ออกตัวกันไว้ก่อน ผมไม่ใช่ ขรก. และไม่ใช่แม้กระทั่ง พนง. ราชการ หรือลูกจ้างประจำ - ชั่วคราวของรัฐด้วยซ้ำ
เพียงแต่บางที ผมเห็นกระทู้บ่นเรื่องวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของคนทำงานภาครัฐ แล้วก็มี คห. มากมาย ออกมาก่นด่า ประณาม จิกกัดพวกเขาอยู่บ่อยๆ ถึงขนาดมาม่าเป็นกระทู้แนะนำก็เยอะอยู่พอสมควร
ทั้งที่บางเรื่อง มันก็ไม่ใช่การทุจริตเลย ( ถ้านับตามมาตรฐานแบบไทยๆ ซึ่งเราควรจะใช้มาตรฐานนี้ เราไม่ใช่เยอรมัน เราไม่ใช่ญี่ปุ่น สังคมเราไม่ได้นิยมความเป๊ะเวอร์แบบนั้น )
ผมกำลังพูดถึงเรื่อง "งบสัมมนา = งบไปเที่ยว" นี่แหละครับ
หลายท่านคงจะรู้ดี ว่าเงินเดือน ขรก. มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน? ขนาดวุฒิ ป.โท ป.เอก เงินเดือนยังเทียบไม่ได้กับตำแหน่งลักษณะเดียวกันของเอกชนแม้แต่น้อย
แต่ข้อดีที่คนเลือกจะมาสอบเข้าเป็น ขรก. มันอยู่ที่ "สวัสดิการการดำรงชีวิต" และระเบียบการทำงานบางอย่างนี่แหละครับ
รักษาเบิกได้ , ลูกเรียนหนังสือเบิกได้ , มีบำนาญ ( เดี๋ยวนี้น่าจะเป็นบำเหน็จหมดแล้ว ) พอสมควร , ได้หยุดเสาร์ - อาทิตย์
หรือถ้าไม่ทำผิดวินัย - ผิดกฏหมาย จะอยู่ไปวันๆ ก็ไม่เป็นไร ( ส่วนตัวผมชอบตรงนี้แหละ ทุกวันนี้เบื่อสังคมเอกชนต้องแข่งกันในองค์กร เมื่อเป็นแบบนั้นการปัดแข้งปัดขา แทงข้างหลัง เลื่อยเก้าอี้มันเลยรุนแรงกว่า ขรก. ที่ถ้าไม่ยึดติดยศตำแหน่งมาก จะขึ้นช้าๆ ตามอาวุโสก็ไม่เป็นไร แบบนี้อยู่ได้เป็นสุขครับ )
รวมไปถึง "งบไปเที่ยวประจำปีด้วย"
หลายท่านที่ทำงานเอกชน ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ๆ หน่อย ผู้บริหารคงเตรียมงบสันทนาการประจำปีไว้ เห็นได้จากหลายๆ ที่ มีการปิด Office พาพนักงานไปเที่ยวกันเลย แต่ราชการทำแบบนั้นไม่ได้ครับ..ระเบียบการใช้งบประมาณไม่อนุญาตให้เขียนแน่ๆ ว่าขอเบิกงบพาบุคลากรไปเที่ยวประจำปี
แล้วทำไม ขรก. (รวมทั้ง พนง.ราชการด้วย) ถึงได้ไปเที่ยวกันทุกปี? คำตอบคือ..มันมีธรรมเนียมบางอย่างที่เปิดช่องเอาไว้ครับ
นั่นก็คือ "เบิกงบประจำปีแล้ว กรุณาหาทางใช้ให้หมด อย่าส่งคืนคลัง ถ้าส่งคืน ปีหน้าเขาจะตัดงบประมาณลง เพราะถือว่าหน่วยงานนี้ที่ผ่านมาเบิกงบเกินความจำเป็น จนเหลือต้องส่งคืน ดังนั้นปีหน้าเราจะไม่ให้งบเยอะๆ อีกแล้ว"
ผมไม่รู้ว่าประเทศในอุดมคติของชาวพันติ๊ป อย่างญี่ปุ่นหรือเยอรมันเป็นแบบนี้หรือเปล่า? ( แต่เชื่อว่าคงไม่ อย่างเยอรมันนี่เคยได้ยินเรื่องเล่า แม้กระทั่ง ขรก. มาอบรม ดูงานจริงๆ ไม่ได้มาเที่ยว แต่แค่พักโรงแรมหรูหน่อย ประชาชนเขายังโวย หาว่าฟุ่มเฟือย ) แต่ที่นี่คือประเทศไทย ผมก็ไม่ทราบหรอกว่าธรรมเนียมนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ปีนี้ผมอายุ 29 มั่นใจว่าได้ยินเรื่องธรรมเนียมนี้มาไม่ต่ำกว่า 15 ปีแน่ๆ
แน่นอน..หลังจากเอางบไปใช้ทำงานครบทุกโครงการแล้ว มันย่อมต้องเหลือเงินอยู่บางส่วน ตรงนี้แหละครับ เป็น Bonus เล็กๆ น้อยๆ พาพนักงานไปเที่ยว ไปพักผ่อนบ้าง ภายใต้ชื่อ "โครงการศึกษา สัมมนา ดูงาน" แต่ก็ยังอยู่ในงบประจำปี ไม่ได้ทุจริตแต่อย่างใด ( ตามมาตรฐานแบบไทยๆ เรื่องนี้ไม่ถือว่าโกงนะครับ ) เพราะเอาส่วนที่เหลือจากโครงการที่ต้องทำงานปกติมาใช้
หลายคนฟังแล้วอาจจะกลัว เพราะการเบิกงบแต่ละหน่วยงานมันก็ต้องเพิ่มขึ้นทุกปีสิ?
