เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าความรักมันเป็นยังไงกันนะ หลายคนที่คอยตามหาอยู่
จนในวันนี้เมได้เจอมัน
ถึงได้รู้ว่าความรักมันคืออย่างนี้นี่เอง
ตาเมไม่สบาย ป่วยเป็นอัลไซเมอร์มาหลายปีแล้ว ขอย้อนนิดนึงนะคะ ด้วยบุคลิกของตาเมเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ทำแต่งานมาตลอดทั้งชีวิต เรื่องเที่ยวลืมไปได้เลยไม่เคยมี จนกระทั้ง4-5 ปีให้หลังเริ่มป่วย อารมณ์จะฉุนเฉียวง่าย จำอะไรไม่ได้ ชอบขว้างของใส่คุณยาย แต่ยังเดินได้ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนดูแลตลอด ใกล้ชิดตลอด ก่อนที่คุณตาจะเดินไม่ได้ ซึ่งเมื่อก่อนบอกเลยว่าดื้อมาก แอบหนีตลอด แต่พอป่วยไม่นานก็ต้องนั่งรถเข็น เมื่อต้นปีคุณตาป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล เป็นครั้งแรกที่มีรถพยาบาลเข้าบ้าน เปิดไฟหวอ เพราะคุณตามีอาการชักเกร็ง กระตุก สั่นไปทั้งตัว เรียกได้ว่าหนักสุดจริงๆ แต่ตอนนี้คุณหมอให้กลับบ้าน ซึ่งที่บ้านก็ต้องมีคนคอยพยาบาลตลอด เพราะผู้ป่วยไม่สามารถช่วยตัวเองได้ตลอดชีวิต ก็มีคุณแม่ น้า คุณยาย และพยาบาลพิเศษที่คอยช่วยทำความสะอาด ผลัดเปลี่ยนกัน ก่อนหน้านี้คุณตาก็เป็นแผลกดทับ ทุกคนต้องตื่นมาทุกๆ 3-4 ชั่วโมง มาพลิกตัว เรียกได้ว่าหนักจริงๆ ใครจะไปรู้ วันดีคืนดี จู่ๆก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่โชคดีอยู่อย่างนึงที่ที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวเลยไม่ลำบากมาก
หลังจากป่วยหนักต้นปีที่ผ่านมา จากคุณตาที่ดูเหมือนอารมณ์ร้าย ฉุนเฉียว ชอบตวาดใส่คนในบ้านก็กลับเงียบ เก็บตัว ไม่พูด จนทุกคนในบ้านต้องคอยช่วยกันอยู่ใกล้ชิด เพราะกลัวว่าแกจะเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งจะรักษาหายยากไปอีก
ทุกครั้งที่เมกลับมาบ้านก็จะเจอคุณยายคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำคุณตาตลอด ซึ่งอาหารบางอย่างคุณหมอก็ห้าม เช่นพวกแป้ง น้ำตาล แต่คุณยายก็แอบให้ พร้อมยิ้มเจื่อนๆปนยิ้มว่า "ก็ของชอบตาเค้า ก็อยากให้เค้าทาน สงสารตา" บางทีมีอะไรอร่อยๆ คุณยายก็จะพูดเสมอๆว่า "เดี๋ยวเอาให้ตาชิมดูดีกว่า น่าทานดี" ยิ่งช่วงตอนคุณตาอารมณ์ร้ายสมัยก่อน ก็จะขว้างของใส่ มีอยู่ครั้งนึงที่คุณยายเล่าว่า คุณตาเอามีดไว้ใต้หมอน เมเองก็ถามว่าไม่กลัวเรอะคะยาย? คุณยายก็ยิ้มแล้วตอบเจื่อนๆว่า "กลัวน่ะแหละ แต่จะให้ทำยังไง ก็คนป่วยนี่เนอะ เราคงสร้างกรรมมาเมื่อชาติก่อน" บางทีก็อดถามยายไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าเป็นคนอื่นเค้าอาจทิ้งไปแล้วก็ได้ แต่ยายกลับบอกว่า "ยายไม่ทำหรอก ถ้าไม่มีตา พวกเราก็คงไม่มีวันนี้หรอก ต้องขอบคุณเค้านะ"
