สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคน ผมได้ลาออกจากงานประจำ เรียนต่อ แล้วก็เริ่มชีวิต Tech Startup ทำเว็บไซต์หางานมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้วครับ วันนี้ผมอยากจะมาแชร์ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของผมว่าเป็นยังไงบ้าง เผื่อว่าใครที่จะเริ่มหรือกำลังเริ่มเป็น Startup จะได้รู้ว่าสิ่งที่อาจจะเจอในอนาคตจะมีอะไรบ้าง และเผื่อว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จะมีคำแนะนำว่าอนาคตผมจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้างนะครับ
ในตอนแรกที่เพื่อนของผมมาคุยกับผมเรื่องไอเดียทำไอ้ Startup เนี่ย ผมก็รู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียนี้มากๆ เลย ประมาณว่ากูต้องเป็นมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กคนต่อไปแน่นอน ในใจก็วาดฝันถึงตอนที่ทำทุกอย่างสำเร็จแล้ว แบบว่าขึ้นไปยืนบนเวที พูดคำพูดเท่ๆ เหมือนสตีฟ จ๊อบส์เวลาขายไอโฟนอะไรแบบนั้นเลย
หารู้ไม่ว่า จากที่คิดว่าจะหาเงินได้เป็นล้าน ตอนนี้หัวจะล้านเอาเพราะเครียด ฮ่าๆ
ถ้าไอเดียเป็น Input และความสำเร็จเป็น Output ทุกวันนี้สิ่งที่ผมเจออยู่ก็คงจะเป็น Work in process ซึ่งไอ้ Process ที่ว่าเนี่ยบังเอิญมันมี Defect ในเรตที่สูงมากๆ ซะด้วยสิ
สิ่งแรกๆ ที่ผมเรียนรู้จากการเป็น Startup เลยก็คือคำว่า ‘Bootstrap’ หรือเรียกง่ายๆ เป็นภาษาไทยว่าการรัดเข็มขัดนั่นเอง เพราะว่าเงินมันไม่ค่อยจะพอใช้ จากเดิมที่เป็นคนซื้ออะไร กินอะไร ไม่ค่อยคิด (อันนี้นิสัยเสียนะครับ ไม่แนะนำให้ทำตาม ฮ่าๆ) กลายเป็นคิดทุกอย่างเลย อย่างเวลาเพื่อนๆ ชวนผมไปกินข้าวแล้วถามผมว่าจะกินอะไร คำพูดที่ผมพูดก็เปลี่ยนจากคำว่า “กินอะไรก็ได้” เป็น “กินอะไรก็ได้… ที่ถูกๆ”
อย่างที่สองคือเวลาที่ถูกดูดไปไม่ว่าจะเป็น เสาร์ อาทิตย์ หรือแม้แต่วันแรงงานที่ผ่านมา ผมก็ยังคงต้องนั่งคิด นั่งทำงาน แล้วก็นัดเจอเพื่อนร่วมทีมของผม หลายๆ ครั้งทำให้ผมไม่มีเวลาให้ที่บ้าน ไม่มีเวลาให้แฟน ผมก็เลยต้องมานั่งคิดๆ จัดตารางเวลาว่าวันไหนจะจะทำงาน วันไหนจะไปกับที่บ้าน และวันไหนจะไปกับแฟน การเป็น Startup มันทำให้ผมเห็นค่าของคำว่า ‘เวลา’ มากขึ้นเยอะเลยล่ะ
