"จิตสำนึกแห่งความดี" ผมเจอพ่อหนุ่มคนนี้ ขายข้าวหลามอยู่ตรงกันข้ามอิมพีเรียลลาดพร้าว

คนที่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตัวเองนั้น เป็นบุคคลที่น่ายกย่องมากที่สุด เรื่องราวนี้กับบุคคลคนนี้ จึงขอเรียกว่า "จิตสำนึกแห่งความดี"
ผมเจอพ่อหนุ่มคนนี้ ขายข้าวหลามอยู่ตรงกันข้ามอิมพีเรียลลาดพร้าว ผมไม่เคยเห็นมาก่อน สังเกตว่า เขาปั่นจักรยานมา น่าจะพึ่งแวะมาขายวันแรก ด้วยความที่คุณแม่ชอบทาน ก็เลยจะแวะซื้อกลับไปให้คุณแม่ ถามราคา อันละ 15 บาท ถามว่าแพงไหม?
ก็พิจารณาดูแล้ว ก็แพงกว่าป้าที่เคยหาบมาขาย ของป้าเป็นข้าวหลาม ท่อนยาวๆ ผ่าแล้วแบ่งเป็นท่อนๆ ใส่ถุพลาสติก ท่อนไม่ใหญ่มาก แต่ป้าขายแค่ 10 บาท แต่มาพิจารณาดูอีกที ของพ่อหนุ่ม ข้าวหลามเยอะกว่า ทำเป็นท่อนๆ แยก ใส่กระบอก ผมว่าทั้งต้นทุน ความยากในการทำ และ ปริมาณข้าวหลาม ที่บรรจุในกระบอก ดูแล้วไม่แพงครับ

ถ้าจะบอกว่า มันคลาสิคกว่ากันเยอะ. ก็คงจะไม่ผิด ผมก็เลยตัดสินใจซื้อ 2 อัน พ่อหนุ่มรูปหล่อ หน้าตาเขัม หยิบมาหนึ่งอัน แล้วฟาดลงบนแท่นไม้ เพื่อให้ กระบอกมันแตก ปาบ ปาบ ปาบ เขาฟาดแบบชำนาญ ไม่กลัวว่าจะพลาดหรือจะเจ็บมือ แล้วก็แง้มดูว่า ข้างในเป็นอย่างไร (ข้าวเหนียวดำใช่ปะ) ผมนึกในใจ แล้วแอบชะโงกดูตาม
เห็นเป็นข้าวเหนียวดำ แว๊บๆ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เขาก็โยนทิ้งไปในตระกร้า อ้าวเฮ้ย!! ทิ้งทำไม?
แล้วเขาก็หยิบ ข้าวหลาม บนหลังรถจักรยาน มาฟาดอีก ปาบ ปาบ ปาบ จากนั้นก็แง้มดู คราวนี้เขาฟาดไป 2 กระบอก แล้วใส่ถุงให้ผม
ผมคาใจครับ แล้วไอ้อันที่ทิ้งไปล่ะ มันคืออะไร เสียดายน่ะ ผมก็บอกกับเขาว่า "ผมขอซื้อได้หรือเปล่า เพราะเสียดาย "
พ่อค้าข้าวหลามบอกว่า

