ขอเล่าหน่อยคับ........เมื่อวานพาแม่ไปหาหมอ โดยมีนัดเจาะเลือดประจำปีด้วย รีบตื่นไปโรงพยาบาลแต่เช้า จัดการจองคิว มีป้าพยาบาลคนนึงเป็นคนรับคนไข้ที่เคาน์เตอร์ พูดจาโวยวายเสียงดังดุคุณยายแก่ๆที่ยื่นบัตรผิดอยู่ ผมยื่นบัตรไปแล้วบอกว่าหมอนัดเจาะเลือด ป้าพยาบาลดึงใบนัดออกพร้อมโยนแฟ้มประวัติ พูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า เสร็จแล้วเอาผลเลือดมาที่นี่
ผมรีบพาแม่ไปเจาะเลือดทันที เพราะแม่อดอาหารมาตั้งแต่ 2 ทุ่มของเมื่อคืนวาน กะว่าเจาะเลือดเสร็จ จะหาอารายให้แม่รีบกินรองท้องก่อนไวๆ จนท. ห้องเจาะเลือดบริการดีมาก พูดจาแนะนำดี
เจาะเลือดเสร็จ แม่ดูเหนื่อยๆ ผมก็เลยตัดสินใจว่าพากลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวรอฟังผลเลือดและรับยาแทน เลยรีบพาแม่กลับไปที่ห้องตรวจอีกครั้งเพื่อจะไปวัดความดัน และซักประวัติ
ขั้นตอนวัดความดัน ซักประวัติ ปกติต้องทำตอนได้รับผลเลือดแล้ว ผมรู้ดีแต่เพราะต้องการให้แม่กลับบ้านก่อน พอดีแอบเห็นพยาบาลสาวท่าทางใจดี เลยรีบไปคุยบอกเหตุผล พยาบาลสาวใจดีช่วยเหลือเต็มที่ รีบกุลีกุจอช่วยวัดความดันแล้วจดค่าไว้ แถมบอกกับผมว่า ตัวเองพาคุณป้ากลับบ้านไปทานข้าวได้เลย ไม่ต้องรอพบหมอก็ได้นะ เดี๋ยวคุณป้าจะรอนานไม่มีอะไรแล้วเสร็จจากขั้นตอนนี้ผมก็พาแม่กลับบ้าน รู้สึกสบายใจมาก
อีก 2 ชั่วโมงผ่านไป ผมย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล รีบไปตามผลเลือดเพื่อนำไปห้องตรวจเพื่อฟังผล เจอป้าพยาบาลคนเดิม ส่งเสียงแว๊ดดๆๆอยู่ก็เลยรีบเข้าไปหา ( เสียงดังแต่เช้า ตอนนี้แมร่นดังกว่าเดิม เสียงไม่ตกเลยจริงๆ)
ป้าพยาบาล.................ไหนคนไข้
ผม............................ไม่ได้มาครับ ผมมารับยาแทน
ป้าพยาบาล..................เอ้ากลับทำไม ความดงความดันไม่ได้วัด
ผม............................จัดการเรียบร้อยแล้วครับ
ป้าพยาบาล..................!!!!!!@@@@####%%%%&&& เสียงดังมากมาเป็นชุด จนพยาบาลสาวใจดีรีบวิ่งเข้ามาเคลียร์
หนูจดข้อมูลคนไข้ไว้หมดแล้วคร้า......................................................................................................................
ป้าพยาบาล................หงุดหงิดกว่าเดิม เพราะรู้สึกเสียหน้า งั้นเธอเอาไปจัดการพร้อมโยนสมุดประวัติคนไข้ส่งให้พยาบาลสาว
แต่พยาบาลสาวรับไม่ทัน.................................................................................................................................
