Business Model Canvas คืออะไร?
Business Model Canvas (BMC) คือ เครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน เปรียบเสมือนผืนผ้าใบที่รวบรวมองค์ประกอบสำคัญ 9 หัวข้อ ที่ช่วยอธิบายกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โมเดลรายได้ โครงสร้างต้นทุน และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
องค์ประกอบหลัก 9 หัวข้อ ของ Business Model Canvas
1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า): ระบุกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจ ว่าใครคือผู้ที่ต้องการสินค้าหรือบริการของเรา
2. Value Propositions (ข้อเสนอคุณค่า): อธิบายว่าสินค้าหรือบริการของเรามีจุดเด่นอะไร ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไร แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร
3. Channels (ช่องทางการจัดจำหน่าย): ระบุวิธีการนำเสนอสินค้าหรือบริการให้ถึงมือลูกค้า เช่น หน้าร้าน เว็บไซต์ ตัวแทนจำหน่าย
4. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า): อธิบายวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพิ่มการมีส่วนร่วม และรักษาฐานลูกค้า
5. Revenue Streams (กระแสรายได้): ระบุแหล่งที่มาของรายได้ แบ่งตามประเภทของสินค้าหรือบริการ ช่องทางการจำหน่าย หรือรูปแบบการสมัครสมาชิก
6. Key Resources (ทรัพยากรหลัก): ระบุทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น บุคลากร อุปกรณ์ เทคโนโลยี เงินทุน
7. Key Activities (กิจกรรมหลัก): อธิบายกิจกรรมหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ เช่น การผลิต การจัดจำหน่าย การตลาด การบริการลูกค้า
8. Key Partnerships (พันธมิตรหลัก): ระบุพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน เช่น ซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการขนส่ง ตัวแทนจำหน่าย
9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน): ระบุรายจ่ายหลักของธุรกิจ แบ่งตามประเภทของค่าใช้จ่าย กิจกรรมหลัก และทรัพยากรที่ใช้
ทำไมเจ้าของธุรกิจต้องรู้จัก Business Model Canvas?
1. มองเห็นภาพรวมของธุรกิจ:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจองค์ประกอบสำคัญของธุรกิจทั้งหมด เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละหัวข้อ ช่วยให้วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค
2. พัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจทดสอบกลยุทธ์ใหม่ วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ประเมินผลลัพธ์ และปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสม
3. สื่อสารกับ stakeholders:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสื่อสารกลยุทธ์ โมเดลธุรกิจ และเป้าหมายของธุรกิจกับ stakeholders ที่เกี่ยวข้อง เช่น นักลงทุน พนักงาน พันธมิตร
4. ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ คู่แข่ง และเทรนด์ใหม่ ๆ ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์
5. เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ:ธุรกิจที่มี BMC ที่ชัดเจน มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะช่วยให้เจ้าของธุรกิจตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล วางแผนอย่างรอบคอบ และจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
Business Model Canvas เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเจ้าของธุรกิจทุกขนาด ช่วยให้เข้าใจธุรกิจ พัฒนากลยุทธ์ และสื่อสารกับ stakeholders ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
แล้วถ้าแอดลองเอาสินค้าตามแหล่งบ้านๆ มาทำ BMC ล่ะ
แอดใส่ Content planning กับ USP, และ Pain points ลงไป ในมุมกลับกันสำหรับแอดนะการเพิ่มมูลค่าสินค้าหรือบริการน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้เจ้าของธุกิจอยู่รอดไม่ใช่แข่งกันถูก เพราะสุดท้านคนที่ไม่รอดคือ เจ้าของธุรกิจสำหรับ BMC เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเห็นถาพรวมของสินค้าและบริการท่เราสามารถเพิ่มมูลค่าได้ สู้ๆๆนะครับลองทำกันดู
ผิดพลาดประการใดหรือ มีความเห็นกันยังไง Comment กันได้เลยนะครับ
ขอบคุณครับ
Business Model Canvas คืออะไร
