[พระไตรปิฏก] ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุละนิวรณ์ ๕

(พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ(ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๒)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่ง "กามฉันทะ (ความพอใจในกาม)" ที่ยังไม่เกิดก็ดี เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งกามฉันทะที่เกิดแล้วก็ดี เหมือนดัง "อสุภนิมิต (นิมิตไม่งาม คืออสุภ ๑๐ )" นี้เลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยแยบคายซึ่งอสุภนิมิต กามฉันทะที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย กามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมหายไปด้วย. (๑)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่ง "พยาบาท (ความคิดร้าย)" ที่ยังไม่เกิดก็ดี เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี เหมือนดัง "เมตตาเจโตวิมุตติ" นี้เลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยแยบคายซึ่งเมตตาเจโตวิมุตติอยู่ พยาบาทที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย. (๒)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่ง "ถีนมิทธะ (ความหดหู่และเซื่องซึม)" ที่ยังไม่เกิดก็ดี เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี เหมือนดัง "อารัมภธาตุ (ธาตุคือ ความเพียรริเริ่ม) นิกกมธาตุ (ธาตุคือ ความเพียรพยายาม) ปรักกมธาตุ (ธาตุคือ ความเพียรบากบั่น)" นี้เลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีความเพียรอันเริ่มแล้ว ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย. (๓)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่ง "อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านและร้อนใจ)" ที่ยังไม่เกิดก็ดี เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งอุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้วก็ดี เหมือนดัง "เจตโสวูปสมะ (ความเข้าไปสงบแห่งจิตด้วยสมถะและวิปัสสนา)" นี้เลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีจิตเข้าไปสงบแล้ว อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย อุทธัจจกุกกุจจะ ที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย. (๔)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุไม่เกิดขึ้นแห่ง "วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย)" ที่ยังไม่เกิดก็ดี เป็นเหตุเสื่อมหายไปแห่งวิจิกิจฉาที่เกิดแล้วก็ดี เหมือนดัง "ความทำในใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ การคิดถูกทาง)" นี้เลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยแยบคายอยู่ วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย. (๕)

พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๒
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่มที่ ๑ ภาคที่ ๑
หน้าที่ ๔๗-๔๙/๕๐๖ ข้อที่ ๑๗- ๒๑



ขอความกรุณา
**ห้ามทะเลาะขัดแย้ง หรือ วิพากษ์วิจารณ์ในความเห็นของสมาชิกท่านอื่นแง่ลบ แต่สามารถออกความเห็นที่แตกต่างได้
   ห้ามไม่ใช้คำส่อเสียดประกอบความเห็น หรือ มีการโต้เถียงไปมาเกินความจำเป็น  

**งดเว้นการพูดถึงการปฏิบัติธรรมของ สาย ธรรมกาย,สันติอโศก

จขกทขออนุญาต ลบคอมเม้นที่มีพฤติกรรมดังกล่าว
เพื่อไม่ให้ขัดกับเจตนา ที่จขกท ตั้งกระทู้ เพื่อให้ทุกท่าน ได้พิจารณาธรรมค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่