รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนในวันศุกร์ (9) กล่าวโทษสหรัฐฯ กระพือความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ด้วยการยุประเทศอื่นๆ แสดงพฤติกรรมที่เป็นอันตราย หลังจากไม่นานมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับทั้งฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มึนตึงขึ้นมาจากข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล
ในวันพฤหัสบดี (8) ที่ผ่านมา จีนกล่าวหาเวียดนามเจตนาชนเรือของพวกเขาในทะเลจีนใต้ก่อน หลังจากฮานอยแถลงในวันพุธ (7) ว่ากองเรือของปักกิ่งที่กำลังคุ้มกันแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลลึก ซึ่งถูกนำออกมาติดตั้งตรงน่านน้ำในทะเลจีนใต้ที่ 2 ประเทศพิพาทช่วงชิงกันอยู่ ได้ใช้เครื่องฉีดน้ำเข้าโจมตีขับไล่กองเรือตรวจการณ์ของเวียดนาม รวมทั้งพยายามเข้ามาชนกระแทกอยู่หลายครั้ง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บไป 6 คน นับเป็นเหตุการณ์การเผชิญหน้าครั้งร้ายแรงที่สุดในระยะหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนฝั่งสหรัฐฯ ทางกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาตำหนิการเคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าไปยังพื้นที่พิพาทของจีนว่าเป็นการยั่วยุ รวมถึงกัดเซาะสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (9) กระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาย้ำอีกครั้งว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันปฏิบัติการอยู่ภายในเขตและรอบๆ หมู่เกาะหมู่เกาะพาราเซล ซึ่งเป็นอาณาเขตของจีนและไม่ว่าประเทศไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกแซง
“มันเป็นอีกหนึ่งในความเห็นที่ไร้ความรับผิดชอบและผิดพลาดของสหรัฐฯช่วงไม่นานที่ผ่านมา ซึ่งละเลยต่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน่านน้ำที่เป็นประเด็น และยังไปยุยงประเทศอื่นๆ แสดงพฤติกรรมยั่วยุและเป็นอันตรายด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอก “เราเรียกร้องสหรัฐฯ มีพฤติกรรมให้สอดคล้องกับภาพอย่างกว้างของสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคที่ยังมีอยู่ และพูดจาอย่างระมัดระวังต่อประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หยุดพูดจาไร้ความรับผิดชอบ และพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคให้มากกว่านี้”
ความตึงเครียดระหว่างจีนกับประเทศอื่นยังปะทุขึ้นในอีกฝากหนึ่งของทะเลจีนใต้ ด้วยปักกิ่งเรียกร้องฟิลิปปินส์ให้ปล่อยเรือประมงลำหนึ่งพร้อมลูกเรือที่ถูกตำรวจมะนิลาเข้าควบคุมและยึดไปเมื่อวันอังคาร (6) นอกชายฝั่งใกล้สันดอนฮาร์ฟมูน บริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์
ตำรวจฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ต้องเข้ายึดเรือลำดังกล่าวหลังตรวจพบว่าเรือลำนี้บรรทุกเต่าใกล้สูญพันธุ์มากกว่า 350 ตัว ซึ่งได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอกในวันศุกร์ (9) ว่าการกระทำของมะนิลาไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ด้วยการล่วงล้ำเข้ามาจับกุมเรือพร้อมลูกเรือในเขตน่านน้ำของจีน “เราขอเรียกร้องอีกครั้ง ให้ฟิลิปปินส์ปล่อยพวกเขาแบบไม่มีเงื่อนไขในทันที และจีนขอสงวนสิทธิ์์ในการใช้มาตรการเพิ่มเติม”
มะนิลาอ้างว่าเรือจีนถูกควบคุมห่างจากเกาะปาลาวัน เพียงแค่ 96 กิโลเมตร อยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ (320 กิโลเมตร) นับจากเส้นฐานชายฝั่งของฟิลิปปินส์ ขณะที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่มะนิลากับสหรัฐฯ จัดซ้อมรบประจำปี ซึ่งมีนาวิกโยธินจากทั้งสองชาติกว่า 5,500 นายเข้าร่วม และพุ่งเป้าไปที่ความมั่นคงทางทะเล
จีนอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และติดอยู่ท่ามกลางข้อพิพาทอันเผ็ดร้อนกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และบรูไน เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน
เมื่อเดือนที่แล้ว ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงด้านกลาโหมร่วมกันเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยอนุญาตให้มีการเพิ่มกำลังทหารของสหรัฐฯที่ประจำการอยู่ในฟิลิปปินส์ รวมถึงใช้ค่ายทหารบางแห่ง สามารถสร้างสิ่งปลูกใหม่และติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบิน รวมทั้งประจำการเรือในฟิลิปปินส์ได้ ส่วนหนึ่งในแก่นสำคัญของนโยบายปักหมุดเอเชียของประธานาธิบดี บารัค โอบามา
นอกจากนี้ ระหว่างการเดินทางเยือนมะนิลา 2 วัน โอบามา ยังย้ำถึงพันธสัญญาที่มีต่อฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ ว่าจะช่วยปกป้องมะนิลาจากการรุกรานของภายนอก
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000051811
