไรเลย" จึงใช้ "รู้สึก" แทน
รู้สึกว่าขนลุก รู้สึกว่าปวดขา รู้สึกโน่นๆ รู้สึกนี่ ดังนั้น พระพม่าและสาวกไม่เคยปฏิบัติถูกต้องตามสติปัฏฐานสูตรเลย
การทนเจ็บได้ ไม่ใช่เวทนาในเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน [4]
ขอนำเสนอการเทศน์ตั้งแต่แรกก่อนดังนี้ :
ตอนนี้ขอให้ดูข้อความเน้นสีเขียวไว้ว่า "เห็นจิตในจิตนี่ ต้องกล่าว "เห็น" นะ ไม่ใช่กล่าว "รู้" นะ เห็นจิตในจิต"
ข้อความดังกล่าวนี้ ยืนยันได้ว่า "หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ได้เลิกสอนวิชาธรรมกาย และไม่ได้เชื่อถือวิชายุบหนอพองหนอของพระพม่าเลย"
พระพม่าบิดเบือน "ตามเห็น/เห็นเนือง" โดยปริยัติ คือ แปลเป็นว่า "รู้" ซึ่งมันผิด หลวงพ่อวัดปากน้ำจึงมาเทศน์ยืนยันไว้
พระพม่าบิดเบือนและผิดไปมากขึ้นในตอนปฏิบัติ เพราะ "ไม่รู้อะไรเลย" จึงใช้ "รู้สึก" แทน
รู้สึกว่าขนลุก รู้สึกว่าปวดขา รู้สึกโน่นๆ รู้สึกนี่ ดังนั้น พระพม่าและสาวกไม่เคยปฏิบัติถูกต้องตามสติปัฏฐานสูตรเลย