ทั่วโลกต่างออกมาทักท้วง แต่ปูว์ไม่ฟังใคร หนูไม่ หนูขอทำงานกู้ก่อนคร่า ดั่งเขาว่า กู้เพื่อพี่หนี้เพื่อประชาชน
รอยเตอร์/วอลล์สตรีทเจอนัลด์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องรัฐบาลไทยยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวและถอนสมอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประชานิยมอื่นๆ บางอย่างเพื่อความสมดุลทางงบประมาณและจำกัดตัวเลขหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หนุนจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนโดยตรงแทน
เดอะเทเลกราฟ สื่ออังกฤษยักษ์ใหญ่ ส่งผู้สื่อข่าวเข้าพื้นที่เจาะลึกรายงาน ผู้ลักลอบค้าข้าวชาวพม่าต่างร่ำรวยกันถ้วนหน้าด้วยเงินภาษีของคนไทย โดยการลักลอบนำข้าวพม่าจากเมืองเมียววดีลำเลียงข้ามชายแดนเพื่อนำไปสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวมูลค่า 13,000 ล้านปอนด์ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นิตยสาร"ดิ อีโคโนมิสต์"ชี้โครงการรับจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประสบปัญหารุมเร้าทั้งต้นทุนสูง ขายข้าวได้น้อย คุณภาพข้าวตกต่ำ อาจทำให้ปท.ล่มจม
นิตยสารฉบับดังกล่าว ระบุว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายประชานิยมของอดีตนายกรัฐมนนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการดึงคะแนนนิยมทางการเมืองจากชาวนาซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ทักษิณซึ่งหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศสั่งให้รัฐบาลนี้ดำเนินโครงการดังกล่าว และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังคงตั้งใจเดินหน้าต่อไป เนื่องจากห่วงคะแนนเสียงจากชาวนา
ธนาคารโลกซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ ระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวของไทย กลายเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการล้างผลาญด้านงบประมาณมากที่สุด คิดเป็นวงเงินสูงถึงราว 115,000 ถึง 150,000 ล้านบาทต่อ 1 ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งอาจมีมากถึง 3 ครั้งต่อปีในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ที่ระดับ 4.7 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ หลังต้องเผชิญวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนในปี 2013 เวิลด์แบงก์คาดว่า เศรษฐกิจไทยอาจโตได้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่สำนักข่าว “Deutsche Presse-Agentur”ซึ่งมีฐานอยู่ที่นครฮัมบวร์กของเยอรมนีและมีสำนักงานใน 80 ประเทศทั่วโลกรายงานว่าภายใต้โครงการรับจำนำข้าวดังกล่าวที่เริ่มต้นในเดือนตุลาคมปี 2011ซึ่งรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัญญาจะรับจำนำข้าวธรรมดาในราคา 15,000 บาทต่อตัน และอาจพุ่งสูงถึง 20,000 บาทต่อตันในกรณีของข้าวหอมมะลินั้น ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องใช้งบประมาณของประเทศไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 376,000 ล้านบาทในปีงบประมาณที่ผ่านมาซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน
ส่วนในปีงบประมาณปัจจุบัน คาดว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะต้องสูญงบประมาณไปกับโครงการรับจำนำข้าวนี้อีกกว่า 450,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวเทียบได้กับ 3.8 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทย
ขณะเดียวกัน นอกจากงบประมาณของไทยจำนวนมหาศาลที่ต้องสูญเสียไปกับโครงการรับจำนำข้าวดังกล่าวแล้ว โครงการประชานิยมนี้ยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์ข้าวคงเหลือกองเป็นภูเขาคิดเป็นปริมาณสูงกว่า 12 ล้านตันในโกดังและสถานที่เก็บข้าวทั่วประเทศ เนื่องจาก “ขายไม่ออก” จากการที่ไม่มีประเทศใดต้องการสั่งซื้อข้าวของไทยที่มีราคาสูงกว่าราคาตลาดโลกถึง “200 ดอลลาร์ต่อตัน” จนยอดส่งออกข้าวของไทยปรับตัวลดลงกว่า 40-50 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
สื่ออังกฤษแฉ! จำนำข้าวไทยทำเมียนมาร์รวย เมียนมาร์ 6 ก.พ.-เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า โครงการรับจำนำข้าวของ ไทยสร้างความร่ำรวยให้ผู้ลักลอบค้าข้าวในเมียนมาร์ โดยขณะนี้เมืองเมียวดีของพม่าได้กลายเป็นศูนย์กลางลักลอบค้าข้าว สร้างรายได้จากการลอบนำข้าวไปขายในไทยซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก ข้าว 50 กก.ในเมียวดี ขายได้คิดเป็นเงินไทยราว 850 บาท แต่ข้าวปริมาณเดียวกันขายในไทยราคาเกือบ 1,600 บาท
เทเลกราฟระบุว่า ที่ใกล้ริมแม่น้ำในฝั่งเมียวดี มีรถบรรทุก ข้าวมาส่งตรงจุดที่มีทหารเมียนมาร์เฝ้าอยู่ และขนกระสอบข้าวลงเรือที่จอดรออยู่เพื่อข้ามไปส่งยังฝั่งไทย ซึ่งการลักลอบค้าข้าวทำเช่นนี้มา 1-2 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะขนส่งตอนกลางคืน
เทเลกราฟระบุด้วยว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐบาลไทยต้องใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 400,000 ล้านบาท จนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ต้องเตือนว่าอาจทำลายเศรษฐกิจของประเทศได้
ข้าวตามตลาดโลกซื้อขาย 8-9 พันบาท/ตัน แต่ ปู กู้ เงิน มาหว่าน 15000/ตัน แบบนี้เจตนาเล็งเห็นผลจงใจทำให้ประเทศหายนะหรือไม่?