"มันไม่ดี ข้าวไม่สวย เอาไปเดี๋ยวเสียชื่อ"
เราก็นึกในใจว่า โห 15 บาท กว่าจะทำได้ กว่าจะขายได้ เอามาทิ้งซะงั้น แล้วผมก็เฉยๆ ให้เงิน พ่อหนุ่มข้าวหลามไป 30 สิบแล้วหันหลังกลับ แต่เดินได้แค่ 2 ก้าว มันคาใจ ไอ้ข้าวหลามที่เขาทิ้งไปครับ ก็เลยหันกลับไปเซ้าซี้ พ่อหนุ่มข้าวหลามอีก คราวนี้ ผมบอกว่า น้อง พี่ขอซื้อเถอะ ไอ้ที่ทิ้งไปน่ะ เพราะคิดว่า การที่เรากว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาท ถึงแม้ว่าจะมากกว่าเขาเยอะ แต่มันก็ไม่ง่ายเงินมากเงินน้อยมีค่าเสมอ สำหรับคนอีกหลายคน ผมเลยรู้สึกว่า น่าจะช่วยแบ่งเบาต้นทุน ให้เขาได้บ้าง
15 บาท สำหรับผมอาจจะไม่มากนัก ถ้าเทียบกับรายได้รวมของผมแต่ ทะว่า 15 บาท ในวันที่มันไม่มี มันก็ มีค่ามากมายเช่นกัน ผมเซ้าซี้ เขาแค่ครั้งเดียวแต่ผมต้องหยุดคิดเมื่อได้ยินเสียงตอบย้อนกลับมาว่า
"ผมทำเองครับ เผาเอง ขายเอง" ผมปั่นจักรยานแบกข้าวหลาม มาเกือบเป็นสิบๆกิโล จากรามอินทรา เพื่อมาขาย แถว อิมพีเรียลลาดพร้าว ในเมื่อมันไม่ดี

ผมไม่อยากให้ ลูกค้าเอาไป "
โห!!ได้ยินคำนี้แล้ว นายหล่อมากครับ
ผมได้สติว่าในบางครั้งเราอาจจะดูแคลนว่าเขา
ได้เงินน้อย กว่าจะสะสม ได้เงินกลับไปใช้จ่าย
แต่บางที คุณค่าแห่งเกียรติ ที่เขายึดถือเป็นอุดมการณ์
มัน มีค่ามากว่า เงินแค่ 15 บาท

วันนี้ เขาจะ ขายแต่ของดี ไม่ให้ลูกค้าด่า วันนี้ เขาไม่เอาเปรียบลูกค้า มันทำให้เขาหล่อขึ้นมากในสายตาผม แนวความคิดบนความพอเพียง ไม่โลภ ไม่เอาเปรียบ ถึงแม้ว่า เงินทอง และความ มั่งคั่ง ใคร ใคร ก็อยากจะได้ การอยู่บนโลกที่ต้องแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น บูชาวัตถุ หรือ นับถือเงินทองฐานะ ว่าเป็นเครื่องวัดความดี ผมว่าคนแบบนี้ หายากครับ ยอมเสียสละ สิ่งเล็กๆน้อยๆ เพื่อรักษาอุดมการณ์ไม่โกง ไม่เอาเปรียบ ถึงแม้ว่า เขาจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร?
ขอบคุณสำหรับบางคำพูด บางประโยค ที่ช่วยตอกย้ำ ความจริงที่ พ่อหลวงทรงสอนเหล่าลูกๆชาวไทย
ให้รู้จักรักความพอเพียง และ รู้จัก รักเกียรติแห่งความดี แบ่งปัน เสียสละ และ ซื่อสัตย์ไม่คดโกงถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม

https://www.facebook.com/REthinkingTV?fref=nf

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
อมยิ้ม01 อ่านแล้วซึ้งน้ำใจ จขกท ที่มองเห็นคุณค่าผู้อื่น

พ่อหนุ่มคนขายข้าวหลาม ที่น่ายกย่อง

ผมขออนุญาติ จขกท เอารูปพ่อหนุ่มรูปหล่อมาแปะนะครับ

ผมผ่านทางนี้ผมจะมองหาข้าวหลาม

ความคิดเห็นที่ 20
เคยซื้อปลาหมึกแห้งปิ้ง บด กะคุณลุงอดีตทหารผ่านศึก ขาขาด 1 ขาด
คุณลุงจะขายแถวๆ เพชรบุรี ซอย 5 กิ่งเพชร ไปทางอุรุพงษ์ โบ๊เบ๊
รถขายปลาหมึกคุณลุงจะเป็นจักรยาน แกปั่นไม่ได้ เพราะขาแกขาด 1 ขาด
แกจะใช้วิธีเข็นเอา และ ร้องเพลงเรียกลูกค้า....

