สุขของสุจริตชน ที่นักการเมืองละเลย

จากการติดตามข่าวสารในหลายๆเรื่องในปัจจุบัน โดยเฉพาะข่าวอาชญากรรม
ท่านเคยตั้งข้อสังเกตไหมว่า ในคดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น ข่มขืน ฆ่า หรือยาเสพติด
ในหลายคดีที่เกิดขึ้นนั้น ผู้กระทำผิดมีอายุไม่มากเพียงแค่ 20 กว่าปี แต่เคยทำผิด
ถูกจับรับโทษจำคุกมาแล้ว 4-5 ครั้ง หรือมากกว่านั้น พอออกจากคุกมาก็ก่อคดีอีก
อายุแค่นี้มันเอาเวลาที่ไหนไปติดคุก???

ผู้ที่รับกรรมจากอมนุษย์พวกนี้คือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำ หรือญาติพี่น้องของเขาเหล่านั้น

เหตุที่สุจริตชนต้องคอยหวาดผวาต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน จากการกระทำของเดนสังคมพวกนี้
น่าจะเป็นเพราะสถานที่ในการควบคุมที่ไม่เพียงพอ จึงต้องระบายปล่อยตัวออกมาบ้าง
หรือระบบการใช้ระเบียบกฎหมายในการควบคุม คุมขังผู้ต้องขังยังไม่รัดกุมดีพอ
หรือการบังคับใช้กฎหมายที่ยังเลือกปฏิบัติแก่บุคคลไม่เท่าเทียมกัน

ที่ผ่านมานักการเมืองไม่เคยนำปัญหานี้ขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง
อาจเป็นเพราะกลัวว่าสิ่งที่ตนเองแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นจะย้อนเข้าตัวเองหรือพวกพ้อง
กรรมจึงตกอยู่กับพวกเราๆท่านๆ ที่ทำมาหากินโดยสุจริต

เนื่องในวะระดิถีที่การบริหารบ้านเมืองและการออกกฎหมายในขณะนี้
ผู้มีอำนาจไม่ใช่นักการเมืองโดยอาชีพ
โอกาสที่จะมีการจัดการให้ประชาชนทั่วไปอยู่กันอย่างมีความสุขในอนาคตนั้นมีมาก
การปฏิบัตินั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเห็นผลแห่งความสุขทันตาเห็น
แต่หวังไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานที่จะได้อยู่เย็นเป็นสุขต่อไป

จึงอยากที่จะเสนอความเห็นในการดำเนินการตามสถานการณ์ในขณะนี้ ดังนี้

1.จัดสรรงบประมาณพร้อมทั้งหาสถานที่รกร้างห่างไกลชุมชนและความเจริญ
สำหรับสร้างเรือนจำไว้คุมขังนักโทษในคดีอุกฉกรรจ์และผู้กระทำผิดซ้ำซาก
รวมถึงคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การทุจริตคอรัปชั่น
โดยให้เป็นเรือนจำขนาดใหญ่ที่มั่นคงแข็งแรง สามารถคุมขังนักโทษได้ไม่น้อยกว่า1แสนคน
ภายในแต่ละแดนไม่ให้มีการได้พบปะติดต่อกัน
และในแดนเดียวกันก็อาจแบ่งย่อยออกไปอีกเพื่อป้องกันการรวมตัวก่อจลาจล
พื้นที่โดยรอบนอกกำแพงต้องห่างจากทางสาธารณะให้มากเพียงพอ
สำหรับการป้องกันการส่งหรือนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปภายในเรือนจำ
และบริเวณนี้จะต้องมีการตัดสัญญาณการสื่อสารทุกประเภท
ส่วนเรือนจำที่มีอยู่เดิมให้ใช้สำหรับคุมขังผู้กระทำผิดในคดีที่ไม่ร้ายแรง
เช่น คดีที่ทำโดยประมาท  

2.แก้ไขกฎเกณฑ์ ระเบียบในการลดหย่อนผ่อนโทษ
โดยให้ผู้ที่ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดแล้ว
จะต้องได้รับโทษอย่างน้อย 4 ใน 5 ของคำพิพากษา
เช่น ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 10 ปี จะต้องได้รับโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 8 ปี
มิใช่ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลยพินิจของผู้ดูแลแต่เพียงอย่างเดียวดังเช่นปัจจุบัน
เพราะมันอาจมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง

3.ให้สิทธิและสวัสดิการเป็นพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำแห่งนี้
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

4.ลดอายุเยาวชนให้เหลือเพียง 15 ปี
เพราะสังคมโลกปัจจุบันก้าวไกล การเจริญเติบโตทางร่างกาย
และจิตสำนึกความคิดความอ่าน การรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี
ของเยาวชนล้ำหน้าไปกว่าก่อนมาก

สิ่งที่ชอบอ้างกันนักหนาเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้น
หากจะอ้างกันเช่นนั้นก็ขอให้มองให้รอบด้านว่า
สิทธิมนุษยชนของผู้สุจริตที่ถูกกระทำหรือของผู้กระทำผิดกฎหมายนั้น
ผู้ใดควรจะได้รับสิทธินั้นมากกว่ากัน

รายละเอียดปลีกย่อยตามที่คิดยังมีอีกมาก
แต่ขอนำเสนอความคิดแต่เพียงเท่านี้ก่อน

ขอน้อมรับทุกความเห็นทั้งที่เห็นด้วยและที่เห็นต่างทุกๆท่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่