อย่างที่สามคือเรื่อง Passion และ Discipline เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลยล่ะ ชีวิต Startup ต่างกับชีวิตงานประจำที่ผมเคยทำอย่างลิบลับเลย งานประจำนั้นผมเข้าออกเป็นเวลา และตัวผมเองก็ถูกกำหนดด้วยยอดขายหรือ KPI นู่นนี่ แต่พอมาเป็น Startup นั้น ไม่มีใครมากำหนดเวลาเข้าออกงานของผมอีกแล้ว ไม่มีใครมากำหนดยอดขายหรือ KPI ด้วย สำเร็จหรือล้มเหลว ทุกอย่างผม (กับเพื่อน) เป็นคนกำหนดเองทั้งนั้น บางครั้งผมรู้สึกลังเล ไม่แน่ใจจนต้องถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่มันดีแล้วเหรอ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ เคยเป็นกันบ้างไหมที่เห็นเป้าหมายที่อยู่บนหัวเรา แต่ไม่รู้ว่าบันไดไหนที่จะพาไปถึงเป้าหมายอันนั้น
และสุดท้าย ผมว่าสิ่งนี้สำคัญที่สุดเลยล่ะ การทำ Startup มันทำให้ผมรู้ว่าคนรอบตัวผม มีคนเจ๋งๆ เก่งๆ มากมายที่พร้อมจะเสี่ยงตามล่าหาความฝันของตัวเอง เวลาผมไปนั่งฟังพี่ๆ ที่ประสบความสำเร็จแล้วมานั่งแชร์ประสบการณ์ให้ฟังมันได้แรงบันดาลใจมากๆ ประมาณว่ามีรังสีแห่งความกร้านโลก และก็รังสีแห่งความภูมิใจใน Product ของตัวเองแผ่ออกมาเลย (อารมณ์ประมาณไปฟังธุรกิจ MLM แต่ผมกับพวกพี่ๆ เหล่านั้นไม่ได้ผูกความสำเร็จไว้ด้วยกัน พวกพี่ๆ เขาก็มีผลิตภัณฑ์ของเขา ผมก็มีของผม) และมันก็ทำให้ผมเห็นซึ้งว่าหลายๆ คน กว่าจะไปถึงจุดที่เขายืนอยู่ได้เขาก็ต้อง ‘ดิ้น’ มาเยอะเหมือนกัน
นี่คือสิ่งหลักๆ ที่ผมเรียนรู้มาตลอดระยะเวลาประมาณ 6 เดือนกับการเป็น Startup นะครับ ใครมีประสบการณ์หรือมีความเห็นอะไรก็มาแชร์กันเพื่อเป็นวิทยาทานให้ผมและเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้นะครับ
ขอบคุณครับ
6 เดือนกับชีวิต Tech Startup… จากร้อยสู่ (หัว) ล้าน
ในตอนแรกที่เพื่อนของผมมาคุยกับผมเรื่องไอเดียทำไอ้ Startup เนี่ย ผมก็รู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียนี้มากๆ เลย ประมาณว่ากูต้องเป็นมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กคนต่อไปแน่นอน ในใจก็วาดฝันถึงตอนที่ทำทุกอย่างสำเร็จแล้ว แบบว่าขึ้นไปยืนบนเวที พูดคำพูดเท่ๆ เหมือนสตีฟ จ๊อบส์เวลาขายไอโฟนอะไรแบบนั้นเลย
หารู้ไม่ว่า จากที่คิดว่าจะหาเงินได้เป็นล้าน ตอนนี้หัวจะล้านเอาเพราะเครียด ฮ่าๆ
ถ้าไอเดียเป็น Input และความสำเร็จเป็น Output ทุกวันนี้สิ่งที่ผมเจออยู่ก็คงจะเป็น Work in process ซึ่งไอ้ Process ที่ว่าเนี่ยบังเอิญมันมี Defect ในเรตที่สูงมากๆ ซะด้วยสิ