และคืนนี้ก็เช่นเคย ปกติน้าเมและก็คุณแม่จะนอนเฝ้าตาด้านนอกกับคุณตา ส่วนคุณยายจะเข้านอนในห้อง เพราะรถเข็นเอาเข้าห้องไม่ได้ แต่จะ 5 ทุ่มแล้วเห็นคุณยายนอนอยู่เลย พอดีน้าเมไปอยู่ในห้องอีกห้องหนึ่ง คงจะดูละคร ส่วนคุณแม่อาบน้ำอยู่ ส่วนเมนั่งทำงานอยู่ด้านนอก เลยเดินเข้าไปสะกิดถามว่าทำไมมานอนตรงนี้คะ? ทำไมไม่ไปนอนในห้อง คุณยายตื่นขึ้นมาแบบสะดุ้งนิดหน่อย แล้วตอบว่า "ก็แค่ไม่อยากทิ้งให้ตานอนอยู่คนเดียว" ตอนนั้นขอบอกว่าน้ำตาซึมเลยค่ะ ก็เลยบอกคุณยายว่าไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวเมดูแลเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ
เมอยากจะเล่าถึงความน่ารักของตายายเมให้ใครอีกหลายคนฟัง แล้วถามว่าความรักหน้าตาเป็นยังไง และนี่แหละค่ะ คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเม "การที่เราเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายนึงมากกว่าตัวเราเอง" ขอให้ทุกคนได้เจอคู่แท้ ที่จะเป็นคู่ชีวิต พร้อมจะเดินเคียงข้างเราไม่ว่าทุกข์หรือสุขนะคะ ฝันดีนะคะทุกคน
ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าหน้าตาความรักมันเป็นยังไง?
จนในวันนี้เมได้เจอมัน
ถึงได้รู้ว่าความรักมันคืออย่างนี้นี่เอง
ตาเมไม่สบาย ป่วยเป็นอัลไซเมอร์มาหลายปีแล้ว ขอย้อนนิดนึงนะคะ ด้วยบุคลิกของตาเมเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ทำแต่งานมาตลอดทั้งชีวิต เรื่องเที่ยวลืมไปได้เลยไม่เคยมี จนกระทั้ง4-5 ปีให้หลังเริ่มป่วย อารมณ์จะฉุนเฉียวง่าย จำอะไรไม่ได้ ชอบขว้างของใส่คุณยาย แต่ยังเดินได้ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนดูแลตลอด ใกล้ชิดตลอด ก่อนที่คุณตาจะเดินไม่ได้ ซึ่งเมื่อก่อนบอกเลยว่าดื้อมาก แอบหนีตลอด แต่พอป่วยไม่นานก็ต้องนั่งรถเข็น เมื่อต้นปีคุณตาป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล เป็นครั้งแรกที่มีรถพยาบาลเข้าบ้าน เปิดไฟหวอ เพราะคุณตามีอาการชักเกร็ง กระตุก สั่นไปทั้งตัว เรียกได้ว่าหนักสุดจริงๆ แต่ตอนนี้คุณหมอให้กลับบ้าน ซึ่งที่บ้านก็ต้องมีคนคอยพยาบาลตลอด เพราะผู้ป่วยไม่สามารถช่วยตัวเองได้ตลอดชีวิต ก็มีคุณแม่ น้า คุณยาย และพยาบาลพิเศษที่คอยช่วยทำความสะอาด ผลัดเปลี่ยนกัน ก่อนหน้านี้คุณตาก็เป็นแผลกดทับ ทุกคนต้องตื่นมาทุกๆ 3-4 ชั่วโมง มาพลิกตัว เรียกได้ว่าหนักจริงๆ ใครจะไปรู้ วันดีคืนดี จู่ๆก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่โชคดีอยู่อย่างนึงที่ที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวเลยไม่ลำบากมาก