สมุดล่วงลงพื้น กระดาษหลุดออกมาเกลื่อนกลาด ทุกคนที่อยู่ให้องนั้น มองมาทางเดียวกัน พยาบาลสาวตกใจมาก รีบขอโทษผม
พร้อมรีบเก็บอย่างรวดเร็ว
ผม...........................ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนโดนตบหน้า ประจานต่อหน้าผู้คน คนไข้ทุกคนในห้องส่งสายตามองมา ในใจพวกเขาเหล่านั้นคงแอบเชียร์ให้ผมด่ากลับหรือว่าโวยวายแน่ๆ ผมก็เกือบจะทำแบบนั้นเหมือนกันเพราะผมถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าห้ามยอมใคร ถ้าเราไม่ผิด ผมรีบหันกลับไปมองพยาบาลป้าทันที
ผม.............................ยืนนิ่ง ไปสิบวิ หายใจเข้าออกลึกๆ มองพิจารณา พยาบาลป้าไคจูผู้หนึ่ง นางเป็นผู้หญิงร่างอวบ เตี้ย ผิวดำ ดัดผมหยิกหยอยเป็นงูเก็งกอง พร้อมไฮไลท์สีทองเป็นเส้นๆ แต่งหน้าจัด ทาปากด้วยสีม่วงบานเย็น (ผมไม่เข้าใจเทรนด์แต่งหน้าแบบนี้จริงๆ 555555++) ทำไมป้าพยาบาลแสดงพฤติกรรมแบบนี้ ผมยืนคิด นางอาจจะตื่นแต่เช้าเลยหงุดหงิด หรือว่าผัวนางไปมีเมียน้อย แต่ป้าน่าจะอยู่ในช่วงวัยทอง รึว่าป้าเครียดที่ลูกเป็นตุ๊ด ผมคิดหาเหตุผลต่างๆนาๆ เพื่อมารองรับพฤติกรรมของพยาบาลป้า ผมยืนนิ่งไปสักพักจนเหตุการณ์คลี่คลาย สถานการณ์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ผมเข้าพบหมอ ฟังผลเลือด รับยา เสร็จตามขั้นตอน ก่อนกลับเจอพยาบาลป้าที่ประตู นางส่งสายตาที่เป็นมิตรกลับมาพร้อมมีนัยยะสำคัญว่านางกำลังขอโทษอยู่ ผมก็ไม่ได้พูดหรือว่าทำอะไร แต่ก็ยิ้มกลับไปเดินมาได้สักพัก เภสัชกรวิ่งมา เอาถุงผ้าสำหรับใส่ยามาให้ ผมกล่าวขอบคุณ เจอพยาบาลสาวใจดีคนเดิม ผมก็ยิ้มให้ พร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญเหมือนกัน การมีสติรับรู้อารมณ์ตัวเอง หรือว่าผู้อื่น นิ่งๆค่อยๆหาเหตุผล ในการจัดการกับปัญหาย่อมเป็นสิ่งที่ดี ที่คนอื่นพูดต่อกันมาว่า "สติมาปัญญาเกิด" พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง เพราะผมก็เคยใช้อารมณ์เหนือเหตุผลทำให้อะไรหลายๆอย่างพังไป ความสงบไม่ได้หมายความว่าแพ้ แต่กลับได้รับความเมตตาจากคนอื่น การโวยวาย เอาเรื่อง โชว์พาวก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดนัก เหตุการณ์นี้ ทำให้คนหน้าโหดแบบผม กลายเป็นดาวพระศุกร์นางเอกผู้น่าสงสารทันที 555++ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนทำดีกับผมมากขึ้นเหมือนเป็นการ ปลอบใจ ขอโทษ บางมุมที่แย่ๆก็ยังมีสิ่งที่ดีซ่อนอยู่
เมื่อผู้ชายหน้าโหด กลายร่างเป็นดาวพระศุกร์
ผมรีบพาแม่ไปเจาะเลือดทันที เพราะแม่อดอาหารมาตั้งแต่ 2 ทุ่มของเมื่อคืนวาน กะว่าเจาะเลือดเสร็จ จะหาอารายให้แม่รีบกินรองท้องก่อนไวๆ จนท. ห้องเจาะเลือดบริการดีมาก พูดจาแนะนำดี
เจาะเลือดเสร็จ แม่ดูเหนื่อยๆ ผมก็เลยตัดสินใจว่าพากลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวรอฟังผลเลือดและรับยาแทน เลยรีบพาแม่กลับไปที่ห้องตรวจอีกครั้งเพื่อจะไปวัดความดัน และซักประวัติ
ขั้นตอนวัดความดัน ซักประวัติ ปกติต้องทำตอนได้รับผลเลือดแล้ว ผมรู้ดีแต่เพราะต้องการให้แม่กลับบ้านก่อน พอดีแอบเห็นพยาบาลสาวท่าทางใจดี เลยรีบไปคุยบอกเหตุผล พยาบาลสาวใจดีช่วยเหลือเต็มที่ รีบกุลีกุจอช่วยวัดความดันแล้วจดค่าไว้ แถมบอกกับผมว่า ตัวเองพาคุณป้ากลับบ้านไปทานข้าวได้เลย ไม่ต้องรอพบหมอก็ได้นะ เดี๋ยวคุณป้าจะรอนานไม่มีอะไรแล้วเสร็จจากขั้นตอนนี้ผมก็พาแม่กลับบ้าน รู้สึกสบายใจมาก
อีก 2 ชั่วโมงผ่านไป ผมย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล รีบไปตามผลเลือดเพื่อนำไปห้องตรวจเพื่อฟังผล เจอป้าพยาบาลคนเดิม ส่งเสียงแว๊ดดๆๆอยู่ก็เลยรีบเข้าไปหา ( เสียงดังแต่เช้า ตอนนี้แมร่นดังกว่าเดิม เสียงไม่ตกเลยจริงๆ)
ป้าพยาบาล.................ไหนคนไข้
ผม............................ไม่ได้มาครับ ผมมารับยาแทน
ป้าพยาบาล..................เอ้ากลับทำไม ความดงความดันไม่ได้วัด
ผม............................จัดการเรียบร้อยแล้วครับ
ป้าพยาบาล..................!!!!!!@@@@####%%%%&&& เสียงดังมากมาเป็นชุด จนพยาบาลสาวใจดีรีบวิ่งเข้ามาเคลียร์
หนูจดข้อมูลคนไข้ไว้หมดแล้วคร้า......................................................................................................................