ปักกิ่งกล่าวโทษสหรัฐฯกระพือความตึงเครียดในทะเลจีนใต้
รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนในวันศุกร์ (9) กล่าวโทษสหรัฐฯ กระพือความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ด้วยการยุประเทศอื่นๆ แสดงพฤติกรรมที่เป็นอันตราย หลังจากไม่นานมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับทั้งฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มึนตึงขึ้นมาจากข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล
ในวันพฤหัสบดี (8) ที่ผ่านมา จีนกล่าวหาเวียดนามเจตนาชนเรือของพวกเขาในทะเลจีนใต้ก่อน หลังจากฮานอยแถลงในวันพุธ (7) ว่ากองเรือของปักกิ่งที่กำลังคุ้มกันแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลลึก ซึ่งถูกนำออกมาติดตั้งตรงน่านน้ำในทะเลจีนใต้ที่ 2 ประเทศพิพาทช่วงชิงกันอยู่ ได้ใช้เครื่องฉีดน้ำเข้าโจมตีขับไล่กองเรือตรวจการณ์ของเวียดนาม รวมทั้งพยายามเข้ามาชนกระแทกอยู่หลายครั้ง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บไป 6 คน นับเป็นเหตุการณ์การเผชิญหน้าครั้งร้ายแรงที่สุดในระยะหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนฝั่งสหรัฐฯ ทางกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาตำหนิการเคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าไปยังพื้นที่พิพาทของจีนว่าเป็นการยั่วยุ รวมถึงกัดเซาะสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (9) กระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาย้ำอีกครั้งว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันปฏิบัติการอยู่ภายในเขตและรอบๆ หมู่เกาะหมู่เกาะพาราเซล ซึ่งเป็นอาณาเขตของจีนและไม่ว่าประเทศไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกแซง
“มันเป็นอีกหนึ่งในความเห็นที่ไร้ความรับผิดชอบและผิดพลาดของสหรัฐฯช่วงไม่นานที่ผ่านมา ซึ่งละเลยต่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน่านน้ำที่เป็นประเด็น และยังไปยุยงประเทศอื่นๆ แสดงพฤติกรรมยั่วยุและเป็นอันตรายด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอก “เราเรียกร้องสหรัฐฯ มีพฤติกรรมให้สอดคล้องกับภาพอย่างกว้างของสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคที่ยังมีอยู่ และพูดจาอย่างระมัดระวังต่อประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หยุดพูดจาไร้ความรับผิดชอบ และพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคให้มากกว่านี้”
ความตึงเครียดระหว่างจีนกับประเทศอื่นยังปะทุขึ้นในอีกฝากหนึ่งของทะเลจีนใต้ ด้วยปักกิ่งเรียกร้องฟิลิปปินส์ให้ปล่อยเรือประมงลำหนึ่งพร้อมลูกเรือที่ถูกตำรวจมะนิลาเข้าควบคุมและยึดไปเมื่อวันอังคาร (6) นอกชายฝั่งใกล้สันดอนฮาร์ฟมูน บริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์
ตำรวจฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ต้องเข้ายึดเรือลำดังกล่าวหลังตรวจพบว่าเรือลำนี้บรรทุกเต่าใกล้สูญพันธุ์มากกว่า 350 ตัว ซึ่งได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอกในวันศุกร์ (9) ว่าการกระทำของมะนิลาไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ด้วยการล่วงล้ำเข้ามาจับกุมเรือพร้อมลูกเรือในเขตน่านน้ำของจีน “เราขอเรียกร้องอีกครั้ง ให้ฟิลิปปินส์ปล่อยพวกเขาแบบไม่มีเงื่อนไขในทันที และจีนขอสงวนสิทธิ์์ในการใช้มาตรการเพิ่มเติม”
มะนิลาอ้างว่าเรือจีนถูกควบคุมห่างจากเกาะปาลาวัน เพียงแค่ 96 กิโลเมตร อยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ (320 กิโลเมตร) นับจากเส้นฐานชายฝั่งของฟิลิปปินส์ ขณะที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่มะนิลากับสหรัฐฯ จัดซ้อมรบประจำปี ซึ่งมีนาวิกโยธินจากทั้งสองชาติกว่า 5,500 นายเข้าร่วม และพุ่งเป้าไปที่ความมั่นคงทางทะเล
จีนอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และติดอยู่ท่ามกลางข้อพิพาทอันเผ็ดร้อนกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และบรูไน เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน
เมื่อเดือนที่แล้ว ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงด้านกลาโหมร่วมกันเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยอนุญาตให้มีการเพิ่มกำลังทหารของสหรัฐฯที่ประจำการอยู่ในฟิลิปปินส์ รวมถึงใช้ค่ายทหารบางแห่ง สามารถสร้างสิ่งปลูกใหม่และติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบิน รวมทั้งประจำการเรือในฟิลิปปินส์ได้ ส่วนหนึ่งในแก่นสำคัญของนโยบายปักหมุดเอเชียของประธานาธิบดี บารัค โอบามา
นอกจากนี้ ระหว่างการเดินทางเยือนมะนิลา 2 วัน โอบามา ยังย้ำถึงพันธสัญญาที่มีต่อฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ ว่าจะช่วยปกป้องมะนิลาจากการรุกรานของภายนอก
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000051811