เกริ่นมาซะยาวเลย เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ตอนนั้นเราสั่งปลาหมีกปิ้งประมาณ 100 บาท
ช่วงที่แกกำลังย่างปลาหมึกปึ้งอยู่ และ เอามาบดเล็กน้อย
เหมือนหนวดปลาหมึก 1 ตัว ตัวละ 20 บาทได้ มันหลุดลงเตาปิ้งเลย
รู้ไหมแกทำยังไง แกหยิบปลาหมึกตัวใหม่มาปิ้งให้เลย

เราก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกลุง ไม่ซีเรียส
แต่แกไม่ยอม บอกว่าไม่ได้ ลุงทำหนวดปลาหมึกหลุดไป
เปลี่ยนให้ใหม่ดีกว่า.....จะบอกว่ากำไรต่อตัวแกก็ไมได้มากมายเลยนะ
แค่หนวดหลุด 1 ตัว แกทำเนียนๆ ปิ้งให้เรา เราก็ไม่ซีเรียสนะ
แต่ลุงแกซื่อสัตย์ต่ออาชีพแกมากกก เลยได้มีโอกาสคุยกัน
แกเลยบอกว่า แกเคยเป็นทหารผ่านรบเวียดนาม (รุ่นเดียวกะพ่อเราด้วย)
แกโชคร้าย เหยียบกับระเบิด ขาขาด 1 ขาดเลย
แต่แกไม่งอมือ งอเท้า แกก็ออกมาทำมาหากิน ไม่ได้ไปขอทานใคร
แกบอกว่า แกอายนะ ที่จะให้แกไปขอทาน แกยังมี 2 มือ 1 ขา และมีแรง
แค่นี้ไม่เป็นอุปสรรค เราเจอแกทีไร เราจะอุดหนุนแกทุกครั้ง
ความคิดเห็นที่ 19
ผมเคยไปซื้ออาหารตามสั่งโปะด้วยไข่เจียว แถวใกล้ๆที่ทำงาน ใบแรกแม่ค้าเผลอทำไข่ไหม้แต่ไม่เยอะ เธอก็ไม่เอาโปะลงไปบนข้าวผม
เธอทอดฟองใหม่ให้  พอเสร็จผมก็บอกว่าผมขอซื้อได้ไหมอันที่ไหม้ๆน่ะ เพราะชอบกินไข่ไหม้ เดี๋ยวบวกรวมไปเลย
แม่ค้าบอก ไม่ได้ๆๆๆมันเสียแล้วขายไม่ได้ แต่ถ้าชอบกินก็จะให้ไปด้วยเลย
ผมก็คะยั้นคะยอจะให้เงินค่าไข่เพิ่ม แต่เธอยืนยันว่าไม่เอา
ข้าวกล่องนั้นเลยมีไข่เจียวสุกโปะข้าวแล้วก็มีไข่เจียวไหม้ๆนั้นวางทับอีกที   โคตรซึ้งอะผม ตอนนี้เป็นลูกค้าประจำกันไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 39
ผมสนับสนุน ทั้งคู่เลยครับ

แน่นอน พ่อหนุ่ม ที่ซื่อสัตย์
และผมขอสรรเสริญ เจ้าของกระทู้ด้วยครับ (คุณ jibby_cooleyes)

ที่คุณเจอคนดีๆ แล้ว ยกย่องในความดีของเค้า สังคมจะได้รับรู้ว่า คนดีๆ ใครๆก็อยากสนับสนุน