สิ่งแรกๆ ที่ผมเรียนรู้จากการเป็น Startup เลยก็คือคำว่า ‘Bootstrap’ หรือเรียกง่ายๆ เป็นภาษาไทยว่าการรัดเข็มขัดนั่นเอง เพราะว่าเงินมันไม่ค่อยจะพอใช้ จากเดิมที่เป็นคนซื้ออะไร กินอะไร ไม่ค่อยคิด (อันนี้นิสัยเสียนะครับ ไม่แนะนำให้ทำตาม ฮ่าๆ) กลายเป็นคิดทุกอย่างเลย อย่างเวลาเพื่อนๆ ชวนผมไปกินข้าวแล้วถามผมว่าจะกินอะไร คำพูดที่ผมพูดก็เปลี่ยนจากคำว่า “กินอะไรก็ได้” เป็น “กินอะไรก็ได้… ที่ถูกๆ”
อย่างที่สองคือเวลาที่ถูกดูดไปไม่ว่าจะเป็น เสาร์ อาทิตย์ หรือแม้แต่วันแรงงานที่ผ่านมา ผมก็ยังคงต้องนั่งคิด นั่งทำงาน แล้วก็นัดเจอเพื่อนร่วมทีมของผม หลายๆ ครั้งทำให้ผมไม่มีเวลาให้ที่บ้าน ไม่มีเวลาให้แฟน ผมก็เลยต้องมานั่งคิดๆ จัดตารางเวลาว่าวันไหนจะจะทำงาน วันไหนจะไปกับที่บ้าน และวันไหนจะไปกับแฟน การเป็น Startup มันทำให้ผมเห็นค่าของคำว่า ‘เวลา’ มากขึ้นเยอะเลยล่ะ
อย่างที่สามคือเรื่อง Passion และ Discipline เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลยล่ะ ชีวิต Startup ต่างกับชีวิตงานประจำที่ผมเคยทำอย่างลิบลับเลย งานประจำนั้นผมเข้าออกเป็นเวลา และตัวผมเองก็ถูกกำหนดด้วยยอดขายหรือ KPI นู่นนี่ แต่พอมาเป็น Startup นั้น ไม่มีใครมากำหนดเวลาเข้าออกงานของผมอีกแล้ว ไม่มีใครมากำหนดยอดขายหรือ KPI ด้วย สำเร็จหรือล้มเหลว ทุกอย่างผม (กับเพื่อน) เป็นคนกำหนดเองทั้งนั้น บางครั้งผมรู้สึกลังเล ไม่แน่ใจจนต้องถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่มันดีแล้วเหรอ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ เคยเป็นกันบ้างไหมที่เห็นเป้าหมายที่อยู่บนหัวเรา แต่ไม่รู้ว่าบันไดไหนที่จะพาไปถึงเป้าหมายอันนั้น
และสุดท้าย ผมว่าสิ่งนี้สำคัญที่สุดเลยล่ะ การทำ Startup มันทำให้ผมรู้ว่าคนรอบตัวผม มีคนเจ๋งๆ เก่งๆ มากมายที่พร้อมจะเสี่ยงตามล่าหาความฝันของตัวเอง เวลาผมไปนั่งฟังพี่ๆ ที่ประสบความสำเร็จแล้วมานั่งแชร์ประสบการณ์ให้ฟังมันได้แรงบันดาลใจมากๆ ประมาณว่ามีรังสีแห่งความกร้านโลก และก็รังสีแห่งความภูมิใจใน Product ของตัวเองแผ่ออกมาเลย (อารมณ์ประมาณไปฟังธุรกิจ MLM แต่ผมกับพวกพี่ๆ เหล่านั้นไม่ได้ผูกความสำเร็จไว้ด้วยกัน พวกพี่ๆ เขาก็มีผลิตภัณฑ์ของเขา ผมก็มีของผม) และมันก็ทำให้ผมเห็นซึ้งว่าหลายๆ คน กว่าจะไปถึงจุดที่เขายืนอยู่ได้เขาก็ต้อง ‘ดิ้น’ มาเยอะเหมือนกัน
นี่คือสิ่งหลักๆ ที่ผมเรียนรู้มาตลอดระยะเวลาประมาณ 6 เดือนกับการเป็น Startup นะครับ ใครมีประสบการณ์หรือมีความเห็นอะไรก็มาแชร์กันเพื่อเป็นวิทยาทานให้ผมและเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้นะครับ
ขอบคุณครับ