Business Model Canvas (BMC) คือ เครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน เปรียบเสมือนผืนผ้าใบที่รวบรวมองค์ประกอบสำคัญ 9 หัวข้อ ที่ช่วยอธิบายกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โมเดลรายได้ โครงสร้างต้นทุน และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
องค์ประกอบหลัก 9 หัวข้อ ของ Business Model Canvas
1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า): ระบุกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจ ว่าใครคือผู้ที่ต้องการสินค้าหรือบริการของเรา
2. Value Propositions (ข้อเสนอคุณค่า): อธิบายว่าสินค้าหรือบริการของเรามีจุดเด่นอะไร ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไร แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร
3. Channels (ช่องทางการจัดจำหน่าย): ระบุวิธีการนำเสนอสินค้าหรือบริการให้ถึงมือลูกค้า เช่น หน้าร้าน เว็บไซต์ ตัวแทนจำหน่าย
4. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า): อธิบายวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพิ่มการมีส่วนร่วม และรักษาฐานลูกค้า
5. Revenue Streams (กระแสรายได้): ระบุแหล่งที่มาของรายได้ แบ่งตามประเภทของสินค้าหรือบริการ ช่องทางการจำหน่าย หรือรูปแบบการสมัครสมาชิก
6. Key Resources (ทรัพยากรหลัก): ระบุทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น บุคลากร อุปกรณ์ เทคโนโลยี เงินทุน
7. Key Activities (กิจกรรมหลัก): อธิบายกิจกรรมหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ เช่น การผลิต การจัดจำหน่าย การตลาด การบริการลูกค้า
8. Key Partnerships (พันธมิตรหลัก): ระบุพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน เช่น ซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการขนส่ง ตัวแทนจำหน่าย
9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน): ระบุรายจ่ายหลักของธุรกิจ แบ่งตามประเภทของค่าใช้จ่าย กิจกรรมหลัก และทรัพยากรที่ใช้
ทำไมเจ้าของธุรกิจต้องรู้จัก Business Model Canvas?
1. มองเห็นภาพรวมของธุรกิจ:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจองค์ประกอบสำคัญของธุรกิจทั้งหมด เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละหัวข้อ ช่วยให้วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค
2. พัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจทดสอบกลยุทธ์ใหม่ วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ประเมินผลลัพธ์ และปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสม
3. สื่อสารกับ stakeholders:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสื่อสารกลยุทธ์ โมเดลธุรกิจ และเป้าหมายของธุรกิจกับ stakeholders ที่เกี่ยวข้อง เช่น นักลงทุน พนักงาน พันธมิตร
4. ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง:BMC ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ คู่แข่ง และเทรนด์ใหม่ ๆ ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์
5. เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ:ธุรกิจที่มี BMC ที่ชัดเจน มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะช่วยให้เจ้าของธุรกิจตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล วางแผนอย่างรอบคอบ และจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
Business Model Canvas เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเจ้าของธุรกิจทุกขนาด ช่วยให้เข้าใจธุรกิจ พัฒนากลยุทธ์ และสื่อสารกับ stakeholders ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
แล้วถ้าแอดลองเอาสินค้าตามแหล่งบ้านๆ มาทำ BMC ล่ะ
แอดใส่ Content planning กับ USP, และ Pain points ลงไป ในมุมกลับกันสำหรับแอดนะการเพิ่มมูลค่าสินค้าหรือบริการน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้เจ้าของธุกิจอยู่รอดไม่ใช่แข่งกันถูก เพราะสุดท้านคนที่ไม่รอดคือ เจ้าของธุรกิจสำหรับ BMC เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเห็นถาพรวมของสินค้าและบริการท่เราสามารถเพิ่มมูลค่าได้ สู้ๆๆนะครับลองทำกันดู
ผิดพลาดประการใดหรือ มีความเห็นกันยังไง Comment กันได้เลยนะครับ
ขอบคุณครับ