ต่อไปนี้ถ้าผมเจอน้องคนนี้ผมก็จะช่วยอุดหนุนครับ

สังคมเราจะได้สนับสนุนคนดีๆ ที่ซื่อสัตย์ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร
ความคิดเห็นที่ 75
ผมเคยไปไปสั่งข้าวแกง ที่ร้านอาหารในปั้ม ปตท แถวหน้านิยมไฮเทคอยุธยา เจ้าหนึ่ง
ผมสั่งข้าวสองถุง ไข่พะโล้สองใบ กับกับข้าวอย่างอื่นอีกอย่างหนึ่ง ใส่ถุงกลับไปกินที่บ้าน
ตอนนั้น สายแล้ว ผมหิวก้หิว ผมเอาลูกเล้กๆ 5 ขวบไปด้วย เพราะลูกอยากกินไอติมร้านข้างๆ

ผมเลยสั่งกับข้าวไว้ แล้วบอกว่า เดี๋ยวผมกลับมาเอาน่ะ ครับ แม่ค้า แล้วไปซื้อไอติมให้ลูก
ตอนนั้นมีลุกค้ามาซื้อพร้อมกับผม 2-3 คนครับ แต่คนอื่นเค้ากำลังเลือกอาหารอยู่ ยังไม่ได้สั่ง

ผมกลับมาเอากับข้าว อีกที ปรากฏว่า แม่ค้า ยังไม่ได้เอาของใส่ถุงเลยครับ แถมยังตักใส่ลูกค้าคนอื่น ที่มาทีหลังผม
และตักให้คนที่มาพร้อมกับผมอีก 2-3 คนก่อน

ท่านคิดว่า ผมโมโห หิว ใช่ใหมครับ

ใช่ครับ ท่านคงรู้โมโหหิวมันเป็นยังไง ในใจอยากด่าแม่ค้าใจจะขาด แต่อดทนไว้ เพราะเอาลูกมาด้วย ไม่อยากให้ลูกเห็นเรานิสัยไม่ดี

พอลูกค้าหมด แม่ค้าถามผมว่า มากับลูกสองคนเหรอ กินด้วยกันใช่ใหม?

ผม บอกว่า ใช่ แบบห้วนๆ ปน อารมณ์ ไม่ดี (ปรกติ ผมพูดมีหางเสียง ครับ ตลอด กับทุกคน)

แม่ค้าถามพลาง ตักไข่พะโล้ใส่ถุงประมาณ 5 ใบได้ ตักเนื้อหมูใส่อีก (ผมคิดในใจ เอาอีกแล้ว แซงคิวคนอื่นให้กรูอีกแล้ว กรูสั่งใข่พะโล้แค่สองใบ มันยังไม่ตักให้กรูเล้ย โมโหๆ )

เสร็จแล้ว ตักข้าวหูง ใส่พูนถุง (จนล้นปากถุง) ผมคิดในใจอีก ไม่ใช่ของผมแน่นอน ไม่น่าได้เยอะขนาดนี้

สุดท้าย เป็นอย่างไร ท่านรู้ใหม

แม่ค้าคนนั้น เอาของใส่ถุงให้แล้ว ยื่นให้ผม ผมบอกว่า ป้าๆ มั่วแล้ว ของคนอื่นป่าว ผมสั่งแค่ข้าวกะไข่พะโล้สองใบ น่ะ
แม่ค้าบอกว่า เนี่ยป้าตักไข่กะข้าวแถมไปให้ เห็นมากับลูกสองคน เอาให้เด็กกินให้มันอิ่มๆ จะได้โตไวไว น่ะ ป้าตักให้ทีหลังกลัวลูกค้าคนอื่นว่าเอา

ผมในตอนนั้น เหมือนมีไรมาจุกที่คอ ได้แต่ขอบคุณป้า แล้วบอกให้ลูกผมไหว้ขอบคุณป้าด้วย แล้วเดินออกมาขับรถอย่างงงๆ

ความรู้สึกที่โมโห หายไปเลยทันที ไม่คิดว่า ในสังคมโลกไทยปัจจุบัน ยังจะมีคนที่มีน้ำใจดีๆ อย่างนี้อีก ขอบคุณป้าจริงๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่