หลายคดีในชั้นศาลที่มีการต่อสู้จนถึงฎีกาแล้ว มีหลายคดีสำคัญเกี่ยวข้องกับนักการเมือง
และบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะคดีที่มีนักการเมืองตกเป็นผู้ต้องหา ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอายุมาก
หรือสูงวัย เมื่อต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ คำถามที่ตามมาคือเรื่องสุขภาพและระยะเวลา
ต้องโทษนานหลายปี หลายฝ่ายจึงทวงถามถึงหลักเกณฑ์การพักโทษว่าเป็นอย่างไร
<
<
<
กอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ระบุว่า ปกตินักโทษผู้สูงอายุที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ส่วนใหญ่จะได้รับการ
อภัยโทษและได้รับการพักโทษในกรณีพิเศษต่างๆ สำหรับนักโทษผู้สูงวัยหรือนักโทษที่มี
อายุมาก จะมีจำนวนน้อยที่เข้ามาในเรือนจำ หรือเรียกว่า “ภาวะชั่วคราว”
อย่างไรก็ตาม ทางเรือนจำจะดูแลตามปกติเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ แต่เมื่อมีวาระโอกาส
สำคัญกลุ่มผู้สูงวัยเหล่านี้จะถูกปล่อยออกไปตามการพิจารณาและเข้าคุณสมบัติ ซึ่งนักโทษ
เหล่านี้มักไม่อยู่ถาวรหรือนานจนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรังอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากมีเรื่องของการ
พักโทษและอภัยโทษเข้ามา
“เพราะคนแก่จะมีเรื่องการพักโทษกรณีพิเศษต่างๆ หรือคนแก่ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปจะมีโอกาส
ได้รับการพักโทษมากกว่าคนอื่นในการลดหย่อนผ่อนโทษและได้รับการปล่อยตัว โดยจะพิจารณา
จากเรื่องของสุขภาพบวกกับโอกาสสำคัญในแต่ละช่วงนั้นๆ ซึ่งนักโทษสูงวัยจึงมีโอกาสได้รับ
การปล่อยตัวและได้พักโทษไว ทั้งนี้ผู้ต้องขังสูงวัยส่วนใหญ่จะอยู่ในเรือนจำในภาวะหนึ่งเท่านั้น
และก็จะหมดไปเป็นช่วงๆ ไม่สะสมเหมือนกับนักโทษทั่วไป” กอบเกียรติ กล่าว
<
<
<
อย่างไรก็ตาม เมื่อนักโทษเด็ดขาดได้รับการพักโทษแล้ว ไม่ใช่ว่าจะขาดการติดต่อกับทางเรือนจำ
ที่เคยถูกคุมขัง แต่จะมีการคุมประพฤติหลังการพักโทษ โดยมีเจ้าหน้าที่คุมประพฤติหรืออาสาสมัคร
คุมประพฤติไปเยี่ยมที่บ้านของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำ ดูแลช่วยเหลือ
สงเคราะห์เมื่อมีปัญหา โดยที่ผู้ถูกคุมประพฤติจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 8 ข้อ ที่กำหนดไว้หาก
ประพฤติผิดเงื่อนไขจะถูกนำตัวกลับมาคุมขังไว้ในเรือนจำตามเดิม และจะถูกลงโทษทางวินัยอีกด้วย
สำหรับเงื่อนไข 8 ข้อประกอบไปด้วย 1.จะต้องพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ 2.ห้ามออกนอก
เขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย เช่น เล่นการพนัน ดื่มสุรา ยาเสพติด
และกระทำผิดอาญาขึ้นอีก 4.ประกอบอาชีพโดยสุจริต 5.ปฏิบัติตามลัทธิศาสนา 6.ห้ามพกพาอาวุธ
7.ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ และ 8.ให้ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ
เรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจทุกเดือน ทั้งนี้หากผู้ถูกคุมประพฤติ ยึดทำตาม
เงื่อนไข ก็จะได้รับใบบริสุทธิ์ และพ้นโทษไปตามคำพิพากษา