ครับ..อันที่จริงมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว อย่าลืมว่าเงินเฟ้อขึ้นทุกปี แล้วการจัดทำงบประมาณเขาก็เขียนแผนกันล่วงหน้าเป็นปี ไม่ได้เขียนกันวันสองวันแล้วไปขอเบิกได้
ที่สำคัญ..ไม่ว่าจะเขียนเบิกเท่าไร ฝ่ายการเมืองในสภา เขามีหน้าที่ต้องขอปรับลดที่เบิกให้น้อยลงอยู่แล้ว เคยฟังประชุมสภากันไหมครับ? ประชุมงบประมาณประจำปีนี่แหละเถียงกันสนุกมาก ว่าด้วยการตัดงบ - เพิ่มงบของแต่ละหน่วยงาน และหน่วยงานพวกนี้ ลงท้ายมักจะไม่ได้งบเป๊ะๆ ตามที่ขอไปหรอกครับ โดนหั่นโดนตัดทั้งนั้น ดังนั้นสบายใจได้ การจะเบิกงบเวอร์ๆ เกินไป มันทำไม่ได้แน่ๆ เพราะฝ่ายการเมืองคงไม่ยอม ( ยกเว้นหน่วยงานเดียวที่ฝ่ายการเมืองไม่กล้าหือ คือกระทรวงกลาโหม - -! )
------------------------
ผมไม่ใช่ ขรก. แต่บางทีเห็นกระแสด่า ขรก. แทบจะทุกเรื่อง ไหลกันตามน้ำ ขึ้นแนะนำแม้กระทั่งเรื่องแค่นี้ ก็เลยอยากแก้ต่างให้บ้าง
อย่าอุดมคติกันให้มากเลยครับ คราวก่อนก็ตำรวจทีแล้ว บ่นกันเหลือเกิน บอกว่าสินบนนำจับนี่แหละ ทำให้จราจรชอบตั้งด่าน
ตำรวจก็คือคน ข้าราชการทั้งหลายก็คน ต้องกินต้องใช้ มีครอบครัวต้องดูแล ระบบเขาถึงออกแบบมาแบบนี้ สร้างแรงจูงใจให้คนอยากทำงาน แต่ระเบียบราชการ ไม่ได้แก้กันง่ายๆ แบบระเบียบเอกชน
เอกชน ถ้าบอร์ดบริหารบอกจะแก้ วันเดียวก็แก้ได้ แต่ราชการ บางทีเป็นปีมันก็ยังแก้ไม่ได้ เพราะขั้นตอนเยอะ แถมผู้ไม่เห็นด้วย อาจจะเอามาออกสื่อ ปั่นกระแสกดดันฝ่ายที่เห็นด้วยอีก ไหนจะเอาไปฟ้องศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. สตง. ฯลฯ อีก
ถึงกระนั้น ผลตอบแทน ขรก. เป็นตัวเงินจับต้องได้ ก็เทียบไม่ได้กับคนทำงานเอกชนอยู่ดี ( แล้วอย่าคิดว่าจะเช้าชามเย็นชามได้ทุกวัน ในบางครั้ง ขรก. เองก็ต้องหอบงานกลับไปทำที่บ้าน ก็มีเหมือนกัน ) แต่ข้อดีกว่าคือสวัสดิการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
อยากให้ชาวเอกชนเข้าใจคนภาครัฐกันบ้างครับ
ปล.จากใจคนอยากทำงานภาครัฐ แต่สอบไม่ผ่านรอบสัมภาษณ์ ทุกวันนี้เลยยังอยู่กับภาคเอกชนนี่แหละ ( ผิดไหมละ? ผมไม่มีความคิดเรื่องโกง เรื่องทุจริตนะครับ ที่อยากทำงานภาครัฐ เพราะไม่อยากแข่งขันกับใครในองค์กรเหมือนสังคมเอกชน )
ชาวเอกชนครับ..ท่านมีปมอะไรกับคนของราชการมากมายนักหรอครับ?
