ความจริงมันเกิดตั้งแต่ยังไม่ตาย

สำหรับคนที่เชื่อว่า ตายแล้วยังมีเราเกิดขึ้นมาได้ใหม่อีก เคยคิดบ้างหรือไม่ว่า

ทำไมเราจึงต้องตายก่อนแล้วจึงค่อยเกิดเราขึ้นมาใหม่?

มันจะเกิดเราขึ้นมาใหม่โดยที่เราขณะนี้ยังไม่ตายไม่ได้หรือ?

และถ้าต้องให้เราในปัจจุบันตายก่อน จึงจะมีเราในอนาคตเกิดขึ้นมาได้ ก็เท่ากับเราในปัจจุบันคือ เหตุ ที่ทำให้เกิด ผล คือ เราในอนาคต ทีนี้ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วเราที่เป็นต้นเหตุนั้นเกิดมาได้อย่างไร? ซึ่งชีวิตในโลกนี้ก็มีมากมาย แล้วต้นเหตุ (ต้นกำเนิด) ของทุกชีวิตมาจากอะไร? เพราะเมื่อต้องตายก่อนจึงจะมีการเกิด

แน่นอนว่าคำตอบของปัญหาเหล่านี้ก็ไม่มีใครรู้จริงได้ เพราะนี่เป็นแค่ความเชื่อ ที่ไม่ต้องมีเหตุผลมาอธิบาย ไม่ต้องมีหลักฐานมายืนยัน และไม่ต้องการพิสูจน์หาความจริง ขอให้เชื่อมันเอาไว้ก็พอ เพื่อที่จะได้ไม่ทำชั่ว จะได้ทำแต่ความดี เพื่อเกิดใหม่จะได้ไม่ต้องรับผลชั่ว จะได้รับแต่ผลดี ซึ่งนี่เป็นหลักของศีลธรรม ที่มีผลทำให้ชีวิตมีความปกติสุขและสังคมสงบสุขเท่านั้น แต่ยังดับทุกข์ทางใจที่เกิดจากความยึดถือว่ามีเราแก่ เราเจ็บ เราจะตาย เราพลัดพรากจากบุคคลและสิ่งที่รัก เราประสบกับบุคคลและสิ่งที่ไม่รัก และเราที่ผิดหวัง ไม่ได้

สำหรับคำสอนในระดับปรมัตถธรรม (ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์สูงสุด) ของพระพุทธเจ้า จะสอนเรื่องการดับทุกข์ทางใจที่คำสอนระดับศีลธรรมยังดับไม่ได้ ซึ่งจะสอนให้ใช้ปัญญา ศีล สมาธิมาทำงานร่วมกันในการดับทุกข์ทางใจทั้งอย่างชั่วคราวและอย่างถาวร

เมื่อใช้ปัญญาก็จะไม่ใช้ความเชื่อ อย่างความเชื่อในระดับศีลธรรม คือความเชื่อในระดับศีลธรรมจะนำมาใช้ในการปฎิบัติเพื่อดับทุกข์ไม่ได้ ดังนั้นถ้าใครยังเชื่อว่า ต้องตายก่อนแล้วจึงค่อยเกิด ก็เท่ากับว่ายังไม่มีปัญญาระดับสูงที่จะนำมาใช้ดับทุกข์ เพราะปัญญาระดับสูงจะสอนเรื่อง อนัตตา คือความไม่ใช่ตัวตน โดยจะสอนว่า ชีวิต (คือร่างกายและจิตใจ) ของเราทั้งหลายนี้ เป็นเพียงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งหรือสร้างสรรค์ขึ้นมาของธรรมชาติเท่านั้น เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วจะไม่สามารถตั้งอยู่ไปชั่วนิรันดรได้ ซ้ำขณะที่ยังไม่ตายก็ยังมีแต่ความยากลำบากในการดูแลรักษาอีกด้วย ดังนั้นชีวิตของเรานี้จึงหาสิ่งที่เป็นเราจริงๆชนิดที่จะตั้งอยู่ไปชั่วนิรันดรหรือเป็นอมตะไม่มี

ซึ่งนี่ก็เท่ากับว่า มันไม่มีเราอยู่จริง มีแต่เราที่เป็นมายาหรือเราชั่วคราวเท่านั้น และเราที่เป็นมายาหรือชั่วคราวนี้ ก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาติปรุงแต่งหรือสร้างขึ้นมาจากสิ่งพื้นฐานที่ธรรมชาติมีอยู่ (คือธาตุ ๖ อันได้แก่ ของแข็ง ของเหลว อุณหภูมิ ก๊าซ สุญญากาศ และ วิญญาณ - การรับรู้) เท่านั้น ดังนั้นมันก็เท่ากับว่า ไม่ได้มีตัวตน (อัตตา) ที่เป็นเรามาเกิด มีแต่การปรุงแต่งให้เกิดตัวตนมายาหรือชั่วคราว (อนัตตา) ขึ้นมาเท่านั้น และแม้จะตายก็ไม่มีเราที่จะตายจริง เพราะแม้ขณะที่ยังไม่ตาย ก็ยังไม่มีเราอยู่จริง

ถ้าเราจะ (ปฏิบัติ) ทำจิตให้บริสุทธิ์จากความรู้สึกว่ามีตัวเราได้แล้ว (แม้เพียงชั่วคราว) เราก็จะเข้าใจได้ว่า แท้จริงทุกชีวิตมันก็เหมือนกันกับชีวิตของเรานี่เอง (ชีวิตมีเพียงหนึ่ง)

ดังนั้นแม้ชีวิตของเรานี้จะยังไม่ตาย มันก็ยังมีชีวิตอย่างนี้เกิดขึ้นมาอยู่แล้วทั่วโลก เพียงแต่ว่ามีความแตกต่างกันในรูปร่าง (เช่น ชาย หญิง ผิวขาว ผิวดำ เป็นต้น) ความจำ และการคิดนึกเท่านั้น (เพราะรูปร่าง ความจำ และการคิดนึกจะถูกสภาพแวดล้อมของแต่ละคนกำหนดให้เกิดขึ้น) ส่วนการรับรู้และความรู้สึก จะเหมือนกันหมด ไม่แตกต่างกัน และถ้าเราจะเข้าใจได้เช่นนี้ ความทุกข์ทางใจก็จะไม่มีหรือมีน้อยลงอย่างมากได้ รวมทั้งถ้าช่วยกันเผยแพร่ความรู้นี้ต่อไป จนผู้คนเข้าใจมากขึ้น สันติภาพก็จะกลับคืนมาได้ หลังจากที่ได้สูญเสียมันไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่