เปิดหลักเกณฑ์พักโทษ ความหวังสุดท้ายบิ๊กการเมือง ....โพสต์ทูเดย์ออนไลน์.../sao..เหลือ..noi
และบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะคดีที่มีนักการเมืองตกเป็นผู้ต้องหา ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอายุมาก
หรือสูงวัย เมื่อต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ คำถามที่ตามมาคือเรื่องสุขภาพและระยะเวลา
ต้องโทษนานหลายปี หลายฝ่ายจึงทวงถามถึงหลักเกณฑ์การพักโทษว่าเป็นอย่างไร
<
<
<
กอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ระบุว่า ปกตินักโทษผู้สูงอายุที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ส่วนใหญ่จะได้รับการ
อภัยโทษและได้รับการพักโทษในกรณีพิเศษต่างๆ สำหรับนักโทษผู้สูงวัยหรือนักโทษที่มี
อายุมาก จะมีจำนวนน้อยที่เข้ามาในเรือนจำ หรือเรียกว่า “ภาวะชั่วคราว”
อย่างไรก็ตาม ทางเรือนจำจะดูแลตามปกติเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ แต่เมื่อมีวาระโอกาส
สำคัญกลุ่มผู้สูงวัยเหล่านี้จะถูกปล่อยออกไปตามการพิจารณาและเข้าคุณสมบัติ ซึ่งนักโทษ
เหล่านี้มักไม่อยู่ถาวรหรือนานจนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรังอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากมีเรื่องของการ
พักโทษและอภัยโทษเข้ามา
“เพราะคนแก่จะมีเรื่องการพักโทษกรณีพิเศษต่างๆ หรือคนแก่ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปจะมีโอกาส
ได้รับการพักโทษมากกว่าคนอื่นในการลดหย่อนผ่อนโทษและได้รับการปล่อยตัว โดยจะพิจารณา
จากเรื่องของสุขภาพบวกกับโอกาสสำคัญในแต่ละช่วงนั้นๆ ซึ่งนักโทษสูงวัยจึงมีโอกาสได้รับ
การปล่อยตัวและได้พักโทษไว ทั้งนี้ผู้ต้องขังสูงวัยส่วนใหญ่จะอยู่ในเรือนจำในภาวะหนึ่งเท่านั้น
และก็จะหมดไปเป็นช่วงๆ ไม่สะสมเหมือนกับนักโทษทั่วไป” กอบเกียรติ กล่าว
<
<
<
อย่างไรก็ตาม เมื่อนักโทษเด็ดขาดได้รับการพักโทษแล้ว ไม่ใช่ว่าจะขาดการติดต่อกับทางเรือนจำ
ที่เคยถูกคุมขัง แต่จะมีการคุมประพฤติหลังการพักโทษ โดยมีเจ้าหน้าที่คุมประพฤติหรืออาสาสมัคร
คุมประพฤติไปเยี่ยมที่บ้านของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำ ดูแลช่วยเหลือ
สงเคราะห์เมื่อมีปัญหา โดยที่ผู้ถูกคุมประพฤติจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 8 ข้อ ที่กำหนดไว้หาก
ประพฤติผิดเงื่อนไขจะถูกนำตัวกลับมาคุมขังไว้ในเรือนจำตามเดิม และจะถูกลงโทษทางวินัยอีกด้วย
สำหรับเงื่อนไข 8 ข้อประกอบไปด้วย 1.จะต้องพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ 2.ห้ามออกนอก
เขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย เช่น เล่นการพนัน ดื่มสุรา ยาเสพติด
และกระทำผิดอาญาขึ้นอีก 4.ประกอบอาชีพโดยสุจริต 5.ปฏิบัติตามลัทธิศาสนา 6.ห้ามพกพาอาวุธ
7.ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ และ 8.ให้ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ
เรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจทุกเดือน ทั้งนี้หากผู้ถูกคุมประพฤติ ยึดทำตาม
เงื่อนไข ก็จะได้รับใบบริสุทธิ์ และพ้นโทษไปตามคำพิพากษา