ผลจากการคุยกันใน Line ทำให้ผมต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา...
คำถาม ที่ชัดเจนผมลบไปแล้วเพราะข้อความเยอะ กลัวว่าเครื่องผมจะรับไม่ไหว เลยขอสรุปคร่าวๆนะครับ...

เพื่อถามแนวๆนี้ว่า "อะไรคือสิ่งที่ทำให้ 'คุณจุง' ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จ..."

ผมก็คงตอบสั้นๆ เรื่อง การประสบความสำเร็จในธุรกิจ ในมุมมองของผม คือ "กลยุทธ์"

สาเหตุเพราะแนวความคิดที่ผมใช้ในการทำธุรกิจ หรือ แนะนำเรื่องธุรกิจให้กับเพื่อนๆ หรือ ลูกค้า ก็มาจากคำนี้ทั้งนั้น

โดยกลยุทธ์ที่ผมใช้ ก็คือ การมองให้ครอบคลุมในองค์ประกอบของธุรกิจ และ หาแนวทางในการทำธุรกิจที่เหมาะสมกับเจ้าของกิจการและสภาวะแวดล้อมของธุรกิจนั้นๆ เนื่องจาก ธุรกิจเดียวกัน เจ้าของธุรกิจมีนิสัยต่างกัน สภาพแวดล้อมต่างกัน หากแนะนำเหมือนกัน คนหนึ่งอาจจะประสบความสำเร็จ แต่อีกคนอาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้

และผม เป็นคนที่ชอบความปลอดภัย ดังนั้น ทุกๆการให้คำแนะนำ ก็ต้องทำให้ผู้ขอคำแนะนำ ปลอดภัย ด้วยเช่นกัน แต่จะต้องปลอดภัยในมุมของผู้ขอคำแนะนำเอง ไม่ใช่ ปลอดภัยในมุมของผม...

กลยุทธ์ ที่ผมมักใช้ก็จะเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ค่อยมีทฤษฎี แต่ใช้องค์ประกอบของธุรกิจ มาเป็นเครื่องมือ และ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความน่าจะเป็น ในการเอาองค์ประกอบต่างๆ มาประยุกต์ในการสร้างกลยุทธ์ เพื่อให้ ผู้ขอคำแนะนำ ประสบความสำเร็จ

องค์ประกอบของธุรกิจที่ผมมักจะมองคือ
1. เจ้าของกิจการ หรือ คนทำธุรกิจเอง ว่า มีนิสัยอย่างไร มีพฤติกรรมอย่างไร เคยทำอะไรมาเพื่อดูว่าพฤติกรรมดั้งเดิมเป็นอย่างไร
1.1. กรณ๊ ทำงานกับครอบครัว ผมก็จะต้องศึกษา ภรรยา/สามี/คนในครอบครัว ว่ามีนัสัยอย่างไร ทำงานอะไรด้วย
1.2. ถ้ามีหุ้นส่วน แต่หุ้นส่วนไม่ได้เข้ามาประชุมด้วย ผมก็จะสอบถามถึง ลักษณะงานที่หุ้นส่วนทำ และ ถ้าได้พื้นหลังของหุ้นส่วน ก็จะดี...

2. เป้าหมายของแต่ละคน หรือ แต่ละองค์กร ว่าต้องการอะไร ต้องการยอดขายเท่าไหร่ภายในกี่ปี และ ไปศึกษา วิสัยทัศน์ พันธกิจ และ ข้อมูลต่างๆ ที่จะบ่งชี้ว่า องค์กรดำเนินการอย่างไร และ เปรียบเทียบกับ สิ่งที่เป็นไปขององค์กรว่า สอดคล้องหรือแตกต่างมากน้อยเพียงใด

3. ถ้าเป็นเรื่อง การบริหารจัดการ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ นโยบายของผู้บริหาร ว่ามีความคิดเห็นหรือแนวทางการตอบสนองกับพนักงานอย่างไร  ถ้ามีนโยบายรักษาพนักงาน ผมก็จะให้คำปรึกษาต่อ แต่ถ้า หัวผลกำไรอย่างเดียว ผมจะอธิบาย Service Profit Chain ให้รุ้และเข้าใจ ถ้ายังไม่เปลี่ยนแนวความคิด ผมก็ไม่ให้คำปรึกษา เพราะ ให้คำปรึกษาไป เขาก็บริหารจัดการได้ไม่ดีอยู่ดี....

4. สินค้า บริการ และ การผลิต ว่ามีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร หรือ ฝรั่งเรียกว่า Value Proposition ขององค์กร อันนี้ก็เอา SWOT มาจับก็ได้ ให้เข้าใจก่อนว่า จุดเด่นของเขาคืออะไร

5. กลุ่มเป้าหมาย หลัก และ ความต้องการ หรือ ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายนั้ เพราะ จะได้จัดวางตำแหน่ง และ กลยุทธ์ ทางการตลาดได้ไปพร้อมๆกัน โดยให้สามารถแก้ไขปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย ในแต่ละเรื่อง ทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับ สินค้า บริการ การผลิต การให้บริการหลังการขาย ฯลฯ... หรือ ความต้องกาพิเศษของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งถ้าต้องสนองความต้องการของเขาได้ โอกาสที่จะลูกค้าจะซื้อสินค้า บริการ ก็จะมีสูงขึ้น เป็นต้น...

6. เงินทุน รายได้ ค่าใช้จ่าย ว่ามีเท่าใด ต้องการเพิ่มเท่าใด โดยเฉพาะเงินทุน ส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการ จะไม่ค่อยยอมจ่ายเงิน หรือ บอกว่า ต้องใช้เงินน้อยๆ ต้องใช้ BL ไม่ใช้ AL ไม่ยอมลงทุนกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะมองไม่เห็นว่าจะได้อะไรกลับมา แต่ต้องการผลรวดเร็วและทั่วถึง รวมถึงได้เงินเข้ามาเยอะๆ ก็ต้องคิดวิเคราะห์กลยุทธ์กันไปว่า จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างแรงจูงใจในการซิ้อกันอย่างไร

7. ถ้าในส่วนของการผลิต เครื่องจักร และ อุปกรณ์ สนับสนุนการทำธุรกิจ ว่าควรจะมีอะไรเพิ่มเติม ควรปรับปรุงแก้ไขอย่งไร เพื่อให้ภาพรวมออกไปแล้ว สามารถตอบโจทย์ลูกค้า ได้

ส่วนใหญ่ก็จะทำเรื่องพวกนี้เป็นหลัก แต่ก็มีองค์ประกอบอีกหลายอย่างที่เมื่อเจอผู้ประกอบการ จะต้องคำนึงถึง หรือ บางเรื่องไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาขอคำปรึกษา ก็ไม่ต้องไปยุ่งมากนัก แต่ถ้าเกี่ยวข้องก็วิเคราะห์ และ สังเคราะห์ กันไป

เมื่อรู้ข้อมูลแล้ว ก็คิดในกรอบของข้อมูลนั้น อาจจะใช้ความคิดสร้างสรร ขึ้นมาเสนอประเด็น ถ้าผู้ขอคำปรึกษา ทำได้หรือไม่ได้ ก็ให้บอก ถ้าทำไม่ได้ ก็คิดกลยุทธ์ใหม่ๆ ให้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของ ผู้ขอคำปรึกษา จนกว่า จะเห็นตรงกันในการดำเนินกลยุทธ์ หรือ ผมหมดมุข ก็ขอตัวไม่ให้คำปรึกษาต่อ

รบในกระดาษให้ชนะ ก่อนออกสนามรบจริง