เพียงแต่บางที ผมเห็นกระทู้บ่นเรื่องวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของคนทำงานภาครัฐ แล้วก็มี คห. มากมาย ออกมาก่นด่า ประณาม จิกกัดพวกเขาอยู่บ่อยๆ ถึงขนาดมาม่าเป็นกระทู้แนะนำก็เยอะอยู่พอสมควร
ทั้งที่บางเรื่อง มันก็ไม่ใช่การทุจริตเลย ( ถ้านับตามมาตรฐานแบบไทยๆ ซึ่งเราควรจะใช้มาตรฐานนี้ เราไม่ใช่เยอรมัน เราไม่ใช่ญี่ปุ่น สังคมเราไม่ได้นิยมความเป๊ะเวอร์แบบนั้น )
ผมกำลังพูดถึงเรื่อง "งบสัมมนา = งบไปเที่ยว" นี่แหละครับ
หลายท่านคงจะรู้ดี ว่าเงินเดือน ขรก. มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน? ขนาดวุฒิ ป.โท ป.เอก เงินเดือนยังเทียบไม่ได้กับตำแหน่งลักษณะเดียวกันของเอกชนแม้แต่น้อย
แต่ข้อดีที่คนเลือกจะมาสอบเข้าเป็น ขรก. มันอยู่ที่ "สวัสดิการการดำรงชีวิต" และระเบียบการทำงานบางอย่างนี่แหละครับ
รักษาเบิกได้ , ลูกเรียนหนังสือเบิกได้ , มีบำนาญ ( เดี๋ยวนี้น่าจะเป็นบำเหน็จหมดแล้ว ) พอสมควร , ได้หยุดเสาร์ - อาทิตย์
หรือถ้าไม่ทำผิดวินัย - ผิดกฏหมาย จะอยู่ไปวันๆ ก็ไม่เป็นไร ( ส่วนตัวผมชอบตรงนี้แหละ ทุกวันนี้เบื่อสังคมเอกชนต้องแข่งกันในองค์กร เมื่อเป็นแบบนั้นการปัดแข้งปัดขา แทงข้างหลัง เลื่อยเก้าอี้มันเลยรุนแรงกว่า ขรก. ที่ถ้าไม่ยึดติดยศตำแหน่งมาก จะขึ้นช้าๆ ตามอาวุโสก็ไม่เป็นไร แบบนี้อยู่ได้เป็นสุขครับ )
รวมไปถึง "งบไปเที่ยวประจำปีด้วย"
หลายท่านที่ทำงานเอกชน ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ๆ หน่อย ผู้บริหารคงเตรียมงบสันทนาการประจำปีไว้ เห็นได้จากหลายๆ ที่ มีการปิด Office พาพนักงานไปเที่ยวกันเลย แต่ราชการทำแบบนั้นไม่ได้ครับ..ระเบียบการใช้งบประมาณไม่อนุญาตให้เขียนแน่ๆ ว่าขอเบิกงบพาบุคลากรไปเที่ยวประจำปี
แล้วทำไม ขรก. (รวมทั้ง พนง.ราชการด้วย) ถึงได้ไปเที่ยวกันทุกปี? คำตอบคือ..มันมีธรรมเนียมบางอย่างที่เปิดช่องเอาไว้ครับ
นั่นก็คือ "เบิกงบประจำปีแล้ว กรุณาหาทางใช้ให้หมด อย่าส่งคืนคลัง ถ้าส่งคืน ปีหน้าเขาจะตัดงบประมาณลง เพราะถือว่าหน่วยงานนี้ที่ผ่านมาเบิกงบเกินความจำเป็น จนเหลือต้องส่งคืน ดังนั้นปีหน้าเราจะไม่ให้งบเยอะๆ อีกแล้ว"
ผมไม่รู้ว่าประเทศในอุดมคติของชาวพันติ๊ป อย่างญี่ปุ่นหรือเยอรมันเป็นแบบนี้หรือเปล่า? ( แต่เชื่อว่าคงไม่ อย่างเยอรมันนี่เคยได้ยินเรื่องเล่า แม้กระทั่ง ขรก. มาอบรม ดูงานจริงๆ ไม่ได้มาเที่ยว แต่แค่พักโรงแรมหรูหน่อย ประชาชนเขายังโวย หาว่าฟุ่มเฟือย ) แต่ที่นี่คือประเทศไทย ผมก็ไม่ทราบหรอกว่าธรรมเนียมนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ปีนี้ผมอายุ 29 มั่นใจว่าได้ยินเรื่องธรรมเนียมนี้มาไม่ต่ำกว่า 15 ปีแน่ๆ
แน่นอน..หลังจากเอางบไปใช้ทำงานครบทุกโครงการแล้ว มันย่อมต้องเหลือเงินอยู่บางส่วน ตรงนี้แหละครับ เป็น Bonus เล็กๆ น้อยๆ พาพนักงานไปเที่ยว ไปพักผ่อนบ้าง ภายใต้ชื่อ "โครงการศึกษา สัมมนา ดูงาน" แต่ก็ยังอยู่ในงบประจำปี ไม่ได้ทุจริตแต่อย่างใด ( ตามมาตรฐานแบบไทยๆ เรื่องนี้ไม่ถือว่าโกงนะครับ ) เพราะเอาส่วนที่เหลือจากโครงการที่ต้องทำงานปกติมาใช้
หลายคนฟังแล้วอาจจะกลัว เพราะการเบิกงบแต่ละหน่วยงานมันก็ต้องเพิ่มขึ้นทุกปีสิ?