ป้าพยาบาล................หงุดหงิดกว่าเดิม เพราะรู้สึกเสียหน้า งั้นเธอเอาไปจัดการพร้อมโยนสมุดประวัติคนไข้ส่งให้พยาบาลสาว
แต่พยาบาลสาวรับไม่ทัน.................................................................................................................................
สมุดล่วงลงพื้น กระดาษหลุดออกมาเกลื่อนกลาด ทุกคนที่อยู่ให้องนั้น มองมาทางเดียวกัน พยาบาลสาวตกใจมาก รีบขอโทษผม
พร้อมรีบเก็บอย่างรวดเร็ว
ผม...........................ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนโดนตบหน้า ประจานต่อหน้าผู้คน คนไข้ทุกคนในห้องส่งสายตามองมา ในใจพวกเขาเหล่านั้นคงแอบเชียร์ให้ผมด่ากลับหรือว่าโวยวายแน่ๆ ผมก็เกือบจะทำแบบนั้นเหมือนกันเพราะผมถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าห้ามยอมใคร ถ้าเราไม่ผิด ผมรีบหันกลับไปมองพยาบาลป้าทันที
ผม.............................ยืนนิ่ง ไปสิบวิ หายใจเข้าออกลึกๆ มองพิจารณา พยาบาลป้าไคจูผู้หนึ่ง นางเป็นผู้หญิงร่างอวบ เตี้ย ผิวดำ ดัดผมหยิกหยอยเป็นงูเก็งกอง พร้อมไฮไลท์สีทองเป็นเส้นๆ แต่งหน้าจัด ทาปากด้วยสีม่วงบานเย็น (ผมไม่เข้าใจเทรนด์แต่งหน้าแบบนี้จริงๆ 555555++) ทำไมป้าพยาบาลแสดงพฤติกรรมแบบนี้ ผมยืนคิด นางอาจจะตื่นแต่เช้าเลยหงุดหงิด หรือว่าผัวนางไปมีเมียน้อย แต่ป้าน่าจะอยู่ในช่วงวัยทอง รึว่าป้าเครียดที่ลูกเป็นตุ๊ด ผมคิดหาเหตุผลต่างๆนาๆ เพื่อมารองรับพฤติกรรมของพยาบาลป้า ผมยืนนิ่งไปสักพักจนเหตุการณ์คลี่คลาย สถานการณ์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ผมเข้าพบหมอ ฟังผลเลือด รับยา เสร็จตามขั้นตอน ก่อนกลับเจอพยาบาลป้าที่ประตู นางส่งสายตาที่เป็นมิตรกลับมาพร้อมมีนัยยะสำคัญว่านางกำลังขอโทษอยู่ ผมก็ไม่ได้พูดหรือว่าทำอะไร แต่ก็ยิ้มกลับไปเดินมาได้สักพัก เภสัชกรวิ่งมา เอาถุงผ้าสำหรับใส่ยามาให้ ผมกล่าวขอบคุณ เจอพยาบาลสาวใจดีคนเดิม ผมก็ยิ้มให้ พร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญเหมือนกัน การมีสติรับรู้อารมณ์ตัวเอง หรือว่าผู้อื่น นิ่งๆค่อยๆหาเหตุผล ในการจัดการกับปัญหาย่อมเป็นสิ่งที่ดี ที่คนอื่นพูดต่อกันมาว่า "สติมาปัญญาเกิด" พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง เพราะผมก็เคยใช้อารมณ์เหนือเหตุผลทำให้อะไรหลายๆอย่างพังไป ความสงบไม่ได้หมายความว่าแพ้ แต่กลับได้รับความเมตตาจากคนอื่น การโวยวาย เอาเรื่อง โชว์พาวก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดนัก เหตุการณ์นี้ ทำให้คนหน้าโหดแบบผม กลายเป็นดาวพระศุกร์นางเอกผู้น่าสงสารทันที 555++ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนทำดีกับผมมากขึ้นเหมือนเป็นการ ปลอบใจ ขอโทษ บางมุมที่แย่ๆก็ยังมีสิ่งที่ดีซ่อนอยู่