รอยเตอร์/วอลล์สตรีทเจอนัลด์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องรัฐบาลไทยยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวและถอนสมอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประชานิยมอื่นๆ บางอย่างเพื่อความสมดุลทางงบประมาณและจำกัดตัวเลขหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หนุนจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนโดยตรงแทน
เดอะเทเลกราฟ สื่ออังกฤษยักษ์ใหญ่ ส่งผู้สื่อข่าวเข้าพื้นที่เจาะลึกรายงาน ผู้ลักลอบค้าข้าวชาวพม่าต่างร่ำรวยกันถ้วนหน้าด้วยเงินภาษีของคนไทย โดยการลักลอบนำข้าวพม่าจากเมืองเมียววดีลำเลียงข้ามชายแดนเพื่อนำไปสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวมูลค่า 13,000 ล้านปอนด์ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นิตยสาร"ดิ อีโคโนมิสต์"ชี้โครงการรับจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประสบปัญหารุมเร้าทั้งต้นทุนสูง ขายข้าวได้น้อย คุณภาพข้าวตกต่ำ อาจทำให้ปท.ล่มจม
นิตยสารฉบับดังกล่าว ระบุว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายประชานิยมของอดีตนายกรัฐมนนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการดึงคะแนนนิยมทางการเมืองจากชาวนาซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ทักษิณซึ่งหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศสั่งให้รัฐบาลนี้ดำเนินโครงการดังกล่าว และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังคงตั้งใจเดินหน้าต่อไป เนื่องจากห่วงคะแนนเสียงจากชาวนา
ธนาคารโลกซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ ระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวของไทย กลายเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการล้างผลาญด้านงบประมาณมากที่สุด คิดเป็นวงเงินสูงถึงราว 115,000 ถึง 150,000 ล้านบาทต่อ 1 ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งอาจมีมากถึง 3 ครั้งต่อปีในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ที่ระดับ 4.7 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ หลังต้องเผชิญวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนในปี 2013 เวิลด์แบงก์คาดว่า เศรษฐกิจไทยอาจโตได้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่สำนักข่าว “Deutsche Presse-Agentur”ซึ่งมีฐานอยู่ที่นครฮัมบวร์กของเยอรมนีและมีสำนักงานใน 80 ประเทศทั่วโลกรายงานว่าภายใต้โครงการรับจำนำข้าวดังกล่าวที่เริ่มต้นในเดือนตุลาคมปี 2011ซึ่งรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัญญาจะรับจำนำข้าวธรรมดาในราคา 15,000 บาทต่อตัน และอาจพุ่งสูงถึง 20,000 บาทต่อตันในกรณีของข้าวหอมมะลินั้น ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องใช้งบประมาณของประเทศไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 376,000 ล้านบาทในปีงบประมาณที่ผ่านมาซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน
ส่วนในปีงบประมาณปัจจุบัน คาดว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะต้องสูญงบประมาณไปกับโครงการรับจำนำข้าวนี้อีกกว่า 450,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวเทียบได้กับ 3.8 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทย
ขณะเดียวกัน นอกจากงบประมาณของไทยจำนวนมหาศาลที่ต้องสูญเสียไปกับโครงการรับจำนำข้าวดังกล่าวแล้ว โครงการประชานิยมนี้ยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์ข้าวคงเหลือกองเป็นภูเขาคิดเป็นปริมาณสูงกว่า 12 ล้านตันในโกดังและสถานที่เก็บข้าวทั่วประเทศ เนื่องจาก “ขายไม่ออก” จากการที่ไม่มีประเทศใดต้องการสั่งซื้อข้าวของไทยที่มีราคาสูงกว่าราคาตลาดโลกถึง “200 ดอลลาร์ต่อตัน” จนยอดส่งออกข้าวของไทยปรับตัวลดลงกว่า 40-50 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
สื่ออังกฤษแฉ! จำนำข้าวไทยทำเมียนมาร์รวย เมียนมาร์ 6 ก.พ.-เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า โครงการรับจำนำข้าวของ ไทยสร้างความร่ำรวยให้ผู้ลักลอบค้าข้าวในเมียนมาร์ โดยขณะนี้เมืองเมียวดีของพม่าได้กลายเป็นศูนย์กลางลักลอบค้าข้าว สร้างรายได้จากการลอบนำข้าวไปขายในไทยซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก ข้าว 50 กก.ในเมียวดี ขายได้คิดเป็นเงินไทยราว 850 บาท แต่ข้าวปริมาณเดียวกันขายในไทยราคาเกือบ 1,600 บาท
เทเลกราฟระบุว่า ที่ใกล้ริมแม่น้ำในฝั่งเมียวดี มีรถบรรทุก ข้าวมาส่งตรงจุดที่มีทหารเมียนมาร์เฝ้าอยู่ และขนกระสอบข้าวลงเรือที่จอดรออยู่เพื่อข้ามไปส่งยังฝั่งไทย ซึ่งการลักลอบค้าข้าวทำเช่นนี้มา 1-2 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะขนส่งตอนกลางคืน
เทเลกราฟระบุด้วยว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐบาลไทยต้องใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 400,000 ล้านบาท จนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ต้องเตือนว่าอาจทำลายเศรษฐกิจของประเทศได้