ครับ..อันที่จริงมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว อย่าลืมว่าเงินเฟ้อขึ้นทุกปี แล้วการจัดทำงบประมาณเขาก็เขียนแผนกันล่วงหน้าเป็นปี ไม่ได้เขียนกันวันสองวันแล้วไปขอเบิกได้
ที่สำคัญ..ไม่ว่าจะเขียนเบิกเท่าไร ฝ่ายการเมืองในสภา เขามีหน้าที่ต้องขอปรับลดที่เบิกให้น้อยลงอยู่แล้ว เคยฟังประชุมสภากันไหมครับ? ประชุมงบประมาณประจำปีนี่แหละเถียงกันสนุกมาก ว่าด้วยการตัดงบ - เพิ่มงบของแต่ละหน่วยงาน และหน่วยงานพวกนี้ ลงท้ายมักจะไม่ได้งบเป๊ะๆ ตามที่ขอไปหรอกครับ โดนหั่นโดนตัดทั้งนั้น ดังนั้นสบายใจได้ การจะเบิกงบเวอร์ๆ เกินไป มันทำไม่ได้แน่ๆ เพราะฝ่ายการเมืองคงไม่ยอม ( ยกเว้นหน่วยงานเดียวที่ฝ่ายการเมืองไม่กล้าหือ คือกระทรวงกลาโหม - -! )
------------------------
ผมไม่ใช่ ขรก. แต่บางทีเห็นกระแสด่า ขรก. แทบจะทุกเรื่อง ไหลกันตามน้ำ ขึ้นแนะนำแม้กระทั่งเรื่องแค่นี้ ก็เลยอยากแก้ต่างให้บ้าง
อย่าอุดมคติกันให้มากเลยครับ คราวก่อนก็ตำรวจทีแล้ว บ่นกันเหลือเกิน บอกว่าสินบนนำจับนี่แหละ ทำให้จราจรชอบตั้งด่าน
ตำรวจก็คือคน ข้าราชการทั้งหลายก็คน ต้องกินต้องใช้ มีครอบครัวต้องดูแล ระบบเขาถึงออกแบบมาแบบนี้ สร้างแรงจูงใจให้คนอยากทำงาน แต่ระเบียบราชการ ไม่ได้แก้กันง่ายๆ แบบระเบียบเอกชน
เอกชน ถ้าบอร์ดบริหารบอกจะแก้ วันเดียวก็แก้ได้ แต่ราชการ บางทีเป็นปีมันก็ยังแก้ไม่ได้ เพราะขั้นตอนเยอะ แถมผู้ไม่เห็นด้วย อาจจะเอามาออกสื่อ ปั่นกระแสกดดันฝ่ายที่เห็นด้วยอีก ไหนจะเอาไปฟ้องศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. สตง. ฯลฯ อีก
ถึงกระนั้น ผลตอบแทน ขรก. เป็นตัวเงินจับต้องได้ ก็เทียบไม่ได้กับคนทำงานเอกชนอยู่ดี ( แล้วอย่าคิดว่าจะเช้าชามเย็นชามได้ทุกวัน ในบางครั้ง ขรก. เองก็ต้องหอบงานกลับไปทำที่บ้าน ก็มีเหมือนกัน ) แต่ข้อดีกว่าคือสวัสดิการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
อยากให้ชาวเอกชนเข้าใจคนภาครัฐกันบ้างครับ
ปล.จากใจคนอยากทำงานภาครัฐ แต่สอบไม่ผ่านรอบสัมภาษณ์ ทุกวันนี้เลยยังอยู่กับภาคเอกชนนี่แหละ ( ผิดไหมละ? ผมไม่มีความคิดเรื่องโกง เรื่องทุจริตนะครับ ที่อยากทำงานภาครัฐ เพราะไม่อยากแข่งขันกับใครในองค์กรเหมือนสังคมเอกชน )