หลังจากป่วยหนักต้นปีที่ผ่านมา จากคุณตาที่ดูเหมือนอารมณ์ร้าย ฉุนเฉียว ชอบตวาดใส่คนในบ้านก็กลับเงียบ เก็บตัว ไม่พูด จนทุกคนในบ้านต้องคอยช่วยกันอยู่ใกล้ชิด เพราะกลัวว่าแกจะเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งจะรักษาหายยากไปอีก
ทุกครั้งที่เมกลับมาบ้านก็จะเจอคุณยายคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำคุณตาตลอด ซึ่งอาหารบางอย่างคุณหมอก็ห้าม เช่นพวกแป้ง น้ำตาล แต่คุณยายก็แอบให้ พร้อมยิ้มเจื่อนๆปนยิ้มว่า "ก็ของชอบตาเค้า ก็อยากให้เค้าทาน สงสารตา" บางทีมีอะไรอร่อยๆ คุณยายก็จะพูดเสมอๆว่า "เดี๋ยวเอาให้ตาชิมดูดีกว่า น่าทานดี" ยิ่งช่วงตอนคุณตาอารมณ์ร้ายสมัยก่อน ก็จะขว้างของใส่ มีอยู่ครั้งนึงที่คุณยายเล่าว่า คุณตาเอามีดไว้ใต้หมอน เมเองก็ถามว่าไม่กลัวเรอะคะยาย? คุณยายก็ยิ้มแล้วตอบเจื่อนๆว่า "กลัวน่ะแหละ แต่จะให้ทำยังไง ก็คนป่วยนี่เนอะ เราคงสร้างกรรมมาเมื่อชาติก่อน" บางทีก็อดถามยายไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าเป็นคนอื่นเค้าอาจทิ้งไปแล้วก็ได้ แต่ยายกลับบอกว่า "ยายไม่ทำหรอก ถ้าไม่มีตา พวกเราก็คงไม่มีวันนี้หรอก ต้องขอบคุณเค้านะ"
และคืนนี้ก็เช่นเคย ปกติน้าเมและก็คุณแม่จะนอนเฝ้าตาด้านนอกกับคุณตา ส่วนคุณยายจะเข้านอนในห้อง เพราะรถเข็นเอาเข้าห้องไม่ได้ แต่จะ 5 ทุ่มแล้วเห็นคุณยายนอนอยู่เลย พอดีน้าเมไปอยู่ในห้องอีกห้องหนึ่ง คงจะดูละคร ส่วนคุณแม่อาบน้ำอยู่ ส่วนเมนั่งทำงานอยู่ด้านนอก เลยเดินเข้าไปสะกิดถามว่าทำไมมานอนตรงนี้คะ? ทำไมไม่ไปนอนในห้อง คุณยายตื่นขึ้นมาแบบสะดุ้งนิดหน่อย แล้วตอบว่า "ก็แค่ไม่อยากทิ้งให้ตานอนอยู่คนเดียว" ตอนนั้นขอบอกว่าน้ำตาซึมเลยค่ะ ก็เลยบอกคุณยายว่าไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวเมดูแลเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ
เมอยากจะเล่าถึงความน่ารักของตายายเมให้ใครอีกหลายคนฟัง แล้วถามว่าความรักหน้าตาเป็นยังไง และนี่แหละค่ะ คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเม "การที่เราเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายนึงมากกว่าตัวเราเอง" ขอให้ทุกคนได้เจอคู่แท้ ที่จะเป็นคู่ชีวิต พร้อมจะเดินเคียงข้างเราไม่ว่าทุกข์หรือสุขนะคะ ฝันดีนะคะทุกคน