มีข่าวดีที่สุดข่าวหนึ่งหลังรัฐประหาร ธนาคาร ธ.ก.ส.เตรียมเงิน 55,000 ล้านบาท จากสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.เอง เพื่อจ่ายค่ารับจำนำข้าวชาวนา ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มแต่วันที่ 26 พฤษภาคมเป็นต้นไป ส่วนที่เหลือกระทรวงการคลังกำลังเร่งจัดหาเงินกู้เพิ่ม เชื่อว่าชาวนาทุกคนจะได้รับเงินภายใน 15–20 วัน
การรับจำนำข้าวเป็นโครงการสุดยอดประชานิยมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มุ่งที่จะทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น ลืมตาอ้าปากได้และมีความสุข แต่กลับทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส เนื่องจากรัฐบาลค้างจ่ายเงินมาถึง 7–8 เดือน ลองคิดดูว่ามนุษย์เงินเดือน ถ้าไม่ได้รับเงินเดือนแค่ 1–2 เดือน ก็เดือดร้อนแล้ว ถ้า 7–8 เดือนจะสาหัสแค่ไหน?
สาเหตุสำคัญที่รัฐบาลไม่มีเงินจ่าย เพราะรัฐบาลซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาถึงตันละ 15,000 บาท สูงกว่าราคาตลาด 40–50% เพื่อหาเสียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้ และความเสียหายด้านอื่นๆ รัฐบาลขายข้าวได้ไม่เกินตันละ 10,000 บาท บวกค่าบริหารและดอกเบี้ยจึงขาดทุนมหาศาล ต้องกู้เพิ่มอย่างเดียว
เป็นนโยบาย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” แต่เป็นการคิดแบบฝันเฟื่อง เนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งข้าวออกอันดับหนึ่งของโลก จึงเชื่อว่าถ้ารัฐบาลซื้อข้าวมากักตุนไว้มหาศาลจะสามารถปั่นราคาข้าวในตลาดโลกให้พุ่งสูง ได้ นิตยสาร “ไทม์” วิจารณ์ว่าเป็นแผนที่ตื้นเขินทางการเมืองและเพ้อฝัน จึงถูกตลาดโลกตอบโต้ ด้วยการหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นๆ
โครงการมหาประชานิยม ทำให้ไทยเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าวของโลกในทันทีตั้งแต่ปีเริ่มต้น วงการผู้ส่งออกข้าวไทยบางคนประเมินว่า รัฐบาลใช้เงินไป 7.8 แสน ล้านบาท ขายข้าวได้เงินคืนมา 1.4 แสนล้านบาท ส่วนตัวเลขขาดทุนยังเถียงกันอยู่ คณะอนุกรรมการปิดบัญชี ระบุ 3.3 แสนล้าน บาท แต่บางคนเชื่อว่ากว่า 5 แสนล้านบาท
เชื่อกันว่าเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์พ้นหน้าที่ โครงการรับจำนำข้าวต้องล้ม ทั้งยืนแน่ แต่มีปัญหาว่าจะช่วยเหลือชาวนาอย่างไร? เพราะขณะนี้ราคาข้าวในตลาดรูดลง เหลือเพียงตันละไม่กี่พันบาท ชาวนา 4.8 ล้านครัวเรือน (18 ล้านคน) เดือดร้อนแน่ ถ้าถูกรัฐบาลลอยแพ จึงอาจต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการปัดฝุ่นฟื้นโครงการ ประกันราคา
โครงการประกันราคาใช้เงินน้อยกว่า แต่ช่วยเหลือชาวนาได้มากกว่า เพราะรัฐบาลไม่ต้องซื้อข้าวมาเก็บ ไม่ต้องเสียค่าเก็บรักษา ค่าแปรรูปและค่าเสื่อมราคา แต่ต้องป้องกันการทุจริตในการขึ้นทะเบียนชาวนา ส่วนปัญหาระยะยาวจะต้องแก้ไขด้วยการลดต้นทุนการผลิต การขยายระบบชลประทาน การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวให้แข่งขันในตลาดโลกได้.
http://www.thairath.co.th/content/425228
ต้นเหตุที่ทำให้ชาวนา เป็นทุกข์
การรับจำนำข้าวเป็นโครงการสุดยอดประชานิยมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มุ่งที่จะทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น ลืมตาอ้าปากได้และมีความสุข แต่กลับทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส เนื่องจากรัฐบาลค้างจ่ายเงินมาถึง 7–8 เดือน ลองคิดดูว่ามนุษย์เงินเดือน ถ้าไม่ได้รับเงินเดือนแค่ 1–2 เดือน ก็เดือดร้อนแล้ว ถ้า 7–8 เดือนจะสาหัสแค่ไหน?
สาเหตุสำคัญที่รัฐบาลไม่มีเงินจ่าย เพราะรัฐบาลซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาถึงตันละ 15,000 บาท สูงกว่าราคาตลาด 40–50% เพื่อหาเสียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้ และความเสียหายด้านอื่นๆ รัฐบาลขายข้าวได้ไม่เกินตันละ 10,000 บาท บวกค่าบริหารและดอกเบี้ยจึงขาดทุนมหาศาล ต้องกู้เพิ่มอย่างเดียว
เป็นนโยบาย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” แต่เป็นการคิดแบบฝันเฟื่อง เนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งข้าวออกอันดับหนึ่งของโลก จึงเชื่อว่าถ้ารัฐบาลซื้อข้าวมากักตุนไว้มหาศาลจะสามารถปั่นราคาข้าวในตลาดโลกให้พุ่งสูง ได้ นิตยสาร “ไทม์” วิจารณ์ว่าเป็นแผนที่ตื้นเขินทางการเมืองและเพ้อฝัน จึงถูกตลาดโลกตอบโต้ ด้วยการหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นๆ
โครงการมหาประชานิยม ทำให้ไทยเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าวของโลกในทันทีตั้งแต่ปีเริ่มต้น วงการผู้ส่งออกข้าวไทยบางคนประเมินว่า รัฐบาลใช้เงินไป 7.8 แสน ล้านบาท ขายข้าวได้เงินคืนมา 1.4 แสนล้านบาท ส่วนตัวเลขขาดทุนยังเถียงกันอยู่ คณะอนุกรรมการปิดบัญชี ระบุ 3.3 แสนล้าน บาท แต่บางคนเชื่อว่ากว่า 5 แสนล้านบาท
เชื่อกันว่าเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์พ้นหน้าที่ โครงการรับจำนำข้าวต้องล้ม ทั้งยืนแน่ แต่มีปัญหาว่าจะช่วยเหลือชาวนาอย่างไร? เพราะขณะนี้ราคาข้าวในตลาดรูดลง เหลือเพียงตันละไม่กี่พันบาท ชาวนา 4.8 ล้านครัวเรือน (18 ล้านคน) เดือดร้อนแน่ ถ้าถูกรัฐบาลลอยแพ จึงอาจต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการปัดฝุ่นฟื้นโครงการ ประกันราคา
โครงการประกันราคาใช้เงินน้อยกว่า แต่ช่วยเหลือชาวนาได้มากกว่า เพราะรัฐบาลไม่ต้องซื้อข้าวมาเก็บ ไม่ต้องเสียค่าเก็บรักษา ค่าแปรรูปและค่าเสื่อมราคา แต่ต้องป้องกันการทุจริตในการขึ้นทะเบียนชาวนา ส่วนปัญหาระยะยาวจะต้องแก้ไขด้วยการลดต้นทุนการผลิต การขยายระบบชลประทาน การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวให้แข่งขันในตลาดโลกได้.
http://www.thairath